|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
แบบบ้านมาตรฐานทางเลือกสำหรับผู้ซื้อบ้านยุคใหม่
ทางเลือกสำหรับผู้ซื้อบ้านในปัจจุบันมีข้อได้เปรียบหลายประการเมื่อเทียบกับอดีต โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากเทคโนโลยีการก่อสร้าง ที่มีการพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตและปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ทันสมัย ด้วยรูปแบบการแข่งขันของธุรกิจบ้านจัดสรรและธุรกิจรับสร้างบ้าน ทำให้ผู้ประกอบการต่างต้องมีการพัฒนาสินค้า หรือแบบบ้านให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด จะเห็นได้จากการให้บริการของบริษัทรับสร้างบ้านที่ปัจจุบันแต่ละรายมีแบบบ้านให้เลือกไม่ต่ำกว่า 100 แบบ ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดจากผู้บริโภคนั่นเอง
การสร้างบ้านโดยใช้แบบบ้านมาตรฐาน นอกจากจะเป็นการเลือกใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านอย่างที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ผู้บริโภคที่ต้องการจะมีบ้านยังมีทางเลือกที่น่าสนใจอีกทางเลือกหนึ่ง นั่นก็คือการสร้างบ้านด้วยแบบบ้านมาตรฐานที่มีหน่วยงานรัฐเป็นผู้ออกแบบ และการสร้างบ้านโดยใช้แบบบ้านประหยัดพลังงานซึ่งถูกออกแบบไว้สำหรับให้ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการประหลัดพลังงานอย่างแท้จริง
แบบบ้านประหยัดพลังงานหาร 2 ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม (สพช.) เป็นอีกหนึ่งบริการแบบบ้านมาตรฐาน ซึ่งเริ่มมีการนำเสนอแนวคิดนี้ออกมาอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อประมาณปี 2543 องค์ประกอบของบ้านประหยัดพลังงานถือว่าเป็นเรื่องที่ปฏิบัติตามไม่ยากนัก เพราะแนวคิดหลักอยู่ที่การทำอย่างไรให้บ้านน่าอยู่และอยู่สบาย โดยใช้วิธีจัดการกับอุณหภูมิ ความชื้นในอากาศ และกระแสลมให้มีความเหมาะสม
หลักการสำคัญของแบบบ้านประหยัดพลังงาน คือ การปลูกที่อยู่อาศัยต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดและกระแสลมร้อน ซึ่งเป็นตัวนำความร้อนเข้ามาสู่บ้าน โดยทิศที่จะได้รับแสงแดดมากที่สุด คือ ด้านทิศใต้และทิศตะวันตก ส่วนกระแสลมร้อนในฤดูร้อน จะเกิดขึ้นทางทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้ ขณะที่กระแสลมร้อนในฤดูหนาวจะเกิดขึ้นทางทิศเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ
ดังนั้นการทำให้บ้านให้อยู่สบายสามารถทำได้หลายวิธี อาทิ การสร้างร่มเงาให้กับบ้านด้วยการปลูกต้นไม้ การทำกันสาดหรือใช้ไม้ระแนงป้องและกรองแสงแดด การออกแบบบ้านให้มีช่องลมถ่ายเทได้ การใช้อิฐบล็อกที่มีร่องสำหรับปลูกหญ้าปกคลุมในการปูพื้นแทนได้ หรือการปลูกหญ้าบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เป็นต้น
อย่างไรก็ดี การทำบ้านให้อยู่สบายสามารถปรับปรุงไปทีละส่วนตามงบประมาณที่มีได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฉนวนกันความร้อนในส่วนของหลังคาบ้านก่อน ซึ่งเป็นไปภายใต้แนวคิดว่าจะใช้วิธีควบคุมธรรมชาติแทนและหันไปพึ่งเครื่องปรับอากาศเป็นหลักในการระบายความร้อน
ส่วนใหญ่อาศัยหลักการปรับความเย็นด้วยวิธีธรรมชาติในการออกแบบ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความเย็นสบายมากที่สุดและลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ โดยใช้วิธีป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในตัวอาคาร ด้วยการใช้อิฐมวลเบาทำผนัง ติดฉนวนทำความร้อน และเน้นระบายอากาศด้วยลมธรรมชาติ โดยออกแบบให้ลมจากภายนอกเข้าภายในตัวอาคารและระบายลมร้อนจากภายในสู่นอกอาคาร ด้วยการทำช่องหน้าต่างให้ลมสามารถเข้าและออกได้ ซึ่งเป็นหลักการที่สามารถนำไปปรับใช้กับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด อย่างทาวน์เฮาส์ ในโครงการจัดสรร ซึ่งส่วนใหญ่ถูกออกแบบไว้ระดับหนึ่ง และมีหน้าเพื่อระบายลมค่อนข้างจำกัด
แนวทางดังกล่าว เป็นวิธีปฏิบัติสำหรับบ้านที่ก่อสร้างเรียบร้อยแล้วก็สามารถเติมรายละเอียด เพื่อการปรับตัวเข้าสู่บ้านหารสอง หรือบ้านประหยัดพลังงานมากขึ้น
สำหรับผู้ที่คิดจะปลูกบ้านใหม่ หากต้องการแบบบ้านประหยัดพลังงานสามารถขอแบบบ้านได้ฟรีที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มีทั้งแบบบ้านเดี่ยวชั้นเดียว และสองชั้น หลายรูปแบบ ไว้รองรับความต้องการของผู้บริโภค
อีกหน่วยงานที่ผู้บริโภคสามารถขอสนับสนุนแบบบ้านมาตรฐานได้คือกรุงเทพมหานคร ซึ่งออกแบบบ้านมาตรฐานไว้ให้บริการสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตัวเอง จำนวน 9 แบบด้วยกัน สามารถไปยื่นขอแบบได้ฟรีเช่นกัน และขออนุญาตก่อสร้างบ้านได้ทันทีที่สำนักงานเขตทุกเขต โดยแบบบ้านมาตรฐานที่จัดทำไว้มีความหลากหลายเรื่องแบบและพื้นที่ใช้สอย ทั้งบ้านเดี่ยวชั้นเดียวและบ้านเดี่ยวสองชั้น บนพื้นที่ประมาณ 50 ตารางวาขึ้นไป
การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ในฐานะหน่วยงานรัฐที่ทำหน้าที่ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของชาติ ก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ได้จัดแบบบ้านมาตรฐานขึ้นเพื่อให้บริการกับประชาชน ในระดับราคาค่าก่อสร้างตั้งแต่ 290,000-1,060,000 บาท วัตถุประสงค์แรกก็เพื่อเสนอให้ข้าราชการที่จะขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการสินเชื่อสวัสดิการข้าราชการสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เลือกซื้อเพื่อนำไปก่อสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง เป็นการอำนวยความสะดวกโดยที่ข้าราชการไม่จำเป็นต้องว่าจ้างสถาปนิกออกแบบบ้าน โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 6 แบบด้วยกัน แต่ปัจจุบันแบบบ้านมาตรฐานของการเคหะแห่งชาติเริ่มได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการสร้างบ้านโดยทั่วไปด้วย เนื่องจากเป็นแบบบ้านที่ใช้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาจ้างสถาปนิกให้มาเป็นผู้เขียนแบบและเซ็นรับรองแบบ
การเลือกใช้แบบบ้านมาตรฐาน หรือจะเป็นแบบบ้านประหยัดพลังงาน ผู้บริโภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากบริการนี้ เพราะมีแบบบ้านให้เลือกแม้จะไม่มากเทียบเท่ากับผู้ให้บริการรับสร้างบ้าน แต่ก็อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ ช่วยให้ประเมินงบประมาณค่าก่อสร้างได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญคือ การเลือกใช้แบบบ้านมาตรฐานจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าออกแบบบ้าน เพราะไม่ต้องว่าจ้างสถาปนิกเพื่อทำการออกแบบ ลดระยะเวลาในส่วนออกแบบลง รวมถึงช่วยประหยัดเวลาในการขออนุญาต เนื่องจากการเลือกใช้แบบบ้านมาตรฐานที่ออกแบบโดยหน่วยงานราชการ เป็นแบบที่ได้รับการรับรองอยู่แล้ว จึงช่วยให้การยื่นขออนุมัติสินเชื่อเพื่อก่อสร้างบ้านที่สะดวกและรวดเร็วขึ้นด้วย เช่นถ้าผู้ใช้บริการอยู่ในเขตพื้นกรุงเทพมหานครเพียงแต่ยื่นแบบบ้านมาตรฐานของกทม. ก็จะได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างได้ทันทีโดยไม่ต้องรอยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้าง
ดังจะเห็นได้ว่าแบบบ้านมาตรฐาน นอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคระดับหนึ่งแล้ว ยังสอดรับกับมาตรฐานความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยรูปแบบต่างๆ จะอิงกับการประหยัดพลังงานโดยใช้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าช่วย อาทิ การกำหนดตำแหน่งที่ตั้งบ้านตามทิศทางลม การติดตั้งหน้าต่างเพื่อรับและระบายอากาศเข้าสู่ตัวบ้าน การปลูกต้นไม้เพื่อให้ชีวิตและความเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อต้องการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าให้มากที่สุด
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแบบบ้านเพื่อปลูกสร้างบ้านแล้วละก็ แบบบ้านมาตรฐานน่าจะเป็นอีกทางเลือกที่สอดรับกับพฤติกรรมการอยู่อาศัยของผู้บริโภคยุคใหม่
บรรณาณุกรม กรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) //www.sansiri.com การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย //www.alinehomecare.com
Create Date : 26 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 15:46:46 น. |
|
0 comments
|
Counter : 391 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|