แล้วเด็กบ้านนอกคอกนา ก็บินมาอยู่ถึงนิวยอร์ค
Group Blog
 
 
มีนาคม 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
23 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 
บทที่ 2 ผมผิดไปแล้ว






บทที่ 2 ผมผิดไปแล้ว

ผมกำลังวิ่ง….วิ่ง…. วิ่งหนีสุดชีวิต แต่ขาที่หนักราวกับท่อนซุง ทำให้ยิ่งวิ่งผมยิ่งช้าลงๆ ผมจนมุม แคบ อึดอัด ร้อนรน เหมือนร่างกายถูกไฟเผา เสียงกรีดร้องหัวเราะเย้ยหยันดังมารอบๆตัว


“ปล่อยๆ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะครับ” ความรู้สึกสำนึกสุดท้ายที่วิงวอน แล้วผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกเหมือนเช่นหลายๆคืนที่ผ่านมา


ช่วงนี้ผมนอนไม่หลับหรืออาจจะเรียกได้ว่าไม่เคยนอนหลับอย่างมีความสุข ผมมักสะดุ้งตื่นกับฝันร้าย ความฝันที่น่ากลัว เคียดแค้น ที่ตามมาหลอกหลอน ผมเชื่อแล้วที่หลายๆคนบอก ทำชั่วไม่ต้องรอถึงชาติหน้า นรกขุมที่ทุกข์ทรมานสุดอยู่ในใจของเรานี่เอง ผมกำลังตกนรกทั้งเป็น


ตี 2 ของเช้าวันใหม่ ในเมืองที่อากาศวิปริต ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนมีแต่ความอบอ้าว เหงื่อไหลโทรมกายได้ทันทีหลังจากอาบน้ำ ผมอยากไปให้พ้นจากที่นี่ แต่ด้วยหน้าที่การงานของผมทำให้ผมต้องอยู่เมืองที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการทหารของประเทศ และแม้จะทำเรื่องขอย้ายกลับเชียงใหม่หลายครั้งแต่ผู้บังคับบัญชาก็ไม่อนุมัติ


หลังสะดุ้งตื่นมากลางดึก ความทรมานคือการไม่อาจข่มตาหลับได้อีกต่อไป ผมเดินง่วนไปมาทั่วห้อง ออกไปริมหน้าต่างเหม่อมองไปยังท้องฟ้า มืดครึ้ม ดาวแม้พอมีบ้างก็แค่แสงริบหรี่ที่พยายามบอกว่าข้ายังมีชีวิต คงคล้ายกับผมยามนี้ แม้จะมีชีวิตแต่ถูกสาปให้ใกล้แตกดับไป


จดหมายแม่วางอยู่บนหัวเตียง ผมหยิบมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แม่ไม่ได้เขียนเอง เพราะอ่านไม่ออกเขียนภาษาไทยไม่ได้ แต่ผมก็สัมผัสได้ทุกทุกความรู้สึกของตัวอักษรที่ถ่ายทอดมา แม่ย้ำทุกครั้งให้ผมอดทน ให้ผมเป็นคนดี เป็นที่พึ่งของทุกคน ให้ได้อย่างที่พ่อผมทำ


พ่อผมก็เป็นทหาร แม่มักเล่าให้ฟังว่าพ่อเป็นคนผิวคล้ำอย่างคนไทยน้อย ย้ายมาประจำการที่ศูนย์อพยพ อ.แม่อาย ในยามที่บ้านเมืองพม่าวิปริต ทหารเข่นฆ่าคนไทยใหญ่เยี่ยงผักปลา ครอบครัวของแม่จึงยอมเสี่ยงเพื่อความอยู่รอด หนีข้ามชายแดนมาเพื่อพึ่งใบบุญของแผ่นดินไทย นั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักระหว่างทหารไทยน้อยกับหญิงสาวชาวไทยใหญ่ ฟังแม่เล่าเหมือนจะโรแมนติกคล้ายละครน้ำเน่า แต่ชีวิตจริงหาใช่ เพราะวันหนึ่งพ่อก็หายไปเหมือนในละคร เหลือไว้เพียงความทรงจำอันงดงามในใจของแม่และทารกน้อยคือผมเอง


เวลาฟังแม่เล่าเรื่องพ่อ ผมมีความสุข แต่บางครั้งก็เกิดคำถามขึ้นในใจ พ่อผมหายไปไหน ทำไมพ่อไม่อยู่กับผม ผมเคยถามแม่แล้ว แม่ได้แต่ร้องไห้และไม่ตอบอะไรผมเลย คงอยากจดจำแค่สิ่งดีงามที่พ่อได้มอบไว้ให้ ทั้งๆที่พ่อเองคงไม่ต่างอะไรกับผู้ชายทุกคนที่ไร้ความรับผิดชอบ ทรยศ หาแต่ความสุขใส่ตัว


ตอนเด็กๆผมมักถูกล้อเสมอว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ บ่อยครั้งที่ต้องใช้กำลังเข้าต่อสู้ เพื่อยืนยันศักดิ์ศรี พอแม่รู้เข้าแทนที่แม่จะตีผม แม่กลับนิ่งเงียบแล้วไปแอบร้องไห้ จนทำให้ผมสำนึกได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปต่อยตีใคร เพราะเรื่องของพ่ออีก เพราะทั้งชีวิต ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าเป็นๆของเขาอยู่แล้ว ผมจะไม่ยอมให้พ่อเข้ามามีอิทธิพลต่อ
ชีวิตเด็ดขาด


แต่ในใจลึกๆผมยังเคียดแค้นพ่อที่ทิ้งผม ผมมักคิดว่าพ่อผิด แต่จะต่างอะไรกันเล่า ผมก็กำลังทำชั่วอย่างแสนสาหัส ยิ่งคิดยิ่งเครียด เส้นประสาทขมับขวาเต้นกระตุกๆจนผมรู้สึกได้ วางจดหมายแม่ลง จดหมายอีกฉบับมาจากแม่อายเหมือนกัน จากเพื่อนที่ผมสนิทด้วยมากที่สุด “ครูเอก” เขียนมาเล่าว่าบอกคุณพ่อคุณแม่แล้วว่าเป็นเกย์ ทุกอย่างดีเกินคาด สายใยความรักความอบอุ่นของครอบครัวยึดเหนี่ยวเอกไว้ไม่ขาด ผมอ่านแล้วดีใจ ยิ่งอ่าน
จดหมายแล้วก็คิดถึง คิดถึงแม่ คิดถึงบ้าน คิดถึงเอก ผมอยากกลับบ้าน


เช้าวันนี้ผมมาถึงที่ทำงานเป็นคนแรกอีกแล้ว ความมีระเบียบวินัยของทหารทำให้ไม่นานทุกคนก็มาทำงานกันตรงเวลา รวมถึงท่าน ผู้บังคับบัญชาสูงสุดในหน่วยงานที่ผมสังกัด แม้ผมไม่ใช่ทหารที่ถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่ยังเด็กขั้นโรงเรียน เพิ่งเข้ามาหลังจบมหาวิทยาลัย แต่ผมก็ได้รับความเมตตาจากท่านไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ
“ท่าน”เป็นชายวัยใกล้ห้าสิบแล้ว แต่ด้วยบุคลิกสมชายชาติ


ทหารและการดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี ทำให้ท่านดูยังหนุ่มแน่น ใบหน้าคมเข้ม แซมด้วยไรหนวดสีเขียวที่เพิ่งโกนเมื่อคืน ทำให้ท่านยิ่งมีเสน่ห์เวลาอยู่ต่อหน้าใครๆ ผมมักแอบมองท่านด้วยความชื่นชม


“เก่ง เดี๋ยวเข้ามาพบผมที่ห้องทำงานด้วยนะ” ท่านออกคำสั่ง ก่อนเดินผ่านโต๊ะของผมไป ผมรีบลุกแล้วเดินตามไปช้าๆ
“มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”


“วันพรุ่งนี้ เตรียมเดินทางไปเชียงใหม่กับพี่นะ มีประชุมด่วน ประมาณ 5 วัน ไม่มีอะไรแล้ว ออกไปได้” ท่านสั่งเสียงเข้ม แต่มีรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
“ครับ ท่าน”
“เอ้อ...”

“ครับ”
“ไม่มีอะไร ไปเถอะ”
“ครับผม”

ผมเดินออกจากห้องท่านมาด้วยอาการลิงโลด ผมจะได้กลับเชียงใหม่ บ้านเกิดเมืองนอนของผมแล้ว แม้จะเป็นการกลับ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ด้วย ผมแทบจะนับถอยหลัง รอให้วันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ถึงพรุ่งนี้เช้า
เก่ง…เสียชีพ อย่าเสียสัตย์ : ฝากบอกเจ็ทกะไอ้ชาย ด้วยว่า กูกำลังจะกลับเชียงใหม่ ถ้าพวกมันอยากได้ไส้อั๋ว…..กูจะซื้อมาฝาก


Golf…A New Day Has Come : เออ..โหยยยยยย..อิจฉาว่ะ อยากปิ๊คบ้านเหมือนกัน แต่กูเบื่อไส้อั๋วว่ะ อยากกินไส้กรอกทหารหาญมากกว่า มึงหาให้กูหน่อยดิ กูรับซื้อไม่อั้น55555555555555555
เก่ง…เสียชีพ อย่าเสียสัตย์ : ฝันไปเถอะมึง แค่นี้นะ กูจะนอนแล้ว บาย
Golf…A New Day Has Come : เดี๋ยวก่อนดิ ไปกับใครเอ่ย


เก่ง…เสียชีพ อย่าเสียสัตย์ : จะรู้ไปทำไม
Golf…A New Day Has Come : แอบรักผัวชาวบ้านเขาเมามัวรึเปล่า
เก่ง…พูดเรื่องไรว่ะ
Golf…A New Day Has Come : เห้ย มีไรก็บอกกูได้นะ ยังไงก็อย่าลืมดิ เราเป็นเพื่อนกันนะโว้ย
เก่ง…ขอบใจมากกอล์ฟ แต่อย่าเลย เอ้อ เจ็ทเป็นไงมั่ง คืนก่อนเห็นแมสเสสมา แต่ไม่ได้โทรกลับ มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า


Golf…A New Day Has Come: เรื่องเด็กเวรของมันนั่นล่ะ โง่อีกตามเคย แม่งรู้ทั้งรู้ว่าเด็กมันหลอกแดก ก็ยังทนให้เขางอกอยู่ได้ กรูล่ะเบื่อกับมันจริงๆ
เก่ง…แหม ชีวิตใครจะเฟอเฟคเหมือนมึงล่ะ ครอบครัวก็เข้าใจ หน้าตาก็ดี มีแต่คนมาจีบ
Golf…A New Day Has Come : ตรงไหนไม่ทราบ ตอนนี้โสด โฉด ไม่มีใครสักคนอยู่ข้างกาย โอ้ เหงา หนาว รวดร้าว อยากได้ทหาร
เก่ง…เชิญไปสนามหลวงเองล่ะกัน หึหึ ไปล่ะ ไว้เจอกัน
Golf…A New Day Has Come : บายเพื่อน ฝันดี จุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


วันนี้ไซน์เอ้าท์เอ็มเร็ว เพราะแค่อยากบอกข่าวกอล์ฟว่ากลับบ้าน คุยนานไม่ได้รายนี้ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ผมรีบเข้านอน แปลกดีที่คืนนี้ผมไม่ฝันร้ายเหมือนหลายคืนที่ผ่านมา

ท้องฟ้ายามเช้าสดใส ผมรีบตื่นแล้วตรงดิ่งไปยังบ้านของท่าน ผมนั่งรอท่านที่ศาลาเล็กๆหน้าสนามหญ้า แม้ผมจะเข้านอกออกในบ้านท่านมานานนับปี ด้วยความไว้ใจ แต่วันนี้ผมอยากคอยตรงจุดนี้


“พี่เก่งคะ ไปนั่งทำไมตรงนั้นคะ เข้ามาในบ้านก่อนสิคะ มาทานข้าวเช้าด้วยกัน” เสียงหวานๆร้องทักมาก่อนที่เสียงของสาวสวย หน้าคม ผมยาวสลวย ดั่งที่ชายหลายๆคนใฝ่ฝันก็เดินเข้ามาหาผม

“ไม่เป็นไรครับ คุณแป้ง พอดีผมทานมาแล้ว”
“เรียกคุณอีกแล้ว เรียกแป้งเฉยๆดีกว่าไหมคะ แป้งไม่ใช่ทหารเหมือนคุณพ่อนะ ไม่ต้องเรียกเต็มยศขนาดนั้น” แป้งพูดพรางหัวเราะ
“ครับ แป้ง”

“เสียดายจัง ที่พี่เก่งต้องไปเชียงใหม่กับคุณพ่อ แป้งกำลังปวดหัวเรื่องวิชากฎหมายอยู่ ไว้พี่เก่งกลับมา ช่วยติวให้แป้งด้วยนะคะ อยากเก็ตเอแบบพี่เก่งอ่ะ”
“ได้ครับ เดี๋ยวพี่กลับมา พี่จะช่วยติวให้”
“แน่นะคะ เดี๋ยวแป้งจะให้ตามไปติวที่คณะฯดีกว่า จะได้ควงไปอวดเพื่อนๆ

“ไม่ไหวมั้งครับ ไปกับคนไม่หล่อ เดี๋ยวคุณแป้งจะหมองเอา
“ใครว่าล่ะ เพื่อนๆจะอิจฉามากกว่า”
“ครับ”
“ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะค่ะ”
“ไม่รู้ครับ”

“แป้งว่าพี่เก่งเข้าไปทานข้าวด้วยกันดีกว่านะคะ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านรออยู่ ปล่อยให้ผู้บังคับบัญชารอนี่ผิดกฎนะคะ” แป้งพูดทำหน้าล้อผมก่อนเดินนำไป
“ครับ”


ภายในโต๊ะอาหารตัวใหญ่ ท่านนั่งอยู่ตรงหัวมุม คุณนายนั่งอยู่ข้าง พอผมกับคุณแป้งเดินเข้าไป ท่านละสายตาจากหนังสือพิมพ์
“มาๆทานให้อิ่ม เดี๋ยววันนี้ต้องขับรถไกล เติมพลังให้เต็มที่”
“ขับรถดีๆนะเก่ง ถ้าเหนื่อยก็พักก่อน ไม่ต้องรีบ คุณพี่เหมือนกันบอกแต่เก่ง ไม่เห็นทานเลย”

“แหม…คุณพ่อ คุณแม่คะ หวานแต่เช้าเชียว อายลูกบ้างสิคะ หนูก็อยู่ตรงนี้นะ”
“อ้าว…เหรอ แล้วทำไมหนูไม่ไปเรียนจ๊ะ ป่านนี้แล้ว ไปกวนไรพี่เก่งเขาอีกล่ะ” คุณนายพูดพลางหันหน้ามามองผม ซึ่งยามนี้อายม้วน

“กวนที่ไหนกันล่ะค่ะ หนูขอให้พี่เก่งช่วยติววิชากฎหมายให้ต่างหาก พี่เก่งเขาก็รับปากแล้วด้วย”
“จริงหรือเก่ง ไม่รบกวนแน่นะ” คุณนายถามแบบยิ้มๆ ผมห้มหน้าลงหลบสายตา ก่อนเงยขึ้นมาเหมือนทุกคนกำลังรอคอยคำตอบอย่างจดจ่อ ท่านจ้องหน้านิ่งแววตาฉายลึกลงไปอย่างยากที่จะเข้าใจ

“ครับ ผมติวได้ครับ ไหนๆก็เรียนมาแล้วจะได้ถือโอกาสทบทวนความรู้ด้วยครับ”
“เห็นไหมล่ะ เทอมนี้แป้งต้องเกรดเอแน่ๆ”
“จ้า แม่จะคอยดูนะ”

“เอ้าๆ พอได้แล้วแม่ลูกคู่นี้ มาทานข้าวกัน มัวแต่คุยกันอยู่ได้” ท่านปรามพลางหัวเราะเบาๆ พ่อ แม่ ลูกหัวเราะกันต่อหน้าผม ซึ่งเป็นคนอื่นอย่างมีความสุข ผมอิจฉาคุณหนูแป้งจังเกิดมาในครอบครัวที่ดี ไม่เหมือนผม


ผมกำลังเช็คความเรียบร้อยของเครื่องยนต์อีกครั้ง แต่ไม่วายหางตาก็เหลือบไปเห็นภาพท่านกำลังโอบกอดร่ำลากับคุณนาย ต่อด้วยอ้อมกอดของพ่อที่มอบให้ลูกสาว ความรู้สึกเหล่านี้ผมไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต คงยากที่จะเข้าใจ แต่ผมก็ใฝ่ฝันหามันมาตลอดชีวิต


เกือบ 9.00 น. รถถึงได้เคลื่อนตัวออกจากบ้าน โดยมีผมทำหน้าที่เป็นพลขับ ท่านปรับเบาะลงเอนเล็กน้อย หลับตามพริ้ม ฮัมเพลงเบาๆในลำคออย่างมีความสุข ผมมองดูท่านแบบไม่เบื่อ อยู่ใกล้ท่านผมรู้สึกปลอดภัย อบอุ่น มีความสุข


ถนนเลี้ยวตัดเข้าถนนพหลโยธิน เพื่อมุ่งหน้าสู่ดินแดนล้านนา บ้านเกิดเมืองนอนของผมเอง สองข้างทางจากท้องนาอันกว้างใหญ่ ค่อยๆปรากฏเป็นภูเขาลูกเตี้ยๆก่อนที่รถจะไต่ขึ้นสู่ดอยสูงของเทือกเขาขุนตาล ไอดินกลิ่นป่าหอมฟุ้งลอยมาให้สัมผัส เป็นกลิ่นหอมสดชื่นอันคุ้นเคย ผมสูดกลิ่นอายธรรมชาติเข้าเต็มปอด พร้อมกับเส้นทางที่ค่อยๆแจ่มชัดในความทรงจำมากขึ้นเรื่อยๆ ถนนสายนี้กำลังนำผมกลับบ้าน ย้อนเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตให้ผมได้รำลึกถึง

“จะโบกรถไปจริงๆอ่ะ ไม่ไหวมั้ง”
“ทำไมล่ะเอก รถที่วิ่งไปลำปางมีเป็นหมื่นคันต่อวัน คงมีสักคันที่ใจดียอมให้เราติดรถไปด้วย”
“งานนี้ข้าเจ้าบ่เอาโตยเน้อ ครั้งก่อนพาข้าเจ้าไปอยู่ค่าย กลับมาผิวงี้แตกลายงา ขานี้ถูกยุงกัดยังกะผิวม้าลายน ครั้งนี้จะพาไปประท้วงการสร้างเขื่อนอีก งานนี้ไม่เหมาะกับสรีศรีล้านนาอย่างข้าเจ้า”

“เจท ไม่ไปแน่นะ” ผมถามย้ำอีกครั้ง
“เอาดิลโด้มาล่อจ้างก้อบ่ไป”
“แล้วชายกับกอล์ฟล่ะ”
“ไม่เอา ไม่สน ไม่มีเนทให้เล่น ไม่ไป”
“ฉันติดทำละครแก คงไปด้วยไม่ได้ อาทิตย์หน้าขยับปีกจะแสดงแล้ว”

“สรุป ไม่มีใครสนใจเรื่องปัญหาของชาวบ้านกันเลย นี่หรือปัญญาชน”
“ฉันไปเป็นเพื่อนแกเอง”
“เอ้อ ไปกันสองคนนั่นล่ะดีแล้ว สมกันนัก ขอให้ได้ ขอให้โดน ชิ” เจทพูดเชิงประชดก่อนชวนชายกับกอล์ฟหนีไปกินข้าวที่ฝายหิน สรุปการลงพื้นที่เก็บข้อมูลชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนในครั้งนั้นมีผมกับเอกไปด้วยกันสองคน


รถกะบะคันแรกพาเรามาไกลจนถึงลำปาง ก่อนจะจอดลงตรงทางแยกไปอำเภอเถิน แล้วทีนี้รถชาติจริงๆของการโบกรถจึงเริ่มขึ้น เพราะป่ามกลางเปลวแดดอันร้อนจ้าชนิดเหงื่อที่ไหลออกมาเป็นน้ำอุ่น กลับหารถและคนขับใจดีแสนยากเข็น ระยะทางที่โบกได้ก้แสนสั้น ผมมองหน้าเอกหลายครั้ง เหมือนตั้งคำถามว่าไหวไหม รอยยิ้มอันเริงร่าชวนให้ผมใจชื้นว่าไม่ได้พาเพื่อนมาตกระกำลำบากมากเกินไป


“เหนื่อยไหมเอก นี่ผ้าเช็ดหน้า เช็ดเหงื่อออกหน่อย จะท่วมหน้าหล่อๆหมดแล้ว”
“เออ ขอบใจมาก”
“ร้อนจริงๆ ทำไมมันหารถยากอย่างนี้ว่ะ”
“เก่ง”
“อืม”
“แกอย่าไปโกรธเพื่อนเลยนะ ที่พวกมันไม่มาด้วย”
“อืม”


“แกก็น่าจะรู้ กิจกรรมนักศึกษาแนวนี้มันไม่ค่อยมีใครสนใจแล้ว วันๆก็เอาแต่ใช้ชีวิตสนุกสนานอยู่ในมอดีกว่า”
“เห้อ ตรงนี้สิที่น่าเสียใจ น่าจะมีคนรู้บ้างนะ ว่าคนที่เขาขาดโอกาสพูดมันเป็นยังไง พวกเรามีพลัง มีความน่าเชื่อถือน่าจะเอาตรงนี้ไปช่วยสังคม ไปช่วยชาวบ้านบ้าง”


“ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ดีนะที่พรรคของแกยังคงนโยบายเรื่องนี้ไว้ ปีหน้าลงนายกสโมฯดิ จะได้ผลักดันเรื่องพวกนี้ให้เป็นกิจกรรมนักศึกษามากขึ้น”
“โหย ไม่ไหวมั้ง อายเวลาไปหาเสียง”
“กล้าๆหน่อยดิ แกทำได้อยู่แล้ว”
“ขอบใจมากเอก”


ผมมองสบตาเอกด้วยความทราบซึ้งที่มีเพื่อนเข้าใจความรู้สึก หากครั้งก่อนนั้น เราไม่เจอกันเมื่อช้าไป เมื่อความเป็นเพื่อนมันมากเกินกว่าจะแปลเปลี่ยนไปเป็นคนรักกันได้ ผมกับเอกคงเป็นแฟนกันไปแล้ว แต่อย่างว่าตอนนั้นเอกก็มีพี่สอง แม้ต่อมาจะเลิกลาจากกันไป ความรู้สึกของคำว่า เพื่อน ก็ยังฝังแน่นอยู่ในใจ จนสุดท้ายเราก็ไม่ได้ลงเอยกันฉันท์เพื่อน

สองข้างทางยังร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้อันเขียวขจี ทางสายเดิมกับวันเวลาที่เปลี่ยนไป นำพาผมเดินทางร่วมกับผู้ชายสองคน คนหนึ่งคือเพื่อนที่ผมยังลังเลความรู้สึกในใจ กับอีกคนคือความอบอุ่นที่ผมแสวงหามาตลอดชีวิต

“พี่ครับ ถึงแล้วครับ” ผมเรียกท่านเบาๆท่านกำลังหลับสบาย ท่านลืมตาช้าๆ ก่อนหันมายิ้มให้ผม
“หลับไปตั้งนาน ฝีมือขับรถดีเหมือนเดิมนะ แล้วเรื่องอื่นละ” ท่านพูดก่อนโยกตัวมาจูบเบาๆที่หน้าผากของผม ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
“เพิ่งบ่ายเอง เย็นๆค่อยเข้าค่าย ตอนนี้ไปเปิดโรงแรมพักก่อนดีกว่า”
“ได้ครับ”


“พี่อยากไปเที่ยวที่ไหนก่อนหรือเปล่าครับ”
“ไม่ล่ะ พี่อยากอยู่กับเก่งมากกว่าเรื่องอื่น”
ผมขับรถออกนอกเมือง ไกลลิบๆคือแสงสีเหลืองทองอร่ามของพระธาตุดอยสุเทพ ผมไม่ได้มุ่งตรงไปทางนั้น ทางที่ผมไปคือโรงแรมในหุบเขาอันเงียบสงบแถวอ.แม่ริม

หลังจากเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเดินตามหลังท่านไปอย่างรวดเร็ว ท่านถึงห้องนอนก่อนผมเสียอีก เมื่อผมเปิดประตูเข้าไป ไม่ทันได้เก็บกระเป๋า ร่างกายันกำยำของท่าน ถาโถมเข้ามาหาราวพายุ รสจูบอันหนักหน่วง บีบเข้นเข้าไปถึงโคนลิ้นแสนหวานชุ่ม เสื้อผ้าของผมหลุดไปทีละชิ้นคล้ายจะถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆร่างกายของผมถูกท่านสำรวจไปทุกอณูขุมขน โหยหาอย่างคนที่อดอยากมานานแสนนาน


“ซี๊ด….พี่ครับ พอก่อนเถอะครับ ไปอาบน้ำกันก่อนนะครับ ดูสิครับ เหงื่อเต็มๆตัว”
“ไม่เอา หอมดีออก พี่ชอบแบบนี้” ท่านไม่ยอมหยุด ร่างของผมหมุนขว้างไปในอากาศ พละกำลังที่ท่านเก็บสะสมมากระแทกผ่านท่อนลำสู่ในกายของผม เสียวซ่านปนเจ็บปวดเป็นรสชาติสิเน่หาลุ่มหลง ผมกำลังทำผิดอีกแล้ว มโนสำนึกผุดขึ้นมา แต่ก็ถูกความใฝ่ต่ำของจิตกดเก็บมันลงไปเบื้องล่างอีกครั้ง


“ออกแล้ว อูยยยยยย” น้ำสีขาวข้นหลั่งรดมาทั่วแผ่นอกของผม กลิ่นคาวคลุ้งเตะจมูก ผมนอนหายใจรวยริน ท่านฟุบลงที่อก ประสานสองร่างเป็นหนึ่งเดียว
“ทำไมเก่งไม่เสร็จ” ท่านกระซิบ
“ผมไม่รู้เหมือนกันครับ”
“หรือเก่งไม่มีอารมณ์กับพี่”
“ไม่ใช่ครับ ผมคงเหนื่อย”


“พี่มันแก่แล้ว เก่งคงไม่ชอบ”
“พี่ครับ อย่าคิดมาก”
“พี่ไม่เข้าใจจริงๆว่าเก่งเป็นอะไรไป เวลานี้ควรเป็นเวลาที่เราสองคนจะได้หาความสุขมากที่สุด”
“ขอโทษครับพี่”
“งั้นไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพี่จะช่วย”


ท่านออกคำสั่ง ผมกับท่านเปลือยกายในห้องน้ำ สายน้ำจากฝักบัวกระแทกลงมาที่ผิวหน้า ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกลับมาอีกครั้ง ท่านบีบสบู่มาเต็มอุ้งมือ ก่อนที่จะลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างอันกำยำจากทางด้านหลัง ก่อนใช้มือโอบกอดไล้มือวนไปทั่วกล้ามท้อง คลึงเค้นนิ่งนานที่ยอดอกอันอัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม ความเสียซ่านกลับมาอีกครั้ง ท่านจับมือให้หันหน้ามาเผชิญกัน ผมหลบตาของท่าน ก่อนทีท่านจะค่อยๆคุกเข่าลงช้าๆ บรรจงใช้ลิ้นไล้เลียวนตรงกลางร่าง แล้วกลืนกินเข้าไป ผมเกร็งจนกล้ามเนื้อบีบรัด แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่คั่งค้างก็ถูกปลดปล่อยออกมา


ผมนอนเอามือก่ายหน้าผาก คิดไปต่างๆนานา ท่านนอนซบอยู่บนอกของผม ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ทุกอย่างจะเดินทางมาถึงขั้นนี้ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกขยะแขยงตัวเอง ทำไมถึงเลวได้ขนาดนี้ ปล่อยให้สัญชาตญาณความใฝ่ต่ำเรื่องเซ็กส์มาครอบงำความดีงามในจิตใจ เป็นได้แม้กระทั่ง “ชู้” ทำลายครอบครัวคนอื่น ใบหน้าอันเกี้ยวกราดของคุณผู้หญิงผุดขึ้น เสียงร้องไห้ของคุณหนูแป้งและเสียงหัวเราะเย้ยหยันปนสาปแช่งของคนรอบข้าง ทำให้น้ำตาสำนึกผิดของผมไหลอาบแก้ม


“ร้องไห้อีกแล้ว ร้องไห้ทำไม”
“พี่ครับ ผมไม่อยากทำแบบนี้อีกแล้ว มันบาป”
“บาป บุญ คุณ โทษ มันอยู่ที่ใจเรา เราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่มีใครผิด”
“แล้วถ้าวันหนึ่งทุกคนรู้ความจริงล่ะครับ พี่จะทำไง พี่จะยอมทำลายครอบครัว เพื่อผมคนเดียวหรือครับ” ท่านนิ่งไป


“มันจะไม่มีใครรู้ มันจะไม่อะไรทั้งนั้น เชื่อพี่สิ” ท่านดึงผมมากอด
“พี่ปล่อยผมไปเถอะนะครับ”
“เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ”
“พี่ครับ”
“พี่บอกให้หยุด”ท่านพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง วินัยที่ได้รับการอบรมมา ทำให้ผมรู้ถึงสถานการณ์วิกฤติ ก่อนที่จะเงียบเสียงลงด้วยแววตาอันเศร้าสร้อย ท่านเดินเข้ามาโอบกอดอีกครั้ง



สายลมพัดเฉื่อยฉิวลอดเข้ามจากหน้าต่าง ยามใกล้ค่ำเสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงมป่า ผมยังมองท่านยามหลับอยู่เงียบๆ ชายในฝัน คนที่ผมเฝ้ารอคอย คนที่ผมจะรักเขาได้ทั้งหมดเต็มหัวใจ ทำไมหนอ ทำไมมันถึงออกมาเป็นแบบนี้ สิ่งที่ยังคั่งค้างอยู่ในใจ ความรู้สึกต่อต้านและเกลียดชังพ่อ กลับย้อนมาทำร้ายตัวของผมเอง การแสวงหาความรัก ความอบอุ่นที่เคยขาดไป ทำให้ผมต้องทรมานหัวใจและเป็นทุกข์แบบไม่มีวันสิ้นสุด ผมไม่อยากร้องไห้ ผมไม่อยากอ่อนแอ แต่ผมกลัวเหลือเกิน ผมไม่มีความกล้าหาญอะไรที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้ คงได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไป ทั้งๆที่ตอนนี้ผมเองก็แสนทรมานและเจ็บปวดเหลือเกิน


ตลอด 5 วัน ที่อยู่เชียงใหม่ ท่านทำงานหนัก ทั้งการประสานงานกับทหารต่างชาติ ทำให้ผมกับท่านแทบไม่มีเวลาที่จะได้เจอกัน เพราะเราพักกันคนละที่ ยามว่างช่วงเย็นๆที่ท่านไปงานเลี้ยง ผมขออนุญาติท่านขับรถไปรอบๆเมืองเชียงใหม่ หลายๆสิ่งเปลี่ยนไป ตึกสูงผุดขึ้น ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและความพยายามยกระดับเมืองให้เป็นฮับด้านต่างๆของภาครัฐ ถนนสุเทพกว้างขึ้น มีเส้นตัด


ผ่านคันคลองชลประทาน บ้านริมถนนหลังนั้น ถูกเปลี่ยนไปเป็นคอนโดฯ ศาลามุงใบตองตึงที่ผมกับเอกเคยจอดรถหลบฝนตอนกลางคืนกลายเป็นเซเว่นฯถนนทางเข้าวัดอุโมงค์ถูกจับจองไปด้วยร้านค้าและตึกสูง เส้นทางถูกขยายขึ้นไม่แคบและเปลี่ยนชวนขนหัวลุกเวลาขี่รถเครื่องตอนกลางคืนเหมือนเช่นเคย


แต่ที่พอจะเรียกความทรงจำครั้งเก่ากลับมาได้ คือ “อ่างแก้ว” ความสงบเงียบของแผ่นน้ำที่พร่างพราวไปด้วยดวงดาวระยิบระยับกับแสงสีทองของพระธาตุดอยสุเทพที่ตั้งโดดเด่นบนขุนเขา มองทีไรก็ใจสงบ ที่นี่...มีความทรงจำของชีวิตนักศึกษา ผมกับเอกชอบมาเดินด้วยกันหลังจากสอบเสร็จ บางครั้งเรานั่งเงียบๆไม่พูดอะไรกันด้วยซ้ำ แต่พอถามว่าคิดอะไรอยู่ เรามักตอบว่าเรื่องเดียวกัน เจ็ทชอบขี่รถเครื่องไปซื้อไก่โลกแตก ข้าวเหนียว น้ำพริกหนุ่มที่ถนนกำแพงดิน แล้วไปเรียกทุกคนมากินด้วยกันตอนหลังเที่ยงคืน



กอล์ฟชอบนัดเจอหนุ่มๆจากในแชตที่นี่ แต่ส่วนมากที่เจอจะแต๋วแตกแหวกตลาด น่ากลัวซะเป็นส่วนมาก ส่วนชายชอบมานั่งมองผืนน้ำแล้วเขียนไดอารี่ แถมครั้งหนึ่งตอนมันอกหัก เพราะเพื่อนที่มันหลงรักมาตั้งแต่สมัยมัธยมเดินทางมาบอกว่าจะแต่งงาน เพราะไปทำผู้หญิงท้อง สรุปคืนนั้น เพื่อนๆทุกคนต้องมานั่งร้องไห้ด้วยกัน จนถูกยามไล่กลับหอ เพราะคิดว่าพวกนี้เมาแล้วบ้า คิดถึงเวลาที่เรียน เป็นเวลาที่มีความสุขมากที่สุดแล้ว มีเพื่อนที่รักกันคอยห่วงใย อยู่ใกล้แม่ใกล้บ้าน ไม่ได้แยกจากกันไปอยู่คนละมุมของประเทศเช่นวันนี้


“อยากเรียนจบไวๆจัง อยากหางานทำ อยากซื้อรถ ซื้อบ้าน แล้วก็หาแฟนหล่อๆสักคนอยู่ด้วย”
“เอาเข้าไปกอล์ฟ พูดอะไรอายฟ้าอายดินมั่ง นี่มองไปบนเขาดิ นั่นพระธาตุดอยสุเทพฯนะ” ชายปรามเมื่อเห็นอาหารเพ้อของเพื่อน
“ฉันด้วย ถ้าฉันได้เงินเดือนเยอะๆนะ ชั้นจะซื้อผู้ชายหล่อๆมากินให้หมด จะเลี้ยงเด็กเต็มบ้านให้เป็นฮาเร็มเลยล่ะ ชิ” เจ็ทพลอยเป็นไปด้วยอีกคน


“โอย เพื่อนกรูแต่ละคน ทำไมความฝันของพวกแกเป็นแบบนี้ว่ะ ไม่เข้าใจ” เอกค้าน
“แหม แกก็เหอะ อยากเป็นครูอยากรับราชการ ทั้งที่สันดานชอบกินผู้ชาย ระวังไปแอบกินเด็กล่ะ ไม่เห็นหรือรัฐมนตรีเขายังจะออกกฎห้ามพวกแกเป็นครูน่ะ” เจ็ทเถียงมั่ง


“แล้วไง เป็นเกย์ แล้วไม่มีสมองหรือไง สอนควายให้เป็นคนไม่ได้รึไง หึ พูดแล้วแค้น”
“นี่ล่ะสังคมไทย พวกแกอย่าคิดว่ามันจะง่ายไป เกิดมาเป็นเกย์มันต้องรับกรรม เรื่องความรัก เรื่องแฟน อย่าคิดจริงจังไปไม่มีทางสมหวังหรอก” ผมเริ่มพูดให้แง่คิดบ้าง
“แกเคยคิดเรื่องแฟนไหมเก่ง”


“ไม่เคย”
“อะไรไม่มีสเปกเลยหรือไง” เอกเค้นถามต่อ
“นั่นนะสิ ในกลุ่มเราก็มีแกคนเดียวที่ไม่เคยมีแฟน” กอล์ฟเสริม
“แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยส์ รอคอยไปเรื่อยๆขึ้นคานนะ วัยอย่างเรานี่ต้องรีบเลยนะ แก่ไปกว่านี้ หมาที่ไหนมันจะมามอง” เจทเพิ่ม


“เอากันเข้าไปหา วันๆคิดแต่จะหาผัวให้เพื่อน” ชายปราม
“หรือแกไม่อยากมีไอ้ชาย ชิ ทำเป็นต่อต้าน แหม พอเมียหนีไปแต่งงานกับชะนีแค่นี้ สติแตกไปเลยนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“พอได้แล้ว ตอนนี้พวกเราเรียนอยู่นะ ทำไมคิดแต่เรื่องนี้กัน ไว้ถ้าวันไหนฉันมีแฟนจริงๆฉันจะบอกพวกแกแน่นอน”


“สัญญาต่อหน้าปลาในอ่างแก้วนะ เอาไหม อิอิ”
“ได้เอก หวังว่าคนคนนั้นคงเป็นเหมือนในฝันของฉันนะ หึหึ”


ถ้าคืนนี้ปลาตัวที่เดิมที่เคยว่ายในอ่างแก้วมาทวงสัญญาที่เคยให้ไว้ ผมจะตอบปลามันอย่างไรดีนี่ คิดถึงเรื่องนี้ทีไร ต้องเผลอยิ้มอย่างมีความสุขทุกที ทำไมนะ ตอนเรียนหนังสือ ถึงมีเรื่องราวมากมายให้จดจำ ไม่เหมือนตอนนี้ ที่ทุกอย่างในชีวิต อยากลืมให้หมดไปเสีย


“พี่คราบ ช่วยซื้อพวงมาลัยหน่อยดิ” เสียงเรียกร้อง พร้อมการจับต้นแขนของผมอย่างเว้าวอน
“นะ นะ พี่เดี๋ยวกลับบบ้านแล้ว เหลือพวงเดียวเอง” เด็กน้อยวัยไม่เกินเจ็ดปี รูปร่างผอมเกร็งตื้อ
“เข้ามาได้ไง ในนี้เขาไม่ให้ขายของนะ” ผมแกล้งพูด
“พอดีจะกลับบ้านแล้ว บ้านอยู่เชิงเขาตรงโน้นนะ พอดีทางนี้ทางผ่าน เหลือพวงเดียวเองพี่ สิบบาทเองนะ ผมเหลือกลับบ้านก็ไม่มีประโยชน์ พี่ซื้อไปยังได้เอาไปไหว้ศาลพระภูมิที่หน้ามอ” นะนะมาร็เก็ตติ้งแต่เด็ก


“โอย....ไม่ซื้อหรอก ถ้าพี่ซื้อก็เท่ากับเป็นการสนับสนุนให้พ่อกะแม่ของน้องทำมาหากินกะน้องดิ ดูดิ บางคนไม่ได้เรียนเลย เพราะความเห็นแก่ตัวของพ่อแม่บังคับลูกมาขาย พี่ไม่ซื้อดีกว่า” ผมแกล้งแหย่ เด็กน้อยนิ่งไป รอยยิ้มอันสดใสในตอนแรกหุบสนิท แววตาเศร้าสร้อย นิ่งเงียบ


“พี่ไม่ซื้อไม่เป็นไร ผมไปล่ะครับ ผมก็ไม่อยากมาขายหรอกครับ ถ้าไม่ใช่ เพื่อปาก เพื่อท้อง ไม่มีใครบังคับผมนะ ผมทำเพื่อช่วยแม่ของผม ก็ผมไม่มีพ่อคอยหาเลี้ยงนิ”
เด็กน้อยพูดก่อนวิ่งหนีหายไปในมุมมืด ผมยังอึ้ง เหมือนถูกตบหน้า ทำอะไรไม่ถูกแม้แต่จะเรียกให้น้องเขากลับมา เซ็งชีวิต หลายๆครั้งที่ผมทำผิด คิดจะแก้ไขแต่ก็มักสายเกินไป มัวแต่คิดสำนึกผิด จนไม่ทันได้ยินเสียงมือถือที่ท่านโทรเข้ามาหา พอโทรกลับไปอีกครั้ง ท่านบอกให้ไปรับที่โรงแรมใกล้กับกาดสวนแก้ว


“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ มัวทำไรอยู่ ไปไหนมา” ท่านรัวคำถามจี้ผมเมื่อขึ้นมานั่งบนรถ
“พอดีไม่ได้ยินเสียงครับ เข้าไปในมอมา”
“ไม่ได้ยินเสียงหรือว่าคุยกับใครอยู่ พี่มันไม่สำคัญกับเก่ง”


“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ พอดีผมคิดมาก มัวแต่กลุ้มใจเรื่องของเรา”
“เก่ง พี่จะบอกอะไรให้นะ พี่รักเก่ง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพี่จะปกป้องเก่งเอง”
ผมมองหน้าท่านด้วยแววตาที่ตั้งคำถามมากมาย ก่อนเหยียบเบรกรถ


“พี่ครับ เรามาไกลกันเกินไปแล้วนะครับ ถ้าเรายิ่งเดินกันต่อไป ท่านก็รู้ว่าทางข้างหน้ามันไม่ใช่ความสุขแน่นอน ผมไม่อยากเป็นคนทำลายครอบครัวของท่าน”
“ไม่เอาเก่ง เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก เวลานี้เป็นเวลาของเราสองคน เป็นเวลาที่เราควรมีความสุขมากที่สุด กลับไปเกสต์เฮ้าส์ของเราดีกว่านะ คนดี” ท่านเริ่มอ้อน ก่อนที่ผมจะจะใจอ่อน สมองสั่งให้มือไปเปิดประตูเสียงดังโครม ผมเดินลงมาจากรถ ท่านรีบตามมาอย่างรวดเร็ว สองแขนอันแข็งแรงโอบรั้งผมไว้


“เก่ง พี่ขอร้องเถอะนะ กลับขึ้นรถ เราค่อยๆพูดกันดีกว่า แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดไรกันจะดีที่สุด กลับไปที่พักก่อนนะ”
“ผมไม่กลับ” ผมสะบัดท่านจนหลุด ก่อนหันกลับไปประจันหน้าท่าน ซึ่งยามนี้แววตาเศร้าสร้อยแฝงไปด้วยความโกรธ


“เก่ง จะให้พี่ทำไง บอกมา”
“พี่ครับ ปล่อยผมไปเถอะ อนุมัติให้ผมได้ย้ายมาเชียงใหม่เถอะครับ ถือเสียว่าสงสารผม” ท่านนิ่ง
“พี่ครับ ทุกคืนผมนอนไม่หลับ ผมฝันร้าย ในฝันของผมทุกคนรุมประนาม ผมได้ยินเสียงด่าอย่างเคียดแค้นจะเอาชีวิตของคุณนาย เสียงคุณแป้งร้องไห้ พี่ครับ ยิ่งทุกคนดีกับผมมาก เหมือนผมเป็นคนเนรคุณ พี่ครับ ผมกำลังตกนรกทั้งเป็น” ผมพูดพรางร้องไห้ ท่านดึงผมไปกอด


“พี่…ไม่อยากเสียเก่งไป”
“พี่ครับ ผมอยากกลับไปอยู่ดูแลแม่ แม่ผมแก่แล้ว ผมเป็นลูกไม่มีพ่อ ผมขอบพระคุณพี่มากที่รักและเมตตาผม มาช่วยเติมเต็มความอบอุ่นที่ผมไม่เคยได้รับจากพ่อ ผมขอรักและเคารพพี่เหมือนพ่อของผมจะดีที่สุดครับ”
“เก่ง พอเถอะ”


“พี่ครับ พ่อทิ้งผมกับแม่ไปตั้งยังเล็ก ผมไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นหน้าพ่อ ผมรู้ดีครับ ว่าความทุกข์เหล่านี้ มันเจ็บปวดแค่ไหน ผมไม่อยากให้ครอบครัวของพี่ต้องมีชะตากรรมเหมือนผมกับแม่ ได้โปรดปล่อยผมไปเถิดครับ” ท่านยังนิ่ง นิ่งเงียบจนผมสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็น


“ถ้าเก่งอยากไปจากพี่จริงๆพี่คงห้ามไม่ได้แล้ว ถ้าเก่งต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ พี่อยากให้เก่งมีความสุข นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่พี่จะทำให้เก่งได้ สำหรับคนที่พี่รักมากที่สุด” ท่านพูดช้าๆสะกดความรู้สึก ก่อนเดินขึ้นไปนั่งรอที่รถ ผมเดินกลับไปขับรถมุ่งขึ้นสู่หุบเขา คืนนั้นผมนอนไม่หลับ บนแผ่นอกมีท่านนอนซุกอยู่ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผิวรับรู้ถึงหยดน้ำตาที่ไหลอาบ ผมไม่อยากทำผิดอีกครั้ง


เช้าวันใหม่ ท่านกุมมือผมไว้แน่น ผมก้มลงกราบลาที่ตักท่านอีกครั้ง น้ำตาคลอเบ้า เช่นเดียวกัน
“พี่ครับ ชีวิตนี้ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว ผมจะไม่มีวันลืมพี่ ผมขอให้พี่และครอบครัวมีความสุข” ผมพูดกับท่านเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนก้าวออกจากรถแล้วเดินไปซื้อตั๋วรถบัสสายเชียงใหม่-ฝาง รถกำลังค่อยๆเคลื่อนออกจากท่ารถช้างเผือก ผมมองกลับไปหาท่านอีกครั้งสบตากันก่อนจากตลอดชีวิต


รถกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน สายลมเย็นๆจากทิวเขาพัดมาปะทะใบหน้า ผมจะทิ้งเรื่องราวทุกอย่างไว้เป็นความหลัง เพราะทางข้างหน้าที่จะก้าวเดินต่อไปนั้น ผมจะขอเป็นคนดีของแม่ จะดูแลท่านให้ดีที่สุด เพราะมันอาจจะเป็นความดีสุดท้ายในชีวิตที่ผมจะทำได้ เพื่อชดใช้กับเวรกรรมที่ผมได้ทำมา สิ้นสุดเสียทีกับฝันร้ายในนรกของผม


ที่สถานีรถบัสแม่อาย รอยยิ้มที่ผมคุ้นเคยรออยู่เบื้องหน้า ผมสวมกอดเอกอย่างกระชับแน่นนิ่งนาน ความรู้สึกต่างๆเหมือนถูกปลดปล่อยออกไปจากใจ


“ยินดีต้อนรับกลับบ้านเก่ง ต่อไปนี้ไม่ต้องไปไหนแล้วนะ อยู่ด้วยกันที่นี่”
“ได้เอก สัญญาต่อหน้ารถบัสคันนี้เลย”
“อีกล่ะ”





Create Date : 23 มีนาคม 2550
Last Update : 2 มิถุนายน 2550 9:13:24 น. 5 comments
Counter : 347 Pageviews.

 
ต่อตอนที่สามเร็วๆนะคร้าบบบบ รอด้วยใจจดจ่อ
(สนุกมาก)


โดย: Love nick IP: 202.115.125.12 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:1:07:05 น.  

 
ไม่อัพแล้วหรอคับ


โดย: รอมานาน IP: 202.115.125.12 วันที่: 26 เมษายน 2550 เวลา:2:37:10 น.  

 
ตอนนี้กลับบ้านที่ร้อยเอ็ดจ้า พอดีเขียนไว้อีกเครื่องที่กทม. เดี๋ยวจะให้เพื่อนช่วยอัพให้นะ อดใจอีกนิดจ้า


โดย: สหมิว (Be a good guy ) วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:10:36:29 น.  

 
อ่านแล้วเหนื่อยเหมือนกันนะครับ


โดย: redPoTatO วันที่: 4 กันยายน 2550 เวลา:17:42:47 น.  

 
หนุกดีนะคับ^^


โดย: คนที่ผ่านมา IP: 58.9.29.120 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:10:39:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Be a good guy
Location :
New York CityBoy United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กจากทุ่งกุลาร้องไห้ฯฝันไกลในนิวยอร์ค
Friends' blogs
[Add Be a good guy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.