แน่นอนว่า หากคิดถึงเรื่องการแต่งบ้าน คนทั่วๆไปก็จะคิดถึงเรื่องความสวยงามเป็นหลัก

แต่จริงๆแล้ว หลักของการออกแบบบ้านนั้น ยังต้องคำนึงถึง ประโยชน์ใช้สอยด้วย

เพราะการออกแบบตกแต่งบ้านนั้นไม่เหมือนงานศิลปะอื่นๆ  มันเป็นสิ่งที่ต้องอยู่กับเราตลอดเวลา

ในการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เราตื่นนอน เข้าห้องน้ำ ทานข้าวไปจนถึงเข้านอนอีกครั้ง

industrial สไตล์นี้ มีที่มาที่ไป ไม่ใช่แค่ความเท่ห์

สมัยนี้ ร้านกาแฟเก๋ๆ ชิคๆ ในเมืองไทยนั้น เริ่มแต่งร้านแนว industrial สไตล์ กันมากมาย

ซึ่งก็สวยงาม โดยใจ เหล่า บรรดาวัยรุ่น เด็กแนว ฮิปเตอร์ ทั้งหลาย

แต่ จริงๆแล้วเริ่มแรกของ industrial สไตล์ นั้น เกิดมาจาก ประโยชน์ใช้สอย เป็นหลัก

เพราะมันเริ่มมาจากยุคหลังจากที่อเมริกาได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว

ทำให้มี โรงงาน และ อาคารพาณิชย์ บางส่วนถูกทิ้งร้างเนื่องจาก อยู่ในอุสาหกรรมที่ล่าสมัย

ทำให้ เหล่าบรรดา นักออกแบบตกแต่ง ได้นำเอาโรงงานเหล่านี้ มารีโนเวทใหม่เป็นที่อยู่อาศัย

ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ทั้งเรื่องความดิบของอิฐ และ โครงเหล็ก หลังคาที่สูงกว่าบ้านปกติ 

ก็กลายเป็น ทำให้การตกแต่งแนว industrial นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก 

จนสมัยนี้นั้น มีการ "พยายาม" แต่งบ้านสร้างใหม่ ให้เป็นแนว industrial โดยไม่ใช่การเอานำเอา

โรงงานเก่า มา รีโนเวทแบบที่เคยเป็นที่มาที่ไปของการแต่งบ้านในแนว  industrial อีกต่อไป

มินิมอลิสต์ แต่งน้อยๆแต่เยอะประโยชน์

อีกตัวอย่าง การแต่งบ้าน ที่กำลังนิยมก็คือ มินิมอลิสต์  เป็นการแต่งบ้านด้วย เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น 

เน้นความโล่ง โปร่ง ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ข้าวของต่างๆ ก็จะเก็บไว้ในตู้ ตามสไตล์ ญี่ปุ่น 

ซึ่งสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้คน ญี่ปุ่น ชอบแต่งบ้านสไตล์นี้ ก็เพราะ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่แผ่นดินไหวบ่อยมาก

ดังนั้น ในบ้านจึงควรจะมีของน้อยชิ้นให้มากที่สุด เมื่อเกิดแผ่นดินไหวจะได้ไม่มีข้าวของหล่นมาทับ 

ทำให้เกิดอันตราย แก่ผู้อยู่อาศัย และยังไม่กีดขวางทางเดิน เวลาที่ต้องวิ่งหนี ทำให้เกิด อุบัติเหตุ

และการเก็บข้าวของต่างๆ ไว้ในตู้ ก็เพื่อไม่ให้แตกหักเสียหาย อีกด้วย

ขอขอบคุณรูปภาพ จาก https://www.pinterest.com/