Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
27 เมษายน 2552
 
All Blogs
 

สำรวจความคิดเห็นท่ามกลางการต่อสู้ที่โรยไปด้วยหนามกุหลาบ



สิงหา ลาวา



“พอรู้เรื่องน้ำตาตกในเลย นี่หรือผลตอบแทนของคนที่ทำงานเพื่อคนอื่นมาตลอด” สมาชิกสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ฯกล่าว

จากการที่พันธมิตรปลุกระแสสร้างเรื่องทำให้ประธานสหภาพไทรอัมพ์ฯเป็นเหยื่อทางการเมืองเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามของตนเอง ส่งผลให้ บริษัท บอดี้แฟชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้ฉวยโอกาสเลิกจ้างประธานสหภาพฯ ด้วยการแอบไปยืนคำร้องต่อศาลแรงงานอย่างลับๆ เพื่อขออนุญาตเลิกจ้างประธานสหภาพฯ โดยกล่าวหาว่า การที่ประธานสหภาพฯ ใส่เสื้อ “ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร คิดต่างไม่ใช่อาชญากรรม” ออกรายการโทรทัศน์ช่อง NBT เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ “ทำท้อง...ทำแท้ง” เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมานั้น ทำให้เสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัทฯลูกค้าและประชาชนทั่วไปคว่ำบาตรสินค้าของบริษัทฯ นอกจากนี้พนักงานของบริษัทฯ และประชาชนเรียกร้องให้บริษัทฯ ดำเนินการกับประธานสหภาพฯ



ตลอดกระบวนการพิจารณาคดีดังกล่าว ประธานสหภาพฯ ไม่เคยทราบเรื่องและได้รับการติดต่อใดๆ ทั้งสิ้นจากทั้งศาลแรงงานและบริษัทฯ ศาลได้พิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวจนกระทั่งมีคำตัดสินลับหลังเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2551 อนุญาตให้ทางบริษัทฯสามารถเลิกจ้างนางสาวจิตรา คชเดชได้ ล่วงเลยมาอีกหลายวัน วันที่ 29 ก.ค. 51 ทางบริษัทฯ ถึงได้เรียกนางสาวจิตรา ประธานสหภาพฯ ไปพบผู้บริหาร โดยทางบริษัทฯ ได้นำรถของบริษัทฯ มารับไปที่สำนักงานใหญ่ ณ อาคารวานิช 2 ในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งสั่งห้ามให้บุคคลอื่นตามไปเป็นเพื่อน เมื่อพบกับผู้บริหารฯ ประธานสหภาพฯ ถึงได้รับแจ้งให้ทราบว่าบริษัทฯ ได้ขออำนาจศาลเลิกจ้างและศาลได้มีคำตัดสินอนุญาตให้ทางบริษัทฯสามารถเลิกจ้างได้แล้ว ในครั้งนั้นนายเคนเนท หลุย มาร์แชล ได้เสนอให้ประธานสหภาพฯ เขียนใบลาออกโดยทางบริษัทฯ จะให้เงินชดเชยเป็นจำนวนเท่ากับค่าจ้าง 11 เดือน แต่ทางประธานสหภาพฯ ยืนยันไม่ขอรับข้อเสนอของทางบริษัทฯ เพราะไม่เชื่อว่าคำตัดสินของศาลแรงงานดังกล่าวเป็นความจริงเนื่องจากไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน



ดังนั้นทางบริษัทฯ จึงเลิกจ้างประธานสหภาพฯ ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. 51 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ในเช้าวันดังกล่าวเมื่อพนักงานในบริษัทฯ ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นพร้อมกับพิจารณาพฤติกรรมที่ทางผู้บริหารเคยทำมาเป็นประจำ จึงไม่พอใจการกระทำของผู้บริหารอย่างรุนแรงและตัดสินใจพากันผละงานออกมาเพื่อเรียกร้องให้บริษัทฯ รับประธานสหภาพฯ กลับเข้าทำงาน เนื่องจากพนักงานเชื่อว่าทางบริษัทฯ มีเจตนาที่จะทำลายสหภาพแรงงาน ทั้งนี้ทางสมาชิกสหภาพกว่า 3 พันคนได้ร่วมใจกันผละงาน โดยชุมนุมประท้วงอยู่หน้าโรงงานพร้อมทั้งเคลื่อนไหวในสังคมจนถึงวันที่ 13 กันยายน 2551 เป็นเวลา 46 วัน จึงได้สิ้นสุดการชุมนุมประท้วง ภายใต้ข้อตกลงร่วมระหว่างสหภาพกับบริษัท



โดยระหว่าง 46 วันของการต่อสู้ยุทธปัจจัยที่สำคัญแม้จะไม่อาจเทียบเท่าหัวใจอันกล้าหาญและรักความเป็นธรรมของสมาชิกที่ออกมาเท่านั้น แต่สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือเงินทั้งในส่วนกิจกรรมของสหภาพและส่วนตัวของสมาชิกที่เป็นเงินจำนวนมาก เฉพาะในส่วนของกิจกรรมของสหภาพคือทั้งในการบริหารในที่ชุมนุมและการรณรงเคลื่อนไหวในสังคม รวมถึงเงินช่วยเหลือและเงินให้ยืมฟรีซึ่งไม่ต่ำกว่าล้าน ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็นข้อจำกัดในการต่อสู้ของคนจนชนชั้นล่างอย่างยิ่ง เพราะการออกมาต่อสู้ครั้งนี้นั้นนอกจากต้องมีค่าใช้จ่ายแล้วนั่นหมายถึงการสูญเสียรายได้ของตัวเองและครอบครัวไปอีก จึงไม่ต่างจากการต่อสู้ที่โรยไปด้วยหนามกุหลาบเมื่อเที่ยบกับขบวนการของชนชั้นนำและกลาง



ทั้งนี้จากการสำรวจโดย “แบบสอบถามความคิดเห็นและทัศนคติของผู้ชุมนุม สร.ไทรอัมพ์” จากสมาชิกสหภาพ สร.ไทรอัมพ์ ที่ชุมนุมอยู่บริเวณโรงงาน เมื่อวันที่ 11 ก.ย.51 โดยใช้วิธีการสุมตัวอย่างแบบเป็นระบบ ซึ่งทำการสุ่มตัวอย่างจากบัญชี “รายชื่อผู้ร่วมชุมนุมที่หน้าโรงงาน” ทั้งนี้ได้ทำการสุ่มจากผู้ที่อยู่ในลำดับที่ 20 ในบัญชี แล้วเว้นช่วง 20 รายชื่อต่อไปเรื่อยๆ จนได้ตัวอย่างจำนวน 120 คน คิดเป็นร้อยละ 5 จากจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนทั้งหมด 2,393 คน ซึ่งผลมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้



ผลปรากฏว่าประชากรตัวอย่างอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 34.83 ปี อายุงานเฉลี่ยอยู่ที่ 12.45 ปี และจำนวนปีที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานเฉลี่ยอยู่ที่ 11.59 ปี เงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 9,331.51 บาท แต่รายจ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 10,314.28 บาท ส่วนของประชากรตัวอย่างที่มีเงินออมร้อยละ 11.4 ของประชากรตัวอย่างทั้งหมดนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 5,773.46 บาท ซึ่งประชากรตัวอย่างส่วนที่มีหนี้ร้อยละ 60.5 ของประชากรตัวอย่างทั้งหมดนั้นอยู่ที่ 180,817.75 บาท และต้องจ่ายดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 2,960.69 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ประชากรตัวอย่างมีสมาชิกครอบครัวเฉลี่ยอยู่ที่ 3.61 คน โดยมีสมาชิกครอบครัวที่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.67 คน



ในประเด็นแรงงานสัมพันธ์ของผู้บริหาร ประชากรตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยอย่างยิ่งมากที่สุดว่าผู้บริหารของบริษัทมีแรงงานสัมพันธ์ที่ไม่ดีมาโดยตลอดคิดเป็นร้อยละ 45.6 รองลงมาคือเห็นด้วยว่ามีแรงงานสัมพันธ์ที่ไม่ดีคิดเป็นร้อยละ 36.8 ประเด็นการรับประธานกลับเข้าทำงานนั้น กลุ่มประชากรตัวอย่างทั้งหมดนั้นไม่เห็นด้วยหากตนเองต้องกลับเข้าทำงานโดยที่ไม่มีประธานสหภาพกลับเข้าไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่คือผู้ที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 48.2 รองลงมาคือไม่เห็นด้วยคิดเป็นร้อยละ 35.1 ส่วนเรื่องสหภาพนั้น ในการเลิกจ้างประธานฯ คนนี้นั้น กลุ่มประชากรตัวอย่างนั้นส่วนใหญ่เห็นด้วยอย่างยิ่งมากที่สุดคิดว่าจะทำให้สหภาพเราอ่อนแอลงมากคิดเป็นร้อยละ 62.3 รองลงมาคือเห็นด้วยคิดเป็นร้อยละ 31.6 นอกจากนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งมากที่สุดว่าจะนำไปสู่การล้มสหภาพต่อไปคิดเป็นร้อยละ 64.9 รองลงมาคือเห็นด้วยคิดเป็นร้อยละ 32.5



เมื่อถามถึงความมั่นใจในการทำงานของประธาน(จิตรา)คนนี้ กลุ่มประชากรตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยอย่างยิ่งมากที่สุดว่ามั่นใจในการทำงานคิดเป็นร้อยละ 62.3 รองลงมาคือเห็นด้วยคิดเป็นร้อยละ 36 และกลุ่มประชากรตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยอย่างยิ่งมากที่สุดคิดว่าหากสหภาพอ่อนแอจะทำให้บริษัทยิ่งกดขี่คิดเป็นร้อยละ 79.8 รองลงมาคือเห็นด้วยคิดเป็นร้อยละ 18.4 ในส่วนความต้องการที่จะสู้ต่อไปนั้น ส่วนใหญ่กลุ่มประชากรตัวอย่างเห็นด้วยอย่างยิ่งมากที่สุดว่าแม้จะกลับเข้าทำงานก็จะต่อสู้เพื่อปกป้องสหภาพต่อไปไม่ว่าวิธีใดก็ตามคิดเป็นร้อยละ 60.5 รองลงมาคือเห็นด้วยคิดเป็นร้อยละ 36 และกลุ่มประชากรตัวอย่างเห็นด้วยอย่างยิ่งมากที่สุดว่าหากจิตราไม่ได้กลับเข้าไปทำงานจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจในการต่อสู้คิดเป็นร้อยละ 55.3 รองลงมาคือเห็นด้วยคิดเป็น 39.5 แต่กลุ่มประชากรตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยอย่างยิ่งมากที่สุดว่าหากจิตราไม่ได้กลับเข้าทำงานก็ยังยินดีให้จิตราทำงานเพื่อสหภาพต่อคิดเป็นร้อยละ 69.3 รองลงมาคือเห็นด้วยคิดเป็นร้อยละ 28.1 โดยกลุ่มประชากรตัวอย่างเห็นด้วยอย่างยิ่งมากที่สุดว่าการผละงานครั้งนี้ถือเป็นวิธีการที่ถูกแล้วในการต่อสู้คิดเป็นร้อยละ 61.4 รองลงมาคือเห็นด้วยคิดเป็นร้อยละ 32.5



ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดจากการสำรวจคือจำนวนรายจ่ายที่มากกว่ารายได้ในแต่ละเดือน รวมถึงจำนวนหนี้และดอกเบี้ยที่ต้องชำระในแต่ละเดือนนั้น แม้แต่ละคนจะเข้าใจในการต่อสู้ รวมถึงใจเกินร้อยเพราะการสำรวจเพื่อตัดสินใจในวันที่ 12 ก่อนที่จะมีการตกลงบนโต๊ะเจรจาพบว่า สมาชิกสหภาพส่วนใหญ่ร้อยละ 93.92 จากจำนวนที่สามารถสำรวจได้ในขณะนั้นคือ 2,320 คน เลือกแนวทางของสหภาพฯ จาก “แนวทางการต่อสู้ของสหภาพ”คือเดินทางไปพบนายจ้างที่สวิสเซอแลนด์ในวันที่ 22 ก.ย.51 – 2 ต.ค.51 เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจน ซึ่งประกอบด้วย 1.บริษัทรับจิตรากลับโดยไม่มีเงื่อนไข 2.บริษัทรับพนังงานกลับโดยไม่มีเงื่อนไข และไม่เอาโทษทางวินัยแพ่งและอาญากับพนังงานทุกคน และ 3.ให้บริษัทจ่ายค่าจ้างพนักงานทุกคนในระหว่างหยุดงาน ซึ่งหมายถึงการยืนหยัดต่อสู้ต่อไป



ในขณะที่มีผู้ที่เลือกแนวทางของบริษัท จาก “ข้อเสนอของบริษัท”ที่ได้จากการเจรจาเมื่อวันที่ 11 ก.ย.51 คือ 1.จะรับจิตรากลับเมื่อศาลตัดสินให้รื้อพิจารณาคดีใหม่ 2.บริษัทไม่คัดค้านการขอพิจารณาใหม่ของจิตรา 3.บริษัทไม่ตกลงที่จะไม่ส่งพยานและหลักฐานเพิ่มในการพิจารณาคดีใหม่ 4.บริษัทตกลงรับพนักงานทุกคนที่ร่วมชุมนุมกลับไม่เอาโทษทางวินัย แพ่งและอาญา 5.บริษัทไม่จ่ายค่าจ้างในระหว่างการหยุดงาน แต่เสนอโปรแกรมเงินโบนัส ประกอบด้วย 5.1) ช่างเย็บและผู้ที่เกี่ยวข้องกับช่างเย็บคนละ 200 บาทต่อสัปดาห์ 5.2) พนังงานรายเดือนที่ไม่เกี่ยวข้องกับช่างเย็บ 6% ต่อเดือน 5.3) แต่ต้องทำตามเป้าที่บริษัทกำหนด ซึ่งในส่วนนี้มีเพียงร้อยละ 5.6 เท่านั้น



แต่เมื่อดูจากข้อตกลงในวันที่ 12 นั้นจะเห็นได้ว่าเป็นการแลกระหว่างเสบียงในการต่อสู้ต่อในสนามรบใหม่คือข้างในโรงงานคือเงิน 5,200 บาทของผู้ที่ผละงาน (ซึ่งส่งผลให้พนังงานส่วนอื่นได้รับด้วย) กับการรับประธานให้ฝากไว้กับเกระบวนการทางศาล เนื่องจากข้อจำกัดการต่อสู้ที่โรยไปด้วยหนามกุหลาบของคนจนชนชั้นล่างนั้น



ถึงแม้ประธานจะยังไม่กลับเข้าไปในขณะนี้ก็ตาม แต่การออกมาครั้งนี้ได้ สร้าง “จิตรา” กลับเข้าไปทำงานกว่า 2 พันคนคือสมาชิกสหภาพที่ผ่านสนามรบนี้ที่มีความมั่นใจและเข้าใจถึงการกดขี่ที่เกิดขึ้นในโรงงานและสังคมเพิ่มขึ้น รวมถึงได้เปิดพื้นที่เปิดแนวรบในสังคม ซึ่งถือเป็นทรัพยากรในการต่อสู้ที่สำคัญของขบวนการแรงงาน ดังนั้นยุทธศาสตร์การเปลี่ยนสนามรบในช่วงจังหวะนี้จึงทำให้การรบในสนามนี้มีชัย เพื่อก้าวสู้สนามต่อไปในสงครามเพื่อความเป็นธรรมนั่นเอง



เพราะ “การผละงานออกมาปกป้องสหภาพฯ ครั้งนี้ เป็นชัยชนะอย่างหนึ่ง ทุกคนกล้าออกมาประกาศว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็พร้อมออกมาปกป้องสหภาพฯ คนงานเองแม้จะไม่บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ทั้งหมด แต่ด้วยเงื่อนไขทางเศรษฐกิจทำให้ต้องตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ครั้งนี้ ทำให้รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรต่อไปในอนาคต” (จิตรา กล่าว)



โดยล่าสุดวันที่ 23 ศาลได้มีคำสังให้รื้อพิจารณาคดีใหม่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสนามรบอีกสนามหนึ่งนั่นเอง แม้สนามนี้จะเสียเปรียบก็ตาม




 

Create Date : 27 เมษายน 2552
0 comments
Last Update : 27 เมษายน 2552 13:21:45 น.
Counter : 3361 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Darksingha
Location :
สมุทรสงคราม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]





Click for use Graphics comment


Darksingha ที่แสดงถึงอำนาจและความมืดมัว ผมให้แทนคำว่า Age of Doubt หรือยุคแห่งความสงสัยก็แล้วกัน ดังนั้นBlogนี้จึงเป็นแดนสนธยาที่เต็มไปด้วยหมอกควันแห่งคำถาม และการละเล่น เพื่อแสวงหา ?


TV3 Live CH5 Live CH7 Live Modernine TV Live NBT LIVE - CH11 TPBS - Public Channel ASTV1 New11 - Online News 24 hours Nation Channel DMC.TV - Buddhistic Television ASTV5 - Suvarnbhumi ASTV7 - Buddhistic Television  True New 24 Channel  skynew  cnnibn Channel  cnn Channel  bbcnews_island Channel  cctv  Channel  bfmtv  Channel  ntv  Channel  fox8 Channel  foxnews5 Channel  cspan  Channel  france24 Channel  world_explorer Channel  discovery_channel Channel  nasa  Channel kimeng-channel dmc-channel ebr-channel research-channel utv-channel michigan-channel at-florida-channel islam-channel peace-usa-channel bbc-panorama-channel CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live

music is life

ชุมทางเพลงเพื่อชีวิต

Friends' blogs
[Add Darksingha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.