แล้วเด็กบ้านนอกคอกนา ก็บินมาอยู่ถึงนิวยอร์ค
Group Blog
 
 
มีนาคม 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 
บทที่ 1 ผมขอโทษครับ




หลังจากเรียนจบทุกคนต่างมีวิถีชีวิตของตนเอง วันหนึ่งเมื่อเพื่อนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เรื่องราวมากมายในชีวิตจึงถูกเล่าสู่กันและกัน เป็นความรัก ความผูกพันธ์ของเพื่อน 5 คน ในกลุ่มเกย์เร อาจจะเคยทำทั้งถูกผิด แต่พวกเราก็อยากเขียนไว้ เพื่อเป็นความทรงจำร่วมกันตลอดไป.................

บทที่ 1 ผมขอโทษครับ

ฝนกำลังตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา เปรี้ยงๆ...เสียงฟ้าคำรามราวกับจะถล่มทลายลงมา นั่นคือสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก แต่ภายในห้องนอนนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเงียบกริบ หากจะมีเพียงเสียงเดียวที่แข่งกับเสียงของสายฝนในยามนี้ นั่นก็คือเสียงถอนหายใจของผมเอง

ผมเพิ่งได้รับโทรเลขด่วนมาจากคุณแม่ เปล่าหรอครับ ไม่มีใครเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเสียชีวิตแบบที่ท่านเห็นมาในละครหรอก แค่คุณพ่อกับคุณแม่ของผมจะเดินทางดั้นด้นจากกรุงเทพฯมาเยี่ยมถึงดอยสูงที่แม่อาย

อ้าว......พ่อแม่มาเยี่ยมแทนที่จะดีใจ ผมเป็นลูกประเภทไหนกันนี่ ในความจริงผมก็อยากจะดีใจอยู่หรอก แต่การมาครั้งนี้ของพ่อกับแม่มันเหมือนมีสัญญาณอันตรายที่จะมาทวงถามอะไรจากผมว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานมีครอบครัวเสียที

คำก็ “ผม”สองคำก็ “ผม” นั่นก็แสดงว่าคนเขียนก็เป็นผู้ชายดิ แล้วทำไมอีแค่การแต่งงานต้องเป็นเรื่องใหญ่ น่ากลุ้มใจขนาดนี้ด้วย คุณผู้อ่านที่น่ารักครับ ผมขอสารภาพผ่านตัวอักษร ผมเป็นชายแค่ภายนอกเท่านั้น ชายที่กล้ามเนื้อ ชายที่สรีระมันบ่งบอก แต่ภายในวิญญาณแล้วผมไม่ใช่ผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชาย ผมเป็นเกย์ครับ ย้ำว่าเกย์ไม่ใช่กระเทย เพราะผมไม่มีรสนิยมในการชอบแต่งหน้า ทาปาก อยากสวย อยากมีนม ผมยาว ผมแค่อยาก...กับผู้ชายเท่านั้น
ตั้งแต่เด็กแต่เล็กด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียวในบ้าน

ผมจึงได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพ่อคุณแม่จะหามาประเคนให้ ความสุข ความอบอุ่น ผมไม่เคยขาด แต่ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจริงๆแล้วในใจมันเรียกร้อง มันโหยหาอะไรกันนักหนา เคยไหมครับ ที่คุณสะดุ้งตื่นขึ้นมากับฝันร้าย ฝันซ้ำๆในเรื่องเดิมๆคนเดิมๆที่เข้าในความฝัน คนที่ทำให้คุณมีความสุข คนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นชายหนุ่มกล้ามปู


ตอนเรียนประถม ผมเฝ้ามองกรรมกรที่เข้ามาซ่อมบ้าน เหมือนเด็กน้อยที่ตกหลุมรักชายแปลกหน้า ผมนั่งมองเขาทำงาน มีความสุขมากกว่าการดูการ์ตูนของโปรด ผมตักน้ำไปให้พี่เขากิน ด้วยหวังจะเห็นเพียงรอยยิ้มและมือที่ลูบมาบนหัวผมเบาๆ ผมเคลิ้มสั่นไปทุกครั้ง เมื่อได้สัมผัสถึงกลิ่นเหงื่อที่รินไหลออกมา กล้ามเนื้อเป็นมัดๆที่สั่งสมมาจากการทำงานหนัก จนวันที่บ้านซ่อมเสร็จผมเหมือนเด็กแก่แดดที่อกหักไปแบบไม่มีสาเหตุ แม่เข้ามาถาม ผมได้แต่บอกไปว่า ผมเครียดเรื่องเพื่อนๆ


“พี่สัน แล้วพี่จะกลับมาแถวนี้อีกไหม”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ พี่ต้องกลับบ้านที่อีสาน”
“พี่ทำนาหรือครับ”
“ใช่ครับ พี่ต้องกลับไปหาเมีย”

“พี่มีเมียแล้วหรือครับ”
“ครับ พี่มีเมียแล้ว มีลูกด้วย”
“ผมคงคิดถึงพี่”
“คุณหนูตั้งใจเรียนนะ ถ้ามีโอกาสพี่จะกลับมาเยี่ยมอีก”
“ครับ”


พี่สันโอบกอดผมอย่างเอ็นดูเมื่อตอนต้องร่ำลาจากกันไป มันคือสัมผัสอันอบอุ่นที่แตกต่างไปจากที่ผมเคยได้รับ ใครจะหาว่าผมแก่แดดแร่ดก็ช่างประไร หากผมจะบอกว่าผมตกหลุมรักผู้ชายตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว จะทำไงได้ ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ คุณค่าที่เกย์คู่ควร


การเติบโตแบบเบี่ยงเบนของผมก้าวหน้าไปหยุดยั้ง เมื่อคราวเข้าม.ต้น แข้งขาที่ยาวเก้งก้าง หุ่นที่ยืดยาวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ผมให้ผมแลดูเป็นหนุ่มมากกว่าเพื่อนๆ บ่อยครั้งที่เรื่องราวห่ามๆมักมีผมเป็นหัวโจก

“แกมีขนหรือยังว่ะเอก”
“มีแล้วดิ ทำไมแกยังไม่มีอ่ะดิ”
“เอ่อ เออ ยัง”
“ไรว่ะ ตัวก็โต ไหงไม่ขน อยากดูไหม เดี๋ยวให้ดู”
“จริงดิ”

“ไปห้องน้ำกันไหม”
“เออ เดี๋ยวตามไป”

ผมไม่รู้ว่าสิ่งต่างๆที่ทำไปตอนนั้น เพราะสัญชาตญาณหรือว่าแค่ความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อน แต่มันทำให้ผมอดภูมิใจไม่ได้ ที่มีคนมาสนใจ ผมเริ่มมองเพื่อนผู้ชายด้วยกันเองที่เริ่มโตเป็นหนุ่ม ในขณะเดียวกันความสนใจกับเพศตรงข้ามเริ่มถูกผลักให้ห่างออกไปเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างไร ผมก็ไม่ชอบพวกที่วี๊ดว๊าย แสดงออกเป็นกะเทยหัวโปกอยู่ดี

ตอนม.ปลาย ผมย้ายมาเรียนโรงเรียนชายล้วน ผมหวังว่าการมีเพื่อนห่ามๆเกเรหน่อยๆ มันจะช่วยบำบัดนิสัยส่วนลึกของผมบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆมันกลับกลายเป็นแหล่งหาอาหารชั้นยอดให้ผมได้ตอดเล็กตอดน้อยกับบรรดาเพื่อนๆ ผู้ซึ่งไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว ผมมันแค่อีแอบของกลุ่ม


“เอก มึงเป็นเกย์หรือเปล่า กูถามจริงนะ”
“เฮ้ย...ทำไมถามหมาๆแบบนี้ล่ะ”
“กูไม่รู้ มึงอย่ามองกูแบบนั้นดิ”
“เพื่อนกันอย่าคิดมาก”
“อืม เพื่อน โทษทีว่ะ”


“หรือแกเป็นเกย์ว่ะธัน บอกมาเหอะ”
“ไม่ใช่โว้ย กูยังชอบสาวๆอยู่”
“แล้วมึงมาถามกูทำเหี๊ยไรนี่”
“ไม่รู้ บางทีกูรู้สึกแปลกเวลาอยู่ใกล้มึง”
“แปลกไงว่ะ”
“ลองจูบกันไหมเอก”


“ธัน แกมันบ้าไปแล้ว”


นึกถึงเรื่องนี้ทีไรแล้วอดเอามือเขกหัวตัวเองไม่ได้ เสียดายจริงๆถ้าย้อนเวลาไปได้ เอาความแร่ดจากตอนนี้ไปใช้ในตอนโน้น ผมคงงาบเพื่อนได้หลายคน แต่จะว่าไปก็ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าผมเกิดเสียคนตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม อนาคตคงไม่สดใสเป็นแน่แท้ แม้หลายต่อหลายครั้งที่มีโอกาส แต่พอนึกถึงหน้าพ่อแม่ขึ้นมาทีไร ทำให้ผมเองต้องหยุดทุกอย่างไว้เพียงแค่นั้น


ผมเก็บกดความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้ เพื่อนับวันนับคืนที่ผมจะหลุดออกมาจากบ้าน หลุดออกมาจากกรอบจากระเบียบที่คุณพ่อคุณแม่วางไว้ และผมก็สมหวัง เมื่อสอบติดมาเรียนที่มหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งในภาคเหนือ(ความจริงก็มีชื่อทุกที่ล่ะ) ผมมาไกล มาไกลเหลือเกิน แต่ที่นี่ผมกลับค้นพบสิ่งที่เติมเต็มวิญญาณที่โหยหิว


“ดูแลตัวเองนะลูก ตั้งใจเรียน”
“ขอบคุณครับแม่”
“พ่ออวยพรลูกหน่อยสิ”
“อืม...ลูกโตแล้วนะ ให้รู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ ไกลหูไกลตาพ่อกับแม่แล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับลุกนะ”
“ครับพ่อ”


บนโบกี้รถไฟสายเหนือ ผมกำลังก้มหน้าลงท่ามกลางรุ่นพี่ที่ห้อมล้อม เสียงบูมดังกระหึ่ม ตลอดระยะเวลาที่รถไฟลอดผ่านอุโมงค์ขุนตาล เมื่อผมเงยหน้าขึ้นรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นจากพี่ทำให้ผมมีความสุขมาก ผมกำลังจะก้าวเข้าไปเป็นนักศึกษา ผมกำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ยิ่งใกล้เชียงใหม่เข้าไปทุกที ผมยิ่งตื่นเต้น ประเพณีรับน้องรถไฟเป็นความทรงจำอันงามครั้งหนึ่งในชีวิตของผม พอถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ เสียงบูมก็ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่น้องใหม่ทุกคนจะก้าวลงไปจากโบกี้รถไฟ รุ่นพี่ที่รนออยูนำพวงมะลิกลิ่นหอมมาคล้องคอให้สร้างความปลาบปลื้มตื้นตันใจจนแทบจะรินไหลออกมาเป็นน้ำ จนเมื่อรถบัสพาผ่านเข้าไปในมหาวิทยาลัย รอบรั้วสีม่วง ในพื้นที่อันกว้างใหญ่เต็มไปด้วยต้นไม้ร่มครึ้มแสนสวยงาม ผมตกหลุมรักสถาบันแห่งนี้เข้าเต็มเปา ผมก้มลงกราบพระที่ศาลาธรรม


ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปตตามหอพัก หอสองชายเป็นตึกรูปร่างแปลกตาคล้ายอักขระอักษรจีน สองฝากฝั่งมีทางเชื่อมเดินไปมาหากันได้ ผมกำลังจัดของอยู่รูมเมทอีกสองคนก็เดินเข้ามา”ชาย” เด็กอีสานมาจากร้อยเอ็ด

ส่วน”เก่ง”เด็กเชียงใหม่นี่เอง แต่บอกว่าบ้านอยู่รอบนอกที่อำดภอแม่อาย นั่นคือก้าวแรกอันแสนงดงามในชีวิตการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยของผม


จนกระทั่งวันคืนผ่านไป จากเสียงหัวเราะที่เคยมีรุ่นพี่เริ่มเงียบ จากรอยยิ้มที่เคยเต็มใบหน้ากลายเป็นนิ่งเฉย บรรยากาศรอบตัวเริ่มเคร่งเครียดจนหน้าตกใจ พร้อมกับที่ผมได้เรียนรู้อีกรูปแบบหนึ่งของการรับน้องแบบโซตัสแทรกเข้ามา


“น้องเอก ครับ คืนนี้อย่าลืมมาฟอร์เมนนะครับ จะได้รู้จักกับพี่ๆทุกคน” ผมเงยหน้าขึ้นช้าๆ ด้วยความเหนื่อย
“ครับ พี่สอง” ผมตอบสั้นๆห้วนๆแบบไม่ใยดีนัก ตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่นี่ ผมถูกรับน้องด้วยสารพัดวิธี ทั้งสนุก ทั้งน่าเบื่อ หลากอารมณ์ จนผมปรับตัวแทบไม่ทัน


“ถ้ามีปัญหาไรก็บอกพี่ได้นะครับ” พี่สองยังตื้อ
“ครับ”
“เหมือนน้องเอกไม่ค่อยเต็มใจมารับน้อง”
“ใช่ครับ ผมไม่อยากมารับน้องเลยครับพี่ มันงี่เง่ามากเลย ทำไมพี่ต้องมาทำหน้าโหดมาดุมาว่าพวกผมด้วย ผมเบื่อ” อารมณ์คนที่ไม่เคยต้องยอมใครพุ่ง


“ใจเย็นๆครับ เอาไว้ร่วมกิจกรรมให้จบก่อน พี่เชื่อว่าน้องเอกคงได้อะไรบ้างจากการรับน้อง หรือถ้าน้องคิดว่ามันไม่สำคัญ น้องไม่ต้องมาร่วมก็ได้ครับ ที่นี่เราไม่มีการบังคับอยู่แล้ว” พี่สองพูดหน้าเจื่อน ก่อนเดินจากไป


ผมมองตามหลังพี่สองไป ชายคนนี้เข้ามาใกล้ชิดผมเสมอ จนบางครั้งผมรู้สึกถึงสัญญาณบางอย่างที่พี่เขาส่งมาให้ เกย์ด้า หรือเปล่า มันพิสูจนืไม่ได้เหมือนเรด้าห์ แต่มันสัมผัสได้ ถ้าผมไม่ได้หลงตัวเองหรือคิดมากไป พี่สองน่าจะอยู่ในข่ายผู้ชายไม่จริงแน่ๆ

“อยู่ที่นี่มาใหม่มีสิทธิ์เท่ากับศูนย์ อย่าถือดี ไม่ว่าคุณมาจากไหน แต่พวกผมอยู่มาก่อน คุณต้องเคารพ”
มันมาอีกแล้ว อีพวกพี่ว๊าก นั่นเก็กหน้ามันเข้าไป แสดงละครกันชัดๆผมนึกในใจ ด้วยสีหน้ายิ้มเจื่อยๆ

“ยิ้มทำไม ใครอนุญาติให้ยิ้ม”
“หน้าผมเป็นแบบนี้ครับ”
“ห้ามยิ้ม เข้าใจไหม”
“ทำไมล่ะครับ”

“ไม่ต้องถาม จำกฎไม่ได้หรือ ต้องเชื่อฟังรุ่นพี่ เข้าใจไหม”
“ครับ”

ด้วยนิสัยความอยากเอาชนะ ผมจึงเป็นน้องใหม่คนแรกที่
มารับน้องตลอด ร่วมกิจกรรมทุกครั้งไม่เคยขาด ไปๆมาๆผมเลยได้รับเลือกเป็นประธานรุ่นไปโดยปริยาย วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วการรับน้องสิ้นสุดลง ห้องเชียร์ปิด เพราะทุกคณะฯมุ่งหน้าก้าวเดินไปสู่การรับน้องขึ้นดอย ตั้งแต่เช้าตรุ่ ผมและเพื่อนๆผู้ชายต้องวิ่งไปบูมคณะฯปลุกเพื่อนนักศึกษาหญิงที่หอพักทุกหอให้ตื่นมาอาบน้ำเตรียมพร้อมกับการเดินทางไกล พอตอนเช้าก่อนปล่อยขบวน

พระสงฆ์ช่วยพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ช่างฟ้อนจากคณะวิจิตรฯแต่งตัวอลังการดั่งเทพยานางฟ้าลงมาร่ายรำอวยพร ทั้งน้องพี่ในชุดผ้าฝ้ายพื้นเมือง พร้อมใจกันเดินขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพฯ


กว่าสิบสองกิโลเมตรที่ค่อยๆเดินเกาะกลุ่มกันไต่ขึ้นไปบนความสูง ไม่มีความเหนื่อยล้าใดๆทั้งสิ้น ทุกคนต่างช่วยกันทั้งพยุง ผลัก ลาก จูงกันขึ้นไปให้ถึง ส่วนรุ่นพี่ก็มาช่วยดูแลทั้งเรื่องน้ำดื่มเรื่องอาหาร บางคนจบไปแล้วเป็นยี่สิบปีก็กลับมาเดินกับน้องๆสร้างความประทับใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก


จนบ่ายคล้อยกว่าจะขึ้นไปถึงยอดพระธาตุ แล้วน้องใหม่ทุกคนก็เข้าไปเวียนเทียนรอบพระธาตุ นมัสการขอพร เพื่อสิริมงคลให้กับชีวิตการเป็นนักศึกษา
“น้องเอก ขอพรอะไรจากพระธาตุครับ”
“ขอเรื่องเรียนครับ”

“แล้วเรื่องความรักล่ะ ขอไหม”
“ไม่กล้าครับ คงแล้วแต่บุญเก่า”
“อ้าว...ขนาดนั้นเลย”
“พี่สองล่ะ ขออะไร”
“คงคล้ายกันครับ”


ความสัมพันธ์ของผมกับพี่สองก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นน่าจับตามองในบรรดาเพื่อนๆและรุ่นพี่ แต่ผมก็ไม่สนใจอะไร เพราะผมมาที่นี่คนเดียว ผมไม่สนใจว่าใครจะนินทา อย่างน้อยก็ไกลหูไกลตาคุณพ่อคุณแม่คนที่ผมแคร์สุดชีวิต

“แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยส์ อีเอกแรงมาก”
“ไมรึ”
“คาบพี่สองไปหูบแล้ว”
“เหรอ แกมัวแต่เห่าอยู่นะสิ เลยเสร็จมัน”
“เอ๊ะ...อีนี่ เดี๋ยวแม่ตบไม่แบมือ”
“คะ มือหรือกีบนะ นางอิจฉาชัดๆ ชิ”
“ว่าไม่ได้นะ น้องเอกนี่ของเขาแรงจริงๆ”
“อย่าให้ล้มมาล่ะกัน แม่จะเหยียบจมดิน”

ความอิสระที่ผมใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตมาจ่อบันไดรอผมทุกค่ำคืน ตี 2 วันศุกร์ พี่สองขี่รถเวสป้า คันเท่ห์มารับผมที่หอพักในมอ ผมแอบเห็นสายตาขี้อิจฉาของกระเทยรุ่นพี่ในหอมองมาทางผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ อิจฉาดิ! ผมได้แต่แอบภูมิใน เพราะพี่สอง รูปหล่อระดับเป็นเชียร์หลีดเดอร์ ของคณะ ส่วนผมเองก็ไม่เลวนะ

“รอนานไหมครับ”
“ไม่ครับ”
“ไปไหนดีครับ”
“เอก ชอบทานอะไรครับ”
“แล้วแต่พี่ล่ะกัน”
“ไปกินขนมจีนกาดหลวงไหม”
“ก็ดีครับพี่”

จากนั้นรถเวสป้าก็ค่อยๆเคลื่อนออกจากหอไป เมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืนสีสันไม่แพ้กรุงเทพฯ เธค บาร์ ร้านอาหารสวยๆมีเพียบทั้งสองข้างทาง แต่เรานักศึกษาอยู่ก็ไปกินแค่ขนมจีนจานล่ะ 5 บาท ถูกและประหยัด

“พี่สองมีแฟนหรือยังครับ”
“อืม เคยมี”
“หมายความว่าเลิกแล้วใช่หรือเปล่า”
“ประมาณนั้น ถามทำไมหรือ”
“เห็นมีแต่คนมาชอบพี่ เลยอยากรู้ครับ”
“พี่มีคนที่พี่ชอบอยู่แล้วล่ะ”

กาดหลวงไม่เคยหลับบรรยากาศคึกคัก ผมกับพี่สองเลือกมุมสงบใต้สะพานลอย ภายใต้แสงเทียนเล่มน้อย พี่สองสั่งขนมจีนน้ำเงี้ยว ส่วนผมขอน้ำยา นั่งทานกันไป รำแต้รำว่า
“อร่อยไหม”
“สุดยอดเลยพี่”
“เอก”
“ครับ”

“พี่ชอบเอกนะ” จู่ๆพี่สองก็พูดขึ้นมา ผมเงยหน้ามองทำตาซึ้งปิ้งๆแบบมารูโก๊ะ แต่ก็ต้องแอบขำเล็กน้อย เพราะปากพี่สองยังมีคราบน้ำยายังกะเด็กเพิ่งดื่มนมเสร็จ

“โหย...พี่ สารภาพความในใจทั้งที หาที่ที่มันโรแมนติกกว่านี้ไม่ได้เหรอ ไม่ลงทุนเลย” ผมสัพยอก
“ความจริงใจของพี่ มันมากกว่าสิ่งใด เวลาสถานที่แม้ไม่ใช่ แต่เอกคือคนที่ใช่สำหรับพี่” พี่สองเล่นมามุกนี้ ผมงี้หน้าแดงยิ่งกว่าสีของขนมจีนน้ำเงี้ยวอีก
“เอก ว่าไง”

“ไม่รู้”
“ตามหลักกฎหมาย การนิ่งเงียบ หมายถึงการยอมรับ”
“งั้นผมก็เงียบ”

หลังกินขนมจีนเสร็จ พี่สองพาผมกลับอีกทางเลี้ยวเลียบคันคลองชลประทานไปทางสนามกีฬาเจ็ดร้อยปี ถนนทั้งสายโล่ง ลมหนาวจากดอยสุเทพพัดมาปะทะผิวกาย ผมเอามือสวมกอดเข้าที่เอวพี่สอง ก่อนวางลงไปเบาๆที่เป้า พี่สองหันหน้ามาจูบเบาๆที่หน้าผาก ก่อนเลี้ยวรถไปอีกเส้นทางเล็กๆ แสงสีชมพูอ่อนเรืองระยิบตรงหน้า

“อุ๊ย...ม่านรูดเลยหรือพี่” ผมแกล้งพูดเล่นตัวพองาม (งามหน้ามากกว่า)
“เอกจะว่าไรไหม”
“งั้นผมเงียบเหมือนเดิมครับ”

เด็กโบกรถทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนเปิดห้องให้ วีดีโอโป๊เปิดแช่อยู่ จอภาพเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ลุ่มร้อน บนโต๊ะตัวเล็ก ถุงยางอนามัยวางอยู่ 2 ชิ้น พี่สองหยิบมันขึ้นมา ก่อนชูส่ายไปมา ผมยิ้มตอบรับแล้วก้มหน้าลงด้วยความเขิยอาย

โอ้....ความอิสระที่ฝันหามานานตลอดชีวิต ค่ำคืนที่เคยต้องตกใจตื่น เพราะคิดว่าฝันร้ายกลับไม่ใช่ดั่งที่คิด พี่สองสวมกอดผมด้วยความอ่อนโอน ค่อยๆโลมเล้าด้วยลิ้นสาริกาที่พริ้วไหวไปทั่วร่าง ผมอ่อนระทวยดั่งหญิงสาวรอบูชายันต์ ได้แต่หายใจรวยริน กระซิก กระซิก ความเสียวส่านแผ่คลุมไปทั่วร่าง ความอบอุ่น หนักแน่นของพี่สองทำให้
ผมยามนี้เปรียบเหมือนกระต่ายน้อยที่ถูกหมาป่าขย้ำ แต่

ผมกลับเป็นกระต่ายที่ไม่วิ่งหนี มีแต่วิ่งเข้าสู้ เลื้อยไล่กลับไปแบบตาต่อตาลิ้นต่อลิ้น

ลมหายใจของพี่สองรวยริน แต่หนักแน่นกระชับทุกครั้ง สัมผัสอันเร่าร้อน สะกดให้ผมเหมือนตกอยู่ในภวังค์

“ครูครับ ครูครับ” เสียงเรียกดังมาจากนอกห้อง ทำให้ผมตื่นจากภวังค์ สติกลับมาแต่ช้างน้อยกลับลำไม่ทัน ผมทำตัวงอ
“ครับ มีอะไรหรือครับ”
“น้องจือ ไม่สบายครับ ครูช่วยมาดูหน่อยครับ”

“ได้ๆ เดี๋ยวครูตามไป”

ผมถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ ก่อนรีบเปิดประตูห้อง รีบเดินเข้าไปเรือนนอน เด็กกว่า 30 คน กำลังมุงดูอาการของจือ ผมเอื้อมมือไปสัมผัสที่หน้าผาก เด็กน้อยตัวร้อนจี๋ ผมเดินกลับไปเอาปรอทมาวัดไข้ พร้อมสั่งให้เด็กโตไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวจือ ความเป็นครูดอยในถิ่นกันดารตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ทำให้ผมเรียนรู้ทุกอย่าง ผมให้จือทานยาก่อนนั่งมองด้วยความเป็นห่วง จือ อายุ 5 ขวบแล้ว แต่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง พ่อแม่ของจือเสียหมดแล้ว จือเข้าโรงเรียนที่นี่เมื่อตอนอายุ 3 ขวบ มาพร้อมกับผมที่เข้ามาเป็นครู

“ไปนอนกันได้แล้ว เดี๋ยวครูดูแลจือเอง”

ผมสั่งให้เด็กๆทุกคนสวดมนต์แล้วเข้านอน เพราะชั่วเวลาอีกไม่นานไฟจะดับลง ผมจุดตะเกียงขึ้นเป็นดวงเล็กๆพอส่องแสง ก่อนนอนลงข้างๆจือ ฟังเสียงลมหายใจเข้าออก ก่อนเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าผากอีกครั้ง ไข้ลดแล้ว ผมค่อยเบาใจ มัวแต่ยุ่งเรื่องจือทำให้ผมลืมเรื่องของตัวเองไปเสียสนิท พรุ่งนี้เช้าแล้วสินะ ที่คุณพ่อคุณแม่จะเดินทางมาถึงแม่อาย แผ่นดินที่คุณแม่รู้จัก เพราะดูจากละครแม่อายสะอื้น ทางช่อง 7

จะเอายังไงดีนะ ผมยิ่งสับสน ตั้งแต่เรียนแล้ว ผมตั้งใจไว้เสมอว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมเรียนจบได้ทำงานราชการ ผมจะบอกความจริงกับคุณพ่อคุณแม่ แต่ผมจะเริ่มอย่างไรดีล่ะ แสงตะเกียงเริ่มหริบหรี่ ผมค่อยๆบรรจงเติมน้ำมันการ์ด ก่อนหยิบกระดาษสีขาวแผ่นโตออกมา เพื่อเขียนจดหมายถึงเพื่อนๆ เพื่อนสนิท 4 คนของผม ซึ่งหลังจากเรียนจบแล้วเราก็แยกย้ายไปมีวิถีชีวิตของตนเอง

“เก่ง” สอบเข้ารับราชการทหาร มีชีวิตและอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายผม คล้ายคนเพื่อนๆในกลุ่มยุให้เอากันฉันท์เพื่อน “กอล์ฟ” หนุ่มวิศวะคอมฯอยู่คอนโดฯหรูริมเจ้าพระยา “เจ็ท” เอื้องหลวงจากพะเยาผันตัวเองไปเป็นผจก.ร้านอาหารชื่อดังระดับโลกที่พัทยา และ “ชาย” นกน้อยจากไร่ส้ม ที่ถลาบินดั่งเหยี่ยวทำข่าวหุ้นที่อาคารสินธร เพื่อนทั้งสี่คน แม้อยู่ต่างคณะฯกัน แต่เพราะอยู่หอพักเดียวกัน ทำให้เจอกันทุกวัน บ่อยเข้าเกย์ดร้าก็เริ่มสำแดงออกจับกลุ่มกันเผยความในใจว่าเป็นพวกเดียวกัน ทำให้สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว จนถึงวันนี้ ก้าวเข้าสู่วัยทำงาน วันต้องแยกจากกันไป เอ......ไม่มีชื่อพี่สองหรอกครับ เพราะผมกับพี่สองเลิกกันไปนานแล้ว คนอะไรไม่รู้ เจ้าชู้ฉิบหาย


“ทำไมพี่สองทำแบบนี้”
“ทำไร”
“พี่มีผมอยู่แล้ว ทำไมพี่”
“เอก...เราเป็นเกย์ ไม่มีรักแท้ในหมู่เกย์ จำไว้”
“พี่”

“เลิกพ้อฝันได้แล้ว ผู้ชายผู้หญิงมีลูกด้วยกัน เขายังเลิกกันเลย นี่อะไร ผู้ชายด้วยกัน เอกท้องได้หรือเปล่า ทำไมต้องมาคิดจริงจังขนาดนี้ จำไว้นะ อย่ามาเอาอะไรกับพี่มากมาย”

“พี่สอง ขอบใจมาก ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว”

หลังจากวันนั้น ผมก็ไม่เคยเผาผีกับพี่สองอีกเลย กระเทยหลายนางหัวเราะแทบฟันหัก หยามเหยียบให้แทบทรุดแผ่นดินล้านนา มีเพียงเพื่อนๆที่ช่วยกันปลอบให้ลืมผู้ชายชั่วๆคนนั้นเสียที

ไม่รู้ทำไมคืนนั้นผมถึงร้องไห้มากขนาดนั้น ทั้งร้องไปกิน กินเหล้าไปบนดาดฟ้าหอชายสอง เพื่อนแต่ล่ะคนไม่ได้หลับได้นอน เพราะต้องมาคอยดูอาการอกหักแบบหมาเศร้าของผมกัน

“มันเลวแบบนี้แกไปเสียน้ำตาให้มันทำไม” เจทเริ่มด่า
“ร้องคืนนี้พอนะ พรุ่งนี้เลิกซะ” เก่งแนะ
“เดี๋ยวหาเกียร์วิดวะให้ ไม่ต้องเศร้า” กอล์ฟปลอบ
“ขอเงินซื้อโซดาน้ำแข็งหน่อย” ชายเอ่ย
“เชี๊ยะ” ทุกคนพูดพร้อมกัน

ดีจ้า เพื่อนๆทุกคน
คาดว่าจดหมายฉบับนี้ที่ส่งไปให้พวกแก คงเป็นจดหมายฉบับเดียวในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพราะคาดว่าตอนนี้นอกจากบิลทวงหนี้แล้ว พวกแกคงไม่เคยได้รับจดหมายจริงสักที ขอจงเข้าใจหน่อยว่า ยังมีพื้นที่เล็กๆในประเทศไทยนี้ ที่
ความเจริญของคลื่นโทรศัพท์เข้ามาไม่ถึง


เวลาบนยอดอยตอนนี้จะตี 2 แล้ว ยังนอนไม่ลงว่ะ มีเรื่องกลุ้มใจหลายอย่าง จู่ๆคุณท่านพ่อกะคุณหญิงแม่ก็จะมาเยี่ยมถึงถิ่น ที่เคยบอกกับทุกๆคนไว้ว่าจะสารภาพแล้ว เมื่อเรียนจบว่า ลูกชายพ่อมีเมียไม่ได้นะจ๊ะ ลูกชายแม่เป็นเกย์ฮะ พอเอาเข้าจริงๆไม่รู้จะเริ่มยังไง ไม่รู้จะบอกอย่างไร กลัวท่านเสียใจ กลัวท่านผิดหวัง


แต่ถ้าไม่บอกท่านก็คงต้องทนอีกต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด จะเอายังไงดีเพื่อนๆ ถามไปงั้นล่ะ ไม่ได้หวังจะได้คำตอบหรอก เพราะกว่าที่พวกแกจะได้รับจดหมาย ผลลัพธ์ของเรื่องราวอาจออกมาแล้ว ให้กำลังใจเราหน่อยนะ........................

“โอ๊ย โอยๆ” ผมละสายจากจดหมาย จือกำลังงัวเงียตื่น น้ำตาไหลออกมาอาบสองแก้ม
“ครูครับ ผมปวดหัว” ผมพยุงจือเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ตัวร้อนพ่าวอีกครั้ง สงสัยยาคงหมดฤทธิ์ ผมค่อยๆป้อนยาให้จือทานอีกครั้ง ก่อนวางลงนอน เด็กน้อยมองหน้า น้ำตาไหลอาบสองแก้ว

“ครู อยู่นี่ไม่ต้องกลัวครูเฝ้าดูแลจืออยู่ เดี๋ยวก็หายนอนนะครับ ”
“ครูครับ ผมคิดถึงพ่อแม่ ผมอยากพบท่าน ผมฝันเห็นแม่ แม่ท่านอยากให้ผมไปอยู่ด้วย ครูครับ ผมกำลังจะตายใช่ไหมครับ”

“ไม่เอานะครับ ไม่พูดอย่างนั้น จือเป็นเด็กดี คุณพ่อคุณแม่มาคุ้มครองดูแลต่างหาก จือต้องเข้มแข็งนะ ไม่สบายแค่นี้เอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หาย”
“จริงหรือครับครู”
“จริงสิครับ ไม่ต้องกลัวครูจะดูแลจือเอง ครูอยู่ที่นี่ อยู่ข้างๆตลอดนะจือ”

“ครูครับ ผมรักครูครับ ครูใจดีเหมือนคุณแม่ผมเลย” จือพูดพลางโผเข้ามา ผมประคองเด็กน้อยไว้ในอ้อมกอด ความรู้สึกสะเทือนใจในชะตากรรมของเด็กน้อยทำให้น้ำตาผมใหลได้อย่างง่ายดาย
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ คุณพ่อคุณแม่ครูจะมาเยี่ยม ท่านจะเอาของเล่นมาให้จือและเพื่อนๆด้วย จือต้องหายไวๆนะจะได้ไปเล่นกับเพื่อนๆ”

“ดีจังเลยครับ คุณพ่อคุณแม่ของคุณครูท่านคงรักคุณครูมาก เหมือนพ่อกับแม่ของผม” ผมเบือนหน้าหันมองออกไปสู่มุมมืดของห้อง แสงสว่างจากตะเกียงอันน้อยไม่อาจส่องไปทั่วห้องได้ แต่คงไม่เท่าภายในใจของผมที่มืดมิดยิ่งกว่า

“นอนนะครับ เดี๋ยวครูจะเฝ้าจือเอง”
“ครับ

ผมค่อยๆวางจือลงนอน เด็กน้อยยิ้มให้ผมก่อนหลับไป หันมามองจดหมายที่เขียนค้างไว้ ในใจยิ่งสับสน ยิ่งความรักของคุณพ่อคุณแม่มีต่อผมมากเท่าใด ก็เหมือนว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ผมต้องทำร้ายท่านสาหัสที่สุดในชีวิต เราจะทำไงดีเพื่อน ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ผมเขียนคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าลงในจดหมาย ก่อนเผลอหลับไป


เอ๊ก อี้ เอ็ก เอ้กกกก.................................... เสียงนาฬิกาปลุกของผมดังมาจากเรือนเกษตร ผมรีบลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ แสงสีทองจากขอบฟ้าเริ่มส่องสว่าง ผ่านหมอกบางๆที่ปลุกคลุมยอดดอย อากาศแสนหนาวเหน็บ ผมเรียกเด็กทุกคนลุกขึ้น เพื่อไปออกกำลังกายและทำเวรตามที่ได้รับมอบหมาย ส่วนจือยังคงนอนซม ผมเริ่มไม่แน่ใจในอาการของจือ แต่ในใจตอนนี้ก็มีอีกเรื่องรุมเร้า ไม่เกิน 3 ชม.คุณพ่อคุณแม่ของผมจะออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงแม่อายในเวลาไม่เกินเที่ยง


เช้าวันเสาร์คงเป็นวันหยุดของครูในเมือง แต่ครูบ้านนอกอย่างผมยังคงต้องทำหน้าที่ ผมรีบเดินลงจากม่อนดอยที่หอพักตั้งอยู่ ด้วยเท้าเปล่า เพราะยามนี้พื้นดินกลายเป็นลานโคลน ตรงไปโรงครัวที่ตั้งอยู่อีกฝาก เตรียมอาหารพิเศษให้จือเป็นข้าวต้มใส่ไข่เมนูง่ายๆ ก่อนรีบกลับมาที่หอพักอีกครั้ง ป้อนข้าวป้อนน้ำป้อนยา ก่อนเช็คอาการอีกครั้งค่อยสบายใจไข้ลดลงแล้ว แต่ผมก็ไม่วางใจให้เด็กโตเฝ้าจือไว้ ภายในใจก็ยังครุ่นคิด เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนเกือบเที่ยง เด็กกลุ่มใหญ่ วิ่งมาบอกผมว่าคุณพ่อคุณแม่ครูมาถึงแล้ว รออยู่ใต้อาคารเรียน


ผมเดินเท้าเปล่าลงไปโรงเรียนอีกครั้ง แต่ละก้าวที่สัมผัสกับพื้นโคลนช่างหนาวเหน็บ ก้าวไปๆอย่างเชื่องช้า ผ่านช่วงของวันเวลา ภาพในความทรงจำของผมกับครอบครัวเคลื่อนผ่าน น้ำตาเริ่มใหลอาบสองแก้ม ฝนเริ่มตกปรอยๆลงมาอีกครั้ง


ผมค่อยๆใช้มือปาดน้ำฝนที่ใหลมาอาบใบหน้า ใต้ถุนอาคารเรียน ภาพคนสองคนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิตยืนรอผมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ลูกเอก” แม่ผมเรียกชื่อด้วยความดีใจ ก่อนโผเข้าสวมกอดผม ส่วนคุณพ่อรีบเปิดกระเป๋าเอาผ้าขนหนูผืนโตมาเช็ดผมให้
“เป็นไงบ้างลูก โธ่ๆลูกพ่อ พ่อไม่นึกเลยว่าลูกจะมาอยู่ไกลขนาดนี้”
“ใช่ๆ แม่ยังตกใจอยู่เลยว่าลูกของแม่อยู่ได้ยังไง”
“ไม่สบายหรือเปล่าลูก ทำไมหน้าซีดๆ”


จากนั้นพ่อกับแม่ก็พลัดกันถามสารพัดคำถามหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานเกือบปี ความอบอุ่นใจในคืนวันเก่าๆกลับมาอีกครั้ง ทำให้ผมรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่ง

“มีแฟนหรือยังล่ะลูก” พ่อเอ่ยขึ้น ผมหันหน้าไปมองแม่ ด้วยสายตาละห้อยคล้ายเด็กที่ทำความผิดแล้วขอคำปลอบประโลมจากแม่ เพราะผมรู้สึกได้ว่าเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ แม่เข้าใจผมมากกว่าพ่อ

“ไม่มีครับ” ผมก้มหน้านิ่ง มองไปพื้น แม่ขยับเข้ามาใกล้ๆเอื้อมมือมาโอบไหล่ผม
“พ่อก็ เพิ่งมาถึงแท้ๆ ถามแบบนี้ลูกก็อายหมดดิ ลูกของเราหล่อขนาดนี้ ฉันว่าที่ไม่มี เพราะเลือกไม่ถูกต่างหากหรอก” แม่พูดอย่างอารมณ์ดี แต่ผมกลับอยากร้องไห้

“ไม่มีจริงๆครับ” ผมยืนยันเสียงแข็ง ลุกขึ้นยืน ยิ่งสร้างความแปลกใจให้กับท่านทั้งสอง
“เป็นอะไรไปหรือเปล่าลูก ถ้าพ่อกับแม่พูดอะไรทำให้ลูกไม่สบายใจ พ่อกับแม่ขอโทษนะ” ผมค่อยๆหันหน้ากลับไปหาพ่อกับแม่ น้ำตาใหลพรากลงมาอาบสองแก้ว ก่อนเดินเข้าไปหาท่าน ก้มลงกราบที่แทบเท้า

“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษพ่อกับแม่ คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ตลอดชั่วชีวิตผม ผมกลัวที่สุดก็วันนี้ล่ะครับ ผมกลัวที่สุดที่ผมจะทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจ”
พ่อกับแม่มองหน้ากันด้วยความแปลกใจ

“มีอะไรลูก ลูกเอกเป็นอะไร” แม่ถามผมด้วยเสียงสั่นเครือ
“พ่อครับ แม่ครับ ผมคงแต่งงานมีหลานให้กับคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ครับ ผมขอโทษ”
“พ่อก็นึกว่าอะไร เรื่องแค่นี้เอง เอาเป็นว่าถ้าลูกไม่อยากแต่ง ไม่มีแฟน พ่อแม่ก็ไม่ได้บังคับ ถึงเวลาลูกอยากมีครอบครัวก็ค่อยมีก็ได้ อย่ากลุ้มใจไปเลยลูก”

“ใช่ๆจ๊ะ ที่พ่อเขาถามก็เพราะรักลูกห่วงลูกไง อยากรู้ว่าใครนะจะมาเป็นสะใภ้ลูกอย่าคิดมากนะ”

ผมเงยหน้ามองพ่อกับแม่อีกครั้ง รอยยิ้มอับอบอุ่น ช่วยทำให้ใจของผมแช่มชื่น สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนบอกท่านออกไปว่า
“ผมไม่แต่งงาน เพราะผมเป็นเกย์ครับ ผมไม่อยากไปหลอกผู้หญิง ทั้งๆที่ผมชอบผู้ชายต่างหากครับ”
สิ้นเสียงพูดของผมสาบานได้ว่าผมได้ยินเสียงพ่อกับแม่พูดคำว่า “อะไรนะ” ขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนทำหน้าเหวอสุดชีวิต แล้วจากนั้นทุกอย่างก็เงียบลง เงียบจนผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นโครมคราม

“พ่อจะกลับล่ะ” พ่อพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ ส่วนดวงหน้าแม่มีน้ำตาใหลลงมาอาบสองแก้ม ผมก็เช่นกัน ความเสียใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต นี่ผมจะตกนรกอีกกี่ชาติกี่ภพกัน ถึงจะเพียงพอกับการชดใช้ ที่ทำให้บุพการีต้องมีน้ำตา ผมก้มลงกราบเท้าท่านทั้งสองอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงสะอื้นไห้ของพ่อกับแม่


“ครูครับ ครูครับ จือชักครับ จือชัก” เสียงเด็กตะโกนเรียกลงมาจากม่อนดอยหอพัก ผมผงะลุกขึ้น มองหน้าคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยแววตาสำนึกผิด ก่อนรีบวิ่งออกไปสุดชีวิต หอพักที่ผมเคยเดินขึ้นลงแสนใกล้ ในยามนี้กลับไกล ความรีบทำให้ผมทั้งลื่นทั้งล้มลุกคลุกคลาน แต่ผมก็แข็งใจไปให้ถึงเด็กน้อย

จือกำลังชักกระตุก ใบหน้าซีด ตัวร้อนเฉียบ น้ำลายใหลเยิ้มออกมา ผมรีบหาผ้ามามัดกับช้อนสอดเข้าไปในปาก เพื่อไม่ให้จือกัดลิ้น ก่อนอุ้มไว้ในอ้อมกอดวิ่งลงดอยมา
“เอาเด็กมาขึ้นรถเลยลูก” เสียงพ่อของผมตะโกนเรียก ส่วนแม่รีบเปิดประตู ก่อนที่รถจะทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ผมเอามือประคองหน้าจือไว้ แม่ช่วยเอาผ้าเช็ดซอกคอ รักแร้ ชีวิตของเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่กำมือของครอบครัวเรา


รถค่อยๆไต่ไปตามความคดโค้งของไหล่เขา ทางลื่นเพราะฝนตกยิ่งทำให้ขับลำบาก แต่ผมเชื่อมั่นในฝีมือพ่อ ส่วนแม่มองหน้าผมพลางเอามือตบบ่าเบาๆ ผมได้แต่เฝ้าภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองให้จือรอด เพราะถ้าหากจือเป็นอะไรไป คงเป็นตราบาปตลอดชีวิตของผม
แล้วรถก็มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองแม่อาย จือหายใจรวยรินเพราะพิษไข้ เสียงเบรกรถดังสนั่น ทำให้คนทั้งโรงพยาบาลเล็กๆประจำอำเภอหันมามองที่รถของพ่อ ผมรีบอุ้มจือวิ่งเข้าไปในอาคาร คุณหมอกับพยาบาลที่คุ้นเคยกันสองท่านรอทำหน้าที่ต่อ


ผมทิ้งตัวลงที่มุมห้องก่อนร้องไห้โฮ อย่างไม่อายใคร พ่อกับแม่มานั่งอยู่ข้างๆพ่อดึงตัวผมไปกอดไว้แน่น
“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร เด็กต้องไม่เป็นไร” พ่อพยายามปลอบผม ผมพูดไม่ออกได้แต่ร้องไห้ในอ้อมกอดของพ่อ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า กว่าชั่วโมง หมอก็เดินออกมาพร้อมข่าวดีว่าจือปลอดภัยแล้ว แม่ค่อยๆพยุงผมลุกขึ้น พ่อเอาผ้าขนหนูผืนเดิมมาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ผม ผมยังคงก้มหน้านิ่งไม่กล้าที่จะสบตาท่านทั้งคู่


“พ่อครับ แม่ครับ ผมคงไม่ใช่ลูกที่ดีของพ่อกับแม่ ผมเสียใจที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจ ทำให้ผิดหวัง ผม..”
“พอเถอะลูก อย่าพูดอะไรอีกเลย พ่อไม่เสียใจเลยสักนิด ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร แต่ลูกก็คือแก้วตาดวงใจของพ่อกับแม่ ที่สำคัญพ่อภูมิใจในตัวลูกมาก ลูกของพ่อกล้าหาญ เสียสละ ลูกรักของพ่อ”


พ่อสวมกอดผมอีกครั้ง เราสามคนกอดกันกลม กลางห้องโถงโรงพยาบาล ฝนยังคงตกหนัก แต่ในยามนี้ความหนาวเหน็บไม่อาจทำไรผมได้ เพราะผมรู้สึกอบอุ่น มั่นคงปลอดภัย ด้วยความรัก ความเข้าใจที่คุณพ่อคุณแม่ท่านมอบให้








Create Date : 22 มีนาคม 2550
Last Update : 2 มิถุนายน 2550 9:04:23 น. 10 comments
Counter : 325 Pageviews.

 
สู้ๆค่ะ


โดย: แป้งหอม (floral_flory ) วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:19:41:14 น.  

 
พ่อแม่ก็คงจะผิดหวังบ้าง แต่ที่ไม่มีวันเปลี่ยนคือ จะรักไม่ว่าลูกจะเป็นยังไง ยิ่งคุณเป็นคนดี พ่อแม่ยิ่งภูมิใจค่ะ

จะตามอ่าน เอาใจช่วยนะคะ


โดย: ตา (Febie ) วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:22:19:25 น.  

 
เธอทำฉันคิดถึงความหลัง


โดย: เพื่อนสาวของหล่อน IP: 203.155.167.103 วันที่: 23 มีนาคม 2550 เวลา:10:55:35 น.  

 
ตามมาอ่านคับ แฟนฟันแท้ civilroom ผมก็เคยเป็นครูคับใชคร้ายที่เป็นคูดนตรีไม่ได้เห็นความลำบากแบบนี้ ทำงานแต่เด้กรวยๆที่ต้องการแต่ให้ลูกเรียนเปียนโน แต่เด็กไม่ชอบ ตามแฟชั่นก็เลยลาออก ท่องโลกตอนนี้มาสอนดนตรีในโบสที่ดารัส สอนให้คนอยากเรียนคับ


โดย: สะล้อ IP: 72.196.242.187 วันที่: 5 เมษายน 2550 เวลา:2:21:52 น.  

 
สนุกมากเลยคับ อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ ( อ่านตอนสองจบแล้วด้วย) อยากทราบว่าเป็นเรื่องแต่งหรือเรื่องจริงครับ

จนวันนี้ผมก็ยังไม่กล้าบอกพ่อแม่เรื่องที่ผมเป็นเลยคับ


โดย: Love nick IP: 202.115.125.12 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:1:05:49 น.  

 
เค้นอารมณ์ป้าออกมาเป็นน้ำตาจนได้

เป็นเรื่องจริงที่สุด ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไรหรืออย่างไร พ่อกับแม่ก็ไม่มีวันเลิกรักลูกได้

รักลูกเหลือเกินค่ะ


โดย: ป้าเอม IP: 124.120.47.224 วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:10:10:50 น.  

 
เรื่องราวมี 5 ตอนครับ เขียนมาจากบางส่วนของชีวิตเพื่อนๆสนิท 5 คน ที่เรียนจบมาแล้ว 5 ปี ครับ

ไว้จะมาลงอีกนะครับ


โดย: สหมิว IP: 222.123.62.204 วันที่: 21 เมษายน 2550 เวลา:13:08:53 น.  

 
โห...เข้ามาเจอเรื่องน่าอ่านซะดึกเลยเรา เเต่ขอเซฟไว้อ่านต่อพรุ่งนี้นะ อ่านไปเเล้วบางตอน ขอบอกจากใจว่าน่าติดตามอ่านมาก เขียนได้อรรถรสจริงๆ
ปล..เป็นกำลังใจให้ เขียนมาลงอีกนะ


โดย: เเมงเม่าฯ (primavera369 ) วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:4:04:40 น.  

 
เขียนเก่งจังเลยค่ะ
อ่านเพลินเลย
แ้ล้วจะตามมาอ่านอีกนะคะ


โดย: มูคินญ่า (Mukinha ) วันที่: 8 ธันวาคม 2550 เวลา:15:57:14 น.  

 
อ่านะคับก่ะอ่านผ่านๆกลายเป็นว่าอ่านจนหมดเลย


โดย: มาวันนี้วันเดียว IP: 58.9.34.234 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:23:49:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Be a good guy
Location :
New York CityBoy United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กจากทุ่งกุลาร้องไห้ฯฝันไกลในนิวยอร์ค
Friends' blogs
[Add Be a good guy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.