Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2552
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
19 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 

ก่อนจะมาเป็นล่ามน้อยลอยชูช่อรออรุณ # kim mi bun

氷雨

飲(の)ませて下(くだ)さい もう少(すこ)し
今夜(こんや)は帰(かえ)らない 帰(かえ)りたくない
誰(だれ)が待(ま)つと言(い)うの あの部屋(へや)で
そうよ誰(だれ)もいないわ 今(いま)では
唄(うた)わないで下(くだ)さい その歌(うた)は
別(わか)れたあの人(にん)を 想い出(おもいで)すから
飲(の)めばやけに 涙(なみだ)もろくなる
こんなあたし許(ゆる)して下(くだ)さい

外(そと)は冬(ふゆ)の雨(あめ)まだやまぬ
この胸(むね)を濡(ぬ)らすように
傘(かさ)がないわけじゃないけれど
帰(かえ)りたくない
もっと酔(よ)う程(ほど)に飲(の)んで
あの人(にん)を忘(わす)れたいから

私(わたし)を捨(す)てた あの人(にん)を
今更(いまさら)悔(かい)んでも 仕方(しかた)ないけど
未練(みれん)ごころ消(け)せぬ こんな夜(よる)ว
女(おんな)ひとり飲(の)む酒(さけ) 侘(わび)しい
酔(よ)ってなんかいないわ 泣(な)いてない
タバコの煙(けぶ)り 目(め)にしみただけなの
私(わたし)酔(よ)えば 家(いえ)に帰(かえ)ります
あなたそんな 心配(しんぱい)しないで

เมื่อได้ฟังเพลง ฮิซาเมะ ที่เป็นเพลงเก่าๆ เพลงหนึ่งที่มีความหมายมากสำหรับผม
และเมื่อฟัง อีกครั้งหนึ่งทำให้นึกย้อนถึงวันเวลาเก่าๆ เรื่องราวเก่าๆ
ภาพเก่าก็แจ่มชัดขึ้นมาในใจอีกครั้งหนึ่ง
เรื่อง เกิดที่โรงเรียน สอนภาษาโตเกียว ในย่านชินจูกุ
นึกถึงวันแรกที่ผมได้มีโอกาศเรียนที่โรงเรียนนี้ด้วยความช่วยเหลือของ
พีคนใจที่แสนดีชื่อพี่ยิว หรือที่มีชื่อจริงว่าพี่วิทยา

ในโรงเรียนแห่งนี้ตอนผมเข้ามาวันแรกพี่ยิวก็พาไปแนะนำกับคนไทยในโรงเรียนทั่วไปหมดเลยก็เป็นที่อิ่มอกอิ่มใจ ผมก็บอกกับทุกๆคนว่าผมเป็นหนี้บุญคุณพี่ยิวกับพี่วรรณามากเลย....และพี่ยิวก็เป็นที่ปรึกษาผมตลอดในช่วงแรกๆช่วงนั้นผมทำงานร้านของมิมาตะซัง...เช้าผมก็ไปเรียนหนังสือ ...เสร็จจากเรียนผมก็ตรงไปทำงาน ....รีบไปก่อนจะได้ไปทานข้าวที่บริษัทจะได้ประหยัด...เสร็จจากงานก็เดินกลับบ้าน...บางวันก็เจอตุ้มบ้างบางวันก็ไม่เจอ....ช่วงนั้นจ่ายค่าเทอมแล้วก็ค่อยโล่งใจ รออย่างเดียวคือรอไปเปลี่ยนวีซ่าเป็นวีซ่านักเรียนช่วงนี้มีเรื่องผมอยากบันทึกก็คงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นระยะสั้นๆ ของผมกับคนพิเศษของผมที่เป็นชาวเกาหลี ชื่อคิมมิบูน.

.เช้าวันแรกของการเจอกัน....ผมก็ตื่นเช้าตามปรกติ เพื่อไปเรียนหนังสือ อุปกรณ์การเดินทางผมก็ไม่มีอะไรมาก สมุด +หนังสือ 1ถึงสองเล่มแล้วก็ซาวน์เบ้าท์เมื่อก่อนจะเป็นเทปยังไม่มีซีดีอะ..ผมก็จะเดินไปฟังเพลงไปจนถึงโรงเรียนพอถึงโรงเรียนหากยังไม่มีใครมาแล้วผมไม่ได้ทักใครผมก็จะฟังเพลงไปเรื่อยๆ รอเวลาจนสักพักหนึ่งเค้าก็เดินเข้ามาในโรงเรียน ผมก็ทักทายกับเค้าตามมารยาท ตอนนั้นจำได้นิดหน่อย พวก โอไฮ้โย โกไซมัส อะไรประมาณนี้ ...เพราะพึ่งจะเริ่มเรียนได้ไม่กี่วันเอง..เค้าก็ทักตอบแล้วก็ยิ้มให้ผม...ทีแรกผมคิดว่าเค้าเป็นครูสอนเพราะเค้าดูเหมือนญี่ปุ่นมากๆ...วันแรกก็ผ่านไป.....ไม่มีอะไร

วันที่สอง ผมก็รีบมาตอนเช้าเช่นเดิมทุกทีก็มาแบบถ้าถึงก็คือถึง แต่วันนี้ผมจงใจให้มาถึงเช้าเป็นพิเศษแบบว่าอยากเจออะ เค้ายิ้มน่ารักดี ผมชอบ.. แล้วเค้าก็มาจริงๆ ...วันนี้ก็ทักกันตามปรกติ...เค้าก็ทักแล้วก็ยิ้ม แต่คราวนี้มีชวนคุย..แฮะเป็นโชคดีของผม เพราะผมคิดว่า ถ้ารอผมชวนคุย..คงอีกสัก2เดือน เพราะตอนนี้ยังพูดภาษาไม่ได้อะ..แล้วเค้าก็พูดกะผม..แล้วชี้ที่ซาวน์เบาส์ประมาณว่าฟังอะไรเหรอ ผมก็เอาให้เค้าฟัง...แล้วเค้าก็คุยหลายๆคำน๊ะ แต่เสียดายไม่สามารถนำมาบันทึกในที่นี้ได้..ไม่ใช่เป็นความลับน๊ะ แต่ผมไม่เข้าใจ...จับใจความได้ข้อเดียวว่า มีเพลงนึงที่เค้าชอบ...แต่มันไม่มีในนี้ ชื่อเพลง You Mean every thing to me ของ Pual anka

ที่จริงเค้าไม่ได้บอกชื่อนักร้องหรอก แต่ผมรู้เองอะ แล้วเราก็คุยกันอีกสักพักนึง ก็คุยคำง่ายๆ กันประมาณว่า เป็นคนที่ไหน ชาวอะไร ว่าไปแล้วเนื้อหาน้อยนิดน๊ะที่เราคุยกันแต่ไม่รู้ว่าทำไมเราคุยกันตั้งนาน ผมว่าน่าจะเกือบชั่วโมงมั้งคุยกันจนคนมาเต็มโรงเรียน เราถึงแยกย้ายกันไป ..แต่พอแยกกันก็ยังงง ว่าคุยอะไรกันอะ ตั้งนาน..ไม่เห็นค่อยได้เนื้อหาหรือรู้เรื่องอะไรเลย.แต่..มีคำว่าแต่ครับ แต่มีความสุขอะ..เฮ้อ...อย่างนี้ซิ ชีวิต มีเหนื่อยบ้าง ทุกข์บ้าง มีสุขมาบ้างก็โอเคน๊ะครับ

ชีวิต... เรื่อง ก็ดำเนินเป็นอย่างวันที่สอง อีกสักพักหนึ่งครับคือเราจะมาเจอกันทุกๆวันในเวลาเช้าแล้วก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน...แล้วก็คุยกัน สักพักก็แยกย้ายกันเข้าห้อง...เป็นอย่างนี้ซ้ำๆ แต่เป็นซ้ำๆที่ไม่เบื่อน๊ะ ที่จริงตอนนั้นผมก็พูดได้ไม่กี่คำ แต่อย่างที่เคยมีคนพูดน๊ะ....Love is touch..Love is feeling….คือความรัก ..บางทีไม่ต้องพูดมากก็ได้ ผมขอเสริมให้ว่า พูดกันเยอะๆ แต่ไม่ต้องเข้าใจก็ได้..มั้งแล้วหลังจากนั้นสัก 2สัปดาห์เราก็สนิทกัน...บางทีก็มีการมาหาผมที่ห้อง ทำเอาเพื่อนๆในห้องงงกันใหญ่ว่า ผมมีแฟนได้ยังไง...พึ่งมาแท้ๆ พูดก็ไม่ได้ ..ที่จริงเค้าไม่ได้บอกหรือยอมรับน๊ะว่าเป็นแฟน ผมแต่ช่วงนั้นเราเจอกันบ่อย ไม่ว่าจะเป็นเช้าก่อนเรียน หรือระหว่างเรียน เค้าก็มาแวะเยี่ยม และช่วงหลังนี้เราเริ่มมีการกลับบ้านด้วยกันอะ...ไม่ได้หมายถึงเค้าไปบ้านผมน๊ะ หมายถึงว่าเราเดินกลับบ้านไปด้วยกัน...ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ผมมีความสุขมาก เห็นอะไรข้างทางสวยไปหมด เราจะเดินจุงมือกันไป ตลอดทำให้ไม่รู้สึกว่าการเดินเหนื่อยเลย ผ่านวัดบางทีเราก็เข้าไปนั่งคุยกันในวัด ...เหมือนจะจู๋จี๊กัน แค่จับมือเค้าตอนนั้นก็มีความสุขแล้ว....วันหลังๆ ผมเริ่มมีความรู้สึก ว่าอยากจะกอดเค้าจังเลย แบบว่า คิดถึงเค้า...อยากให้เค้ารู้ว่าผมรู้สึกดีกะเค้า..ผมก็เลยกอดเค้า เค้าก็ไม่ว่าอะไร เค้าก็กอดผม..ดังนั้นช่วงนั้นเราจะเดินคุยกันไป จู๋จี๊กันไปทุกๆวันหลังเลิกงาน.

....แต่ช่วงนี้นี่ระหว่างเดินทางกลับ จะมีคำพูดที่เค้าพูดหลายๆเรื่องที่ผมฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ .

.ประมาณว่าเค้าชอบผมแต่ มันไม่ได้ ..เค้าต้องไป ..มีโบสถ์ มีเด็ก อะไรทำนองนั้น ..ผมจับใจความไม่ค่อยได้ .รู้แต่ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อความสำพันธ์ของเราแน่ๆ..แต่ทุกครั้งที่พูด เค้าจะ ทำหน้าแบบวิตก แต่พอพูดเสร็จก็จะกอดผม.

.ประมาณว่า .. อะไร อะไร อะไร อะไร สักอย่าง เรา คง ไม่ได้เรา..ไม่ได้ ฉัน..ไม่เหมาะ ..คุณ ไม่ได้...เพราะ .... แต่ฉันชอบคุณน๊ะ ฉันรักคุณน๊ะ..เค้าพูดเป็นภาษาเกาหลี ผมไม่รู้ว่า สำเนียงเกาหลีว่าอย่างไร แต่ผมฟัง เป็น ซาระ แง...อย่าพึ่งขำสำเนียงน๊ะครับ ถ้ามีท่านผู้รู้...กำลังบิวส์ซึ้งอะ...


===

อย่าขำน๊ะครับ ก็ผมฟังเป็นอย่างนี้นี่นา.. แต่คำนี้เนี้ยเค้าแปลให้ผมฟังด้วยว่าI love youผมก็เลย เข้าใจแล้วเค้าก็กอดผม...ก็เป็นอย่างนี้อยู่หลายๆครั้ง ผมก็จับใจความไม่ค่อยได้

ประมาณว่า .. อะไร อะไร อะไร อะไร สักอย่าง เรา คง ไม่ได้เรา..ไม่ได้ ฉัน..ไม่เหมาะ ..คุณ ไม่ได้...เพราะ .... แต่ฉันชอบคุณน๊ะ ฉันรักคุณน๊ะ.. หลังๆ เริ่มมีคำว่า อีก 8 เดือน เข้ามา.....โห แล้วผมจะเข้าใจไหมเนี่ย...

ประมาณว่า .. อะไร อะไร อะไร อะไร สักอย่าง เรา คง ไม่ได้เรา..ไม่ได้ ฉัน..ไม่เหมาะ ..คุณ ไม่ได้...เพราะ .... แต่ฉันชอบคุณน๊ะ ฉันรักคุณน๊ะ..อีก 8 เดือน... แต่ไม่รู้ซิ

ความรักอะเนอะ
....

แรกที่รู้จัก ประทับใจ ห่างไกล ใจยังคะนึง
ได้พบหน้า เพียงครั้งหนึ่ง รู้ซึ้งถึงใจตนเอง ว่ารักเธอเข้าแล้วซิ

อยากให้เธอรู้ ฉันรักเธอมากแค่ไหน
รักเธอหมดใจ อยากอยู่ใกล้ๆเธอ
อยากได้ใจใคร ที่เหมือนใจของเธอ
อยากได้ใจเธอ ที่ไม่เหมือนใจใคร

.............
แล้วชีวิตก็ดำเนินไปอย่างด้วยความสวยงามอย่างที่เล่านั้น แต่ในอีกด้านหนึ่งคือด้านการงานผมก็เปลี่ยนงาน อีก2 ครั้ง ครั้งแรก...ไอ้คุณอ้วนพาไปฝากให้ไปล้างแก้วในคลับที่มีดนตรีเล่นก็สนุกดีแต่งานเหนือยประมาณว่าล้างตลอดเลยว่างแต่ตอนเค้าให้นั่งพักในที่ที่จัดไว้ให้ 10 นาที 2 ครั้งมั้ง แล้วก็พักทานข้าว 30 นาทีนอกนั้นยุ่งเหลือเกินยุ่งจริงๆ ทำอยู่สักพักหนึ่ง...ลืมเล่าไป และเหยี่ยว ตุ้มก็บินออกไปเช่นเคย ...จำไม่ได้แล้วว่าเพราะอะไร..ออกจากร้านและออกจาก บ้านพักของไอ้คุณอ้วนด้วยทำให้ผมอยู่กะไอ้คุณอ้วน 2 คน และ ก็เช่นเคย ..วันหนึ่งเหยี่ยวก็บินกลับมา บอกว่า นี่ๆๆ นายมาทำอยู่กะเราปะ ร้าน โชย่า ร้านอาหารญี่ปุ่นเงินดี น๊ะ ทำงานได้นานเท่าที่นายต้องการจะได้เงิน คือเมื่อก่อนจะทำประมาณวัน่ละ 7-8 ชั่วโมง แต่ที่โชย่านี่ตุ้มบอกว่า ทำถึงเช้าเป็นว่าเล่น....ผมก็ ไป ตามเหยี่ยว...ก็เป็นร้านที่โอเคน๊ะครับ คราวนี้ผมได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็น กุ๊กในร้านอาหาร แต่เป็นกุ๊กในส่วนของการทำสลัด ส่วนตุ้มก็เช่นเคย... เป็นกุ๊ก พวกย่างปิ้ง...ร้านนี้มีคนไทยคือผม กะ ตุ้ม แล้วก็มี แขก ล้างจาน 1คน แขก ผู้ช่วยพ่อครัว 1คน แขก ปิ้ง คู่กะตุ้มอีก1คนร้านนี้งานเยอะ ดี ..ผมก็เรียนรู้พวกการแต่ง สลัดจากร้านนี้หละ.

.. ที่ผมข้ามเล่ามาถึงเรื่องการทำงานเพราะเรื่องหนึ่งที่ผมอยากบันทึกเก็บไว้ คือในช่วงที่ผมทำงานที่ โชย่านี่ เป็นงานที่ยุ่งมากและบางทีก็ทำกันถึงเช้าเลย เพราะลูกค้าอยู่ถึง ตี3ตี 4แล้วก็ต้องเคลียร้านกันกว่า จะเสร็จก็เช้าพอดี บางที ผมเลิกงานเช้าแต่ผมก็ยังตะเกียตะกายไปโรงเรียน เพื่อไปเจอ คิมมิบูน .

...แม้ว่าพอเจอ แล้วผมขึ้นไปเรียน ผมก็หลับตั้งแต่ต้น ชั่วโมง ยันเลิกเรียน เหมือนในตัวมีนาฬิกาว่า เลิกงานแล้วไป เจอ คิมมิบูนก่อน อย่าพึ่งหลับ ..เอ้า เจอแล้วหลับได้..ก็เป็นอย่างนั้น...พอเลิกเรียนผมก็จะตื่นนอน แล้วเดินกลับบ้านกับเค้า....เค้าก็ยังดีกับผมเหมือนเดิม ...แล้วเค้าก็พาผมไปเปลี่ยนวีซ่าเป็นวีซ่านักเรียนโดยที่ช่วยผมพูดกับญี่ปุ่น ให้จนผมได้วีซ่ามาอย่างง่ายดาย...และเราก็ยังคุยกันสวีทกันแบบไม่รู้เรื่องเหมือนเคย.

...มีวันหนึ่งเค้าก็มาหาผมแล้วชวนผมออกไปข้างนอกบอกว่า เราเจอกันไม่ได้แล้วน๊ะ ผมก็งง พยายามถามว่าเค้าจะกลับประเทศเหรอ เค้าก็บอกว่า ไม่ได้กลับแต่เราเจอกันไม่ได้แล้ว..แล้วก็เข้ารูปประโยคเดิมๆ

ประมาณว่า .. อะไร อะไร อะไร อะไร สักอย่าง เรา คง ไม่ได้เรา..ไม่ได้ ฉัน..ไม่เหมาะ ..คุณ ไม่ได้...เพราะ .... แต่ฉันชอบคุณน๊ะ ฉันรักคุณน๊ะ..อีก 8 เดือน.แล้วมีเพิ่มว่า ไม่เจอกันแล้ว...เลิกเรียนก็เดินกลับด้วยกันไม่ได้แล้ว.

ผมก็งงไม่เขาใจแต่ไม่รู้จะทำอะไร แต่ก็กอดเค้า แล้วเค้าก็กอดผม...แล้วก็แยกย้ายกันไป จนเช้ารุ่งขึ้นอีก 1 วัน..



======

อย่างที่เล่าตอนที่แล้ว วันรุ่งขึ้น
ผมก็ยังหวังจะเจอเค้า...แม้จะเหนื่อยจากงานเพราะทำยันเช้า แต่ก็ตะเกียตะกายมาเรียนแล้วเค้าก็มาตามเวลาเดิม..
.เรามองหน้ากันแล้วเค้าก็หลบตาผม ที่แรกผมว่าจะทัก เพื่อคุยแต่พอเห็นอย่างนั้นผมก็เลยเปลี่ยนใจไม่ทักหรือเราจะคบกันไม่ได้จริงๆ อย่างที่เค้าพยายามจะสื่อให้ผมฟัง.

.ผมก็เลยหันหลังเดินเข้าห้องไปฟุบนอนในห้องเพราะเหนื่อย ..แต่นั่งฟุบได้ไม่นาน ผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องลุกออกไป จะเดินไปหาเค้าที่ห้อง ชั้นสาม..

ซึ่งแต่ละชั้นมันจะมีประตูปิด อยู่ ผมเดินขึ้นไปถึงชั้นสองเพื่อจะเปิดประตูห้อง เพื่อจะขึ้นบนชั้นสาม ก็ เจอกับเค้าพอดีกำลังจะเปิดประตูเพื่อลงมาชั้นหนึ่งพอเราเจอกันตรงกลาง ทางของห้องผมกับห้องเค้า..ก็ไม่ต้องพูดอะไรกันแล้วมันไม่ต้องอธิบายแล้วว่าผมทนที่จะไม่เจอคุณไม่ได้ แล้วเค้าทนที่จะเจอผมไม่ได้ เราก็เลยกอดกันอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกัน..

.และตอนเย็นวันนั้นเราก็เดินคุยกันไปและโอบกอดกันไปตลอดทางที่เดินกลับบ้าน.

.แต่ในการเดินคุยกัน ก็เหมือนเดิมคับรูปประโยค เดิมๆ.ก็จะออกจากปากของเธอเป็นครั้งคราว.

..แต่คราวนี้เค้าบอกว่า ต่อไปเราจะไม่เจอกันจริงๆ แล้วน๊ะ อะไรประมาณนี้ ประมาณว่า พรุ่งนี้ไม่มีแล้วน๊ะ ..แล้วก่อนกลับเค้าก็ให้เทปผมมา1ม้วนเป็นเพลงเกาหลีและเพลงญี่ปุ่น...วันนั้นเป็นอีกวัน ที่ เดินกันไปจุงมือกันไป แวะ กอดกันที่ในวัดบ้างเป็นอะไรที่มีความสุข ปนเศร้าน๊ะ บอกไม่ถูก .รุ้สึกได้อารมณ์เพลงของ เฟร๊ดดี้ วงควีน มากเลย

Love me like there's no tomorrow

Hold me in your arms, tell me you mean it

This is our last goodbye and very soon it will be over

But today just love me like there's no tomorrow

Tomorrow, God knows just where I'll be

Tomorrow, who knows just what's in store for me

Anything can happen, but we only have one more day together

Just one more day forever, so

Love me like there's no tomorrow

Hold me in your arms, tell me you mean it

This is our last goodbye and very soon it will be over

But today just love me like there's no tomorrow


.ผมเข้าใจอารมณ์เพลงนี้มากเลย.......แล้วเราก็แยกทางกัน..และผมก็รอเพื่อจะถึงพรุ่งนี้เช้าเพราะอยากเจอเธอ..แต่เธอไม่มาโรงเรียน
.1. วัน
2. วัน.
วันที่ 3
ผมก็เลยไม่ไปเรียนหนังสือ เพราะไหนๆ เธอก็ไม่มาแล้วกลับไปพักผ่อนที่บ้านดีกว่า พอเลิกงานผมก็เลย ตรงกับบ้าน ...แล้วก็นอน.....สักพักก็มีโทรศัพท์ดัง เป็นคิมมิบูนที่โทรมานี่ เป็นครั้งแรกที่เธอโทรหาผมที่จริงผมให้เบอร์เธอไปตั้งนานแล้วน๊ะ...

============
ผมว่า เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเธอนี่มันต้องเป็นความรักแน่ๆเลยเพราะ..ณ.วันนี้ ผมจำจำน้ำเสียงตัวเองได้เลย.
..(ผมอัดการพูดคุยไว้ด้วยเสียดายที่เทปหายไประหว่างย้ายบ้านแล้ว) น้ำเสียงผม จะเป็นน้ำเสียงที่ประมาณว่า เหนื่อย แบบอยากพักผ่อนมากๆ ล้าเต็มกำลัง.เพราะพึ่งเลิกงาน..แต่เป็นเสียงที่ดีใจ ที่ได้ยินเธอโทรมาหาผม..เราก็คุยกัน แต่ผมจำไม่ได้ว่าคุยกันเรื่องอะไร..ผมจำเนื้อหาไม่ได้ แต่ผมจำน้ำเสียงตัวเองและน้ำเสียงของคิมมิบูนได้ชัดเจนมากเลย..

.ผมเดาๆ เอาว่าอยากเจอผมมั้งหรือประมาณว่า ฉันมาเรียนหนังสือ ไม่เห็นคุณ...คุณไปไหนเหรอ..(ลืมไปเล่าตกไปนิดนึงในบทสนทนาจะมีประโยคให้ผมพยายามเรียนทุกครั้งไปประมาณว่าเพื่ออนาตตตัวเอง)

ดังนั้นผมว่าคุณก็คงเดาออกใช่ปะ ว่าวันรุ่งขึ้นผมจะตะเกียตะกายไปทำงานไหม ก็แน่ละครับผมก็ตะเกีย ตะกาย ไปโรงเรียนแม้ว่า จะเหนื่อยน่าดู....แล้วผมก็เจอคิมมิบูนจริงๆด้วยในตอนเช้าเธอมาเรียนหนังสือ....แล้ววันนี้เธอบอกว่าเธอจะ ไปบ้านผมกับผม..ดังนั้นตอนกลับบ้านเราจึงเดินกลับไปด้วยกัน โอบกันเดินกันไปตลอดทางแต่วันนี้เราไม่ได้แยกกันที่สถานีรถไฟ..เธอไปที่บ้าน กับผม...
***ความรักสมัยใหม่เป็นความรักที่เราเรียกกันว่า Fast Love พบกัน 1วัน สองวัน ก็มีอะไรกันแล้ว...บางครั้ง การคบกันนั้นเราตั้งใจที่จะมีอะไรก่อนที่เราจะรู้จักอีกฝ่ายเสียอีก...ที่จริง รักแบบ Fast Love นี่ผมก็เคยมีบ้าง ก็แหม ผ่านโลกมานานแล้วใช่ไม๊คับมันก็ต้องมีประสบการณ์อะไร บ้าง หละใช่ปะ แต่กำลังจะบอกว่า รักที่เป็นรัก ที่ค่อยๆเกิด ค่อยๆรัก ค่อยๆ ดำเนินไป โดยที่ไม่ได้มีความมุ่งหวังแต่ทีแรกว่าจะต้องดำเนินไปจนถึงจุดที่จะมีอะไรกัน.โดยที่เราไม่ได้จงใจแต่แรกให้มีอะไร ..แต่เมื่อมันเป็นไปตามครรลองของมันแล้ว..มันได้ อรรถรส ของความดื่มด่ำลุ่มลึก อย่างที่ บางทีมันจะอยู่ในความทรงจำเราตลอดไป..แต่ในเรื่องความตื่นเต้น อาจเทียบไม่ได้กับ รักแบบ Fast love (คล้ายๆ Fast Food กินด่วน ...รักด่วน) เพราะ Fast Love คุยกันตื่นเต้นเลย....แต่สำหรับผม...ก็พูดยากน๊ะ...Fast Love นี้บางครั้งลืมไปแล้วอะว่าชื่ออะไรแต่คิมมิบูน...ผมจำรายละเอียด ของการมีปฏิสัมพัธ์ได้เกือบหมดจะมีผิดก็ตรงสลับเหตุการณ์นิดหน่อย แต่ผมเชื่อว่าผมจำได้ทุกเหตุการณ์น๊ะตั้งแต่ที่เราเจอกันวันแรกผมแต่ผมถ่ายทอดได้ไม่ละเอียดเท่าที่ผมรู้สึกเพราะในความทรงจำผมจะจำได้ถึงลักษณะของอากาศในตอนนั้น น้ำเสียงต่างๆเลยเชียวหละ...******

แล้วเธอก็อยู่กับผมในบ้าน ...ของผมทุกอย่างก็เป็นไปตามครรลองที่ควรจะเป็น..ทุกครั้งที่ผมอยู่กับคิมมิบูน มันจะต้องมีความรู้สึก ที่ว่า
อยากกอดเธอไว้ให้เหมือนกับว่าจะไม่มีพรุ่งนี้อีกแล้ว ทุกๆครั้ง....

.มันจะให้ความรู้สึกที่ ดื่มด่ำ แต่เศร้าลึกๆ น๊ะ..ว่าคนที่ผมกอดอยู่นี้บางทีพรุ่งนี้เค้าก็จะจากผมไปแล้ว...ที่จริงเค้าต้องจากผมไปแล้ว..แต่เนื่องจากเค้ายังอยากจะใช้เวลาอยู่กับผม ...เค้าเลยยังอยู่ในอ้อมกอดของผม...เราอยู่ด้วยกันอย่างอ้อยอิ่ง ไม่อยากให้เวลาเดินไป อยากอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน...แต่เมื่อถึงเวลา...ผมก็ต้องไปส่งเธอ.....กลับบ้าน.....ด้วยความไม่เต็มใจที่สุด..แล้วหลังจากช่วงนั้นผมก็ไม่ค่อยได้เจอเธอ....เพราะเหมือนวันนั้นเธอมาสั่งลากับผมแล้วว่าเธอจะไม่ไปโรงเรียน หรือเราจะไม่เจอกัน...อะไรประมาณนั้นเพราะผมไปที่โรงเรียนวันถัดไป 2วันติดๆ กันก็ไม่เจอเธอ..ผ่านมา อีกสักสัปดาห์หนึ่ง

...ผมก็ได้รับโทรศัพท์เธออีก ประมาณว่า พรุ่งนี้จะไปโรงเรียน..เค้า.อยากเจอผมมาก ...แล้วเราก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว....ดังนั้นวันรุ่งขึ้น...ผมก็จึงไปที่โรงเรียน รุ้สึกว่าวันนั้นไปอย่างสบายๆ เพราะไม่ได้ทำงานถึงเช้า....ผมก็เจอเค้า ..ตามเคย เวลาเดิม...แล้วเค้าบอกว่าวันนี้ เค้าจะไปส่งผมกลับบ้าน...เพื่ออำลาแล้วก็รูปประโยคเดิม

ประมาณว่า .. อะไร อะไร อะไร อะไร สักอย่าง เรา คง ไม่ได้เรา..ไม่ได้ ฉัน..ไม่เหมาะ ..คุณ ไม่ได้...เพราะ .... แต่ฉันชอบคุณน๊ะ ฉันรักคุณน๊ะ..อีก 8 เดือน..

แล้วเราก็เดินกลับด้วยกันตามเดิมเดินจูงมือกันไป เราแวะ เข้าข้างทางเพื่อกอดกันบ่อยมากๆๆ เหมือนมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ว่าเราไม่อยากจากกันเลย ..เราจะไม่เจอกันอีกแล้ว ..แต่เราก็ยังเจอกันอยู่ได้ตั้งหลายครั้ง...
.แต่ครั้งนี้ การเดินของเราดูจะอ้อยอิ่งกว่าทุกๆครั้ง.. แล้ววันนี้ฝนก็ตกด้วย.บรรยากาศยิ่งเศร้าไปใหญ่..เหมือนว่ามันจะเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายจริงๆ...เค้าเดินไปส่งผมที่สถานีแล้วก็บอกให้ผมขึ้นรถไฟไป.

.แต่ผมไม่สามารถเดินเพื่อเข้าไปขึ้นรถไฟได้...ผมเลยบอกเค้าว่าผมจะไปส่งคุณขึ้นรถไฟก่อน แล้วผมจะเดินมาเองดีกว่า.

..ผมไม่อยากเป็นคน...หันหลังแล้วเดินจากคุณไป...ผมก็เลยเดินไปส่งเค้าที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินอีกทีนึง ซึ่งเราก็เดินกันไปอย่างเงียบๆ ช้าๆ แต่จุงมือกันไป
พยายามถ่ายทอดสิ่งที่เราไม่สามารถคุยกันได้ด้วยภาษาที่มีอยู่แล้ว...เราก็เดินไปจนถึงสถานนีรถไฟของเค้าจนได้แม้จะพยายามเดินอย่างอ้อยอิ่งขนาดไหนก็ตาม .เค้าก็บอกให้ผมกลับไปเถอะเพราะเค้าจะลงไปขึ้นรถไฟ แล้ว

เราจะไม่เจอกันอีกแล้วน๊ะ ซาโยนาระ..ผมก็ไม่อยากจากไปแต่เค้าพูดยังนั้นอยู่ 3ครั้งให้กลับไปเถอะ ซาโยนาระ..ผมก็เลยหันหลังแล้วเดินกลับ..

..ตอนนั้นผมเดินน้ำตาไหลไปตลอดเลย..ไม่รู้สึกอายใครเลย...ผมเดินไปได้สักพักผมก็..หันหลังกลับแล้วเดินกลับไปที่สถานนีแล้วซื้อตั๋วเข้าไปในสถานี...แล้วผมก็เห็น คิมมิบูนยังไม่ได้ขึ้นรถไฟไป เธอยืนพิงกำแพงร้องไห้อยู่...ผมก็เลยเข้าไปกอดเธอ อีกครั้ง ......

.........แบบไม่รู้สึกว่ามีสายตาคนรอบๆข้างมองอยู่เลยแล้วผมก็จูบ...แล้วเธอก็เช็ดน้ำตาแล้วบอกว่า กลับบ้านไปเถอะ ฉันรักเธอ น๊ะ ลาก่อน **ผมบันทึกจบจนได้...เรื่องนี้..ไม่นึกว่าจะทำได้ สำหรับคนอ่าน ผมไม่รู้ว่าคนอ่านจะคิดอย่างไร ผมแค่อยากจะบันทึกเรื่องที่อยู่ในความทรงจำของผมเอาไว้..ครับ ขอบคุณครับ**





 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2552
0 comments
Last Update : 2 สิงหาคม 2552 11:01:22 น.
Counter : 1275 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


mrseri
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ทำงานเป็น ล่ามญี่ปุ่น แบบฟรีแลนซ์,อังกฤษ,ญีปุ่น,ระดับ1,ระดับ2
เขียนหนังสือเรื่อง
เล่มที่1@ล่ามญี่ปุ่นกับติสต์บนชีวิตความพอเพียงแบบฉับพลัน@
เล่มที่2@เรียนภาษาญี่ปุ่นง่ายๆ อ่านจบพูดได้ Design By Mr.Lee @
โทร:: 086-1344492
E-Mail ::: mrseri@hotmail.com



ความสนใจเฉพาะ อังกฤษ,ไทย,ญี่ปุ่น,ภาษา,ฟรีแลนซ์,ระดับ1,ระดับ2,ล่ามญี่ปุ่น,งานล่ามญี่ปุ่น, ล่าม ญี่ปุ่น, ล่ามญี่ปุ่นอังกฤษ, ล่ามอังกฤษญี่ปุ่น, Japanesethai,interpreter,โทร 086-1344492 ,ท่องเว็บบอร์ด งานศิลปะ ,ท่องเว็บบอร์ดล่ามญี่ปุ่น,ออกแบบห้อง,ล่ามอิสระ,ล่ามญี่ปุ่นอิสระ

Friends' blogs
[Add mrseri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.