|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ชะตากรรมของชาวบ้านจัดสรร
คนที่อยู่รวม ๆ กันในบ้านจัดสรร ทาวน์เฮาส์ หรือคอนโดมิเนียม ถือว่าผู้นั้นได้เลือกชีวิตของเขาแล้ว โดยเลือกที่จะอยู่รวม ๆ กันหรือใกล้ชิดกับคนอื่น ๆ จึงต้องปรับตัวทำใจทุกอย่างสารพัด จะทำอะไรเหมือนอยู่กับพ่อแม่หรือ เหมือนเคยอยู่สมัยเดิม ๆ ไม่ได้
นอกจากนี้ก็ยังต้องเผชิญกับปัญหา สารพัดแบบที่จะมีมาตั้งแต่เรื่องการ เลือกซื้อ การทำสัญญา การเข้าอยู่อาศัย และปัญหาอีกสารพัดจะติดตามมา นัยว่าเป็นชะตากรรมที่วุ่นวายน่าเห็นใจชะตากรรมเรื่องความเป็นอยู่จะพูดถึงทีหลังเอาตั้งแต่การได้เป็นเจ้าของบ้านจัดสรร ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียมแห่งใดแห่งหนึ่งเสียก่อน
จองแล้วถูกริบเงิน เมื่อไปดูบ้านจัดสรร ทาวน์เฮาส์ หรือคอนโดมิเนียมสักแห่ง แค่เห็นบ้านตัวอย่างที่จำลองไว้ หรือเห็นของจริง ๆ ที่สร้างสักหลังหรือสองหลัง หรือเห็นแค่โบรชัวร์ก็เกิดชอบใจขึ้นมา จึงจองไว้ก่อนด้วยเงิน 5,000-10,000 บาท แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านถูกเมียด่า (เหตุเพราะแอบไปดูคนเดียว) หรือเกิดคิดไปคิดมาหลายตลบ เอามือก่ายหน้าผากก็แล้ว เอาเท้าเมียมาก่ายด้วย
เราทำงานอยู่ลาดพร้าวไปจองทาวน์เฮาส์แถวพุทธมณฑลสาย 2 ไม่ไกลไปหน่อยรึลูกเต้าจะไปโรงเรียนก็ลำบากแถวนั้นได้ข่าวว่าน้ำท่วม การคมนาคมไม่ค่อยสะดวก เอ! แล้วเราใจง่ายไปจองทำไมหว่า มัวมองตานักงานรีบจองจนเพลินมือมันไวไปหน่อย จะทำอย่างไรไปขอคืนคงไม่ได้ เพราะในสัญญาต้องส่งเงินจองต่อไปอีก 3 งวด จึงค่อยมาทำสัญญา ในที่สุดก็ต้องถูกริบเงินจองเพราะไม่ส่งต่อ สวรรค์ที่เห็นรำไรกลายเป็นริบหรี่ไปเสียแล้ว
สัญญาจะซื้อจะขายกลายเป็นอย่างอื่น ข้อนี้ก็คือเมื่อทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านจัดสรรสักหลัง ฝ่ายเจ้าของโครงการเอากระดาษอะไรไม่รู้มาให้เซ็นเยอะแยะไปหมด ไอ้ตอนนั้นก็หน้ามืดตาลายเซ็นดะ แต่เมื่อกลับบ้านมาอ่านดูอีกทีกลายเป็นสัญญาจะซื้อที่ดิน 1 แปลง 1 ฉบับ สัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้าน 1 หลัง 1 ฉบับ สัญญาพัฒนาที่ดิน 1 ฉบับ สัญญาจ้างตกแต่งอาคาร 1 ฉบับ ความจริงเจ้าของโครงการทำดังกล่าวเพื่อ ต้องการหลีกเลี่ยงภาษีนั่นเอง
ทำสัญญาจะซื้อจะขายได้แต่กระดาษ กรณีนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ คือเมื่อผู้จะซื้อทำสัญญาจะซื้อจะขายและวางมัดจำไว้แล้ว ผู้จะขายก็ไม่ยอมปลูกสร้างบ้านสักที อ้างนั่นอ้างนี่ยังจองไม่เต็มโครงการบ้างล่ะ ยังไม่ได้ฤกษ์บ้างล่ะรอตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน จนแต่งงานและท้องแล้วก็ยังไม่ได้สร้างก็ต้องมาฟ้องร้องกันผู้จะขายก็มักจะสู้คดีอยู่บ่อย ๆ ว่าผู้จะซื้อไม่ส่งเงินตามงวด ๆ ถือว่าผิดสัญญา จะริบเงินมัดจำ หรือเงินงวดที่ส่งไปแล้วและหยุดส่ง ผู้จะขาย ก็อ้างว่าเมื่อไม่สร้างจะส่งทำไม เอาเงินคืนมาสิ เรื่องอย่างนี้ศาลฎีกาแปลอยู่เสมอ ๆ ว่าผู้จะซื้อบอกเลิกสัญญาและขอเงินคืนได้
(ฎีกาที่ 1952/2538)บางทีผู้จะขายก็อ้างว่าก็สัญญาไม่ได้เขียนไว้นี้จะลงมือสร้าง เมื่อไรเขียนแต่ว่าผู้จะซื้อต้องส่งเงินค่าจองค่างวดเท่านั้น เมื่อผู้จะซื้อไม่ส่งก็ริบเงินนะซิ ศาลท่านก็แปลว่าเมื่อจองแล้วก็ย่อมคาดคิดว่าจะสร้างในเวลาอันไม่ล่าช้ามากเกินไป เมื่อล่าช้ามากเกินไปไม่ลงมือสร้าง ผู้จะซื้อก็มีหนังสือเตือนแล้วผู้จะขายก็เพิกเฉย พฤติการณ์เท่ากับสมัครใจเลิกสัญญาต่อกัน ต้องคืนเงินมัดจำและดอกเบี้ย (ฎีกาที่ 2816/2540 ฎีกาที่ 252/2540) บางทีโครงการล้มและไม่ติดต่อกันหลายปี(ฎีกาที่ 6990/2542)
ซื้อขายแล้วได้ของไม่ถูกต้องครบถ้วน ข้อนี้มีหลายกรณีด้วยกัน ตั้งแต่ผู้จะซื้อได้ชำระเงินแล้วพอถึงกำหนดจะโอนกรรมสิทธิ์กัน ปรากฏว่าเกิดมีปัญหาทางด้านผู้จะขาย หรือเจ้าของโครงการคือไม่มีสาธารณูปโภคต่าง ๆ ตามที่ระบุ เช่น ในโบรชัวร์ ไม่มีสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส ตลาดสด โรงภาพยนตร์ ท่าจอดรถ ฯลฯ ผู้จะซื้อจึงไม่ยอมรับโอนและไม่ยอมจ่ายเงิน
สงวนลิขสิทธิ์ บริษัท วัฏสาร จำกัด แหล่งข้อมูล หนังสือ วัฏสาร อาคารและที่ดิน WEEKLY โดย ประพันธ์ ทรัพย์แสง
Create Date : 26 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 18:08:38 น. |
|
0 comments
|
Counter : 389 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|