นิวยอร์คเกอร์ผู้แล้งน้ำใจ
ตอนมานิวยอร์คแรกๆสารพัดคำเตือนจากบรรดาเพื่อนชะนีไทยหลายสายพันธุ์กระหน่ำรุมเร้าาให้ระมัดระวังตัวในการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ค
กลางคืนต้องระวังตัวมองซ้ายมองขวาเดินกลางถนน ผลที่ตามมาคือเวลากลับบ้านดึก ข้าเจ้าเดินกลางถนนแล้วส่ายหัวไปมาเหมือนพัดลม เพื่อดูลู่ทางที่อาชญากรจะเข้ามาจู่โจม
นั่งซับเวย์อย่าสบตาคนนะ นั่งไปมองเพดานไป ทั้งคนขอทาน นักดนตรีหรือสารพัดคนที่แออัดยัดเยียดกันในโบกี้ อยู่นอกสายตาข้าเจ้าเสมอ จนเวลาผ่านไปแต่ละวัน บุคลิกภาพของอิชั้นที่เคยอ่อนหวาน ยิ้มแย้มแจ่มใสไร้สติ แทบจะกลายเป็นนางมารร้ายที่หัวใจด้านชา การดำเนินชีวิตในแต่ละวันเร่งรีบหงุดหงิดง่าย ไม่ได้ดั่งใจมีกรี๊ดอยู่เป็นประจำ
เพราะอะไร เพราะตัวเราเองที่เปลี่ยนไป หรือ เพราะด้วยสถานการณ์หลายๆอย่างที่มันบีบบังคับ ถึงแม้มนุษย์จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์สังคม ต้องเรียนรู้การปรับตัวเพื่อการอยู่รอด แต่นี่พอนานๆไป การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่เหมือนเราทุกคนต้องเห็นแก่ตัวกันทั้งหมดเลยหรือ
เช้าวันจันทร์ อากาศเมืองนิวยอร์ควิปริตเข้าขั้นกระเทยเมายาคุม ฝนตก ฟ้าร้อง หนาวเหน็บจับใจ ข้าเจ้ากำลังสัปหงกอยู่ในซับเวย์ อากาศที่อับชื้นผสมกลิ่นเหม็นเปรี้ยวแบบได้ที่ของฝรั่งบางสายพันธุ์ทำให้บรรยากาศในรถตอนนี้เหมือนกำลังวิ่งลงไปในโถส้วม
แน่น อึดอัด เบื่อ เซ็ง ข้าเจ้ากรอกตาไปมา อ่านป้าย มองโฆษณา พยายามทำตัวลีบๆเวลารถไฟเร่งความเร็วแล้วถูกคนด้านหน้าโยกตัวมาชน เวลาตอนนี้เหมือนผ่านไปอย่างเชื่องช้า
รถจอดนิ่งสนิท เพียงแค่ไม่กี่อึดใจจะถึงสถานีปลายทางที่ต้องลง พร้อมกับการประกาศว่าให้ทุกคนในรถอดทน เพื่อการเดินทางต่อ
อดทนอีกล่ะ เอ๊ะอะอะไรก็ต้องทน ทำไมรางรถไฟประเทศนี้มันมีปัญหาได้ทุกวันนะ ทุกคนในโบกี้เริ่มหงุดหงิด หน้าหงิกงอ บูดเหม็นเปรี้ยวคละคลุ้ง บางเผ่าพันธุ์ความอดทนต่ำเริ่มสบถถ้อยคำหยาบบคาย อิอิ แต่ข้าเจ้ารอดตัว เพราะฟังไม่ค่อยเข้าใจ
แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงเด็กเริ่มร้องไห้ จากนั้นแอร์และไฟค่อยๆดับลง เริ่มเข้าใกล้ความเป็นนรกเต็มที่ล่ะ ผู้คนเริ่มสงสัย หวาดระแวงกับความไม่ปลอดภัย แล้วพอถึงนาทีที่ 5 เดินทางมาถึง ไฟก็สว่างขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนตัวของรถออกไป
เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้นเอง แต่เวลาตอนนั้นเหมือนมันเนิ่นนานจนแทบอยากจะปีนออกมาแล้วเดินหนีออกไปให้ได้ รถจอดลงที่สถานีปลายทาง ทุกคนต่างผลักดันกันแทรกตัวหนีออกประตูไป กลุ่มคนนับร้อยต่างมุ่งตรงไปยังประตูทางออก เล็กแคบใครถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อน ห้ามแซงมีตบ ข้าเจ้าเริ่มเหนื่อยเลยหยุดยืนอยู่ตรงข้างทางรถไฟ เพื่อรอให้คนอื่นๆออกไปก่อนให้หมด
ยกมือดูนาฬิกา ยังไงวันนี้ก็เข้างานสายล่ะ ก็สายให้มันสุดๆไปเลยล่ะกัน ยืนนิ่งๆสักครู่ พอคนหมดค่อยเดินออกมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน ลมฝนยังคงพัดกระหน่ำ ผู้คนที่เดินสวนไปมาล้วนกางร่มคันใหญ่ใส่ชุดดำ ข้าเจ้าค่อยๆกางร่มออก ก่อนเยื้องย้ายอย่างช้ายืนนิ่งๆรอสัญญาณไฟสีขาวพร้อมรูปคนข้ามถนน
เสี้ยววินาทีนั้น มีร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอวิ่งมาหยุดอยู่ข้างๆพร้อมยืนรอคอยเวลาที่จะวิ่งข้ามไปอีกฝั่งเช่นกัน ผมยาวตอนนี้เรียบลีบเพราะเปียกน้ำฝน เธอยกมือขึ้นมากำแล้วเป่าไออุ่นพ่นออกมาเพื่ออคลายความหนาว
ไฟข้างหน้ายังคงเป็นสีแดง บางทีสัญญาณไฟขาวคงจะมาถึงในอีก 2 นาที แต่ไม่ว่ามันจะมาช้าหรือเร็วในตอนนี้คงไม่สำคัญนัก เพราะร่มคันใหญ่ที่ข้าเจ้าถือก็คงพอกั้นน้ำฝนสำหรับเราสองคน
Create Date : 21 พฤษภาคม 2551 |
|
13 comments |
Last Update : 21 พฤษภาคม 2551 6:15:29 น. |
Counter : 779 Pageviews. |
|
|
|