หอดอกเผิ่ง ..ง..ง..งง...กับ กะโพก
พรุ่งนี้ก็เป็นวันออกพรรษาแล้ว ตามประเพณีบ้านเรา เย็นในวันก่อนวันออกพรรษา 1 วัน ก็จะมีการแห่ "หอดอกเผิ่ง" หรือ ปราสาทผึ้ง เห็นพ่อนั่งทำปราสาทหอดอกเผิ่งนี่มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่วันนี้มีน้าๆ อาๆ ป้าๆ ลุงๆ มาช่วยกันทำ ทำกันตรงถนนหน้าบ้านน่ะแหละ (ที่ก็มีกันเยอะแยะ มาทำกันกลางถนน - -" นักเลงจังพ่อใครเนี่ย)นานๆ พอมีรถขับผ่านก็ต้องช่วยกันขยับ เพื่อให้รถขับผ่านไปได้เห็นแล้วก็ขำ หน้าบ้านก็ยังพอมีที่ ทำไมไม่ทำกันนะ ..ปราสาทผึ้งของที่นี่ ไม่ได้ทำมาจากผึ้งทั้งหลัง.แต่ทำด้วยเศษไม้ และวัสดุที่พอจะหาได้นี่แหละเสียดายแหะ ...ไม่มีกล้อง กล้องมือถือก็ไม่มี ไม่งั้นจะฉายภาพเอามาเก็บไว้เป็นที่ระลึก พอทำเสร็จแล้วก็ประดับด้วยเทียนขี้ผึ้ง หรือภาษากลางเค้าเรียกว่าอะไรหว่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน นอกจากนี้ก็จะมีธูป เทียน สมุด ปากกา ผงซักฟอก ขนม ข้าวต้มมัด หรืออะไรก็ได้ที่อยากจะใส่ลงไป วันนี้สินค้าที่ขายดีที่สุดในบ้านก็เลยต้องยกให้เค้าเลย ธูปกับเทียน ตามมาติดๆ ด้วย สมุด ดินสอ และปากกา รั้งท้ายมาติดๆ ด้วย ผงซักฟอกด้วยความสงสัยเลยถามแม่ว่า เค้าใส่สมุด ดินสอไปทำไมกันแม่?? แม่บอกว่า เค้าคงหวังกันว่าการทำบุญด้วยสมุด และดินสอปากกาเนี่ย จะทำให้เราๆ มีความรู้กันมากขึ้น แล้วแม่ก็เล่าว่า แกอะเกิดไม่ทัน สมัยก่อนนู้น สมัยย่าทวดยายทวด พอลูกบ้านไหนเกิด เค้าก็จะเอา พวกกระดานชนวน และอุปกรณ์ขีดเขียนใส่ไว้ในกระด้งเลี้ยงตัวหม่อน แล้วค่อยวางหนูทารกน้อยไว้ในกระด้งนั้น เพราะเชื่อว่าทำแบบนี้แล้ว เด็กนั้นโตมาแล้วจะฉลาด โอ้ เด็กน้อยในกระด้งวกกลับมาเรื่องปราสาทหอดอกเผิ่งกันต่อ....พอทำเสร็จ และประดับกันเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการแห่ปราสาทนี้ไปถวายที่วัดเพื่อความสนุกสนาน แน่นอนงานนี้ต้องมีกลองยาว กลองยาวที่นี่ไม่เหมือนกลองยาวภาคกลาง เพราะนอกจากลองยาวแล้ว ในขบวนกลองยาวยังประกอบด้วยเครื่องดนตรีอย่างอื่นอีก เช่น พิณ .....เป็นต้น (....นี่คือ นึกไม่ออกว่ามันเรียกว่าอะไร )จำได้ว่าตอนเด็กๆ พอช่วงวันออกพรรษาทีไร จะต้องเล่นดอกไม้ไฟ และประทัด เด็กผู้หญิงเล่นประทัด แก่นจริงๆ ประทัดก็จะแบ่งออกเป็นหลายแบบ ตั้งแต่สำหรับเด็กหัดเริ่มเล่น เช่นพวกดึงเชือกสองข้างแล้วก็จะเกิดเสียงดัง แป๊ะ !! จนไปถึงรุ่นใหญ่ๆ น้องๆระเบิดดีๆ นี่เอง ประเภทที่จุดแล้ว ตู้มมม!!! พื้นสั่นสะเทือนรุ่นใหญ่ๆ ไม่เคยเล่นแหะ กลัวตาย แฟชั่นเล่นประทัดเนี่ยก็จะอินเทรนด์ไปจนถึงช่วงวันลอยกระทง เหตุผลอีกอย่างที่หยุดเล่นกันหลังจากลอยกระทง ก็คงเพราะพ่อแม่ไม่มีตังค์ให้ลูกผลาญอีกแล้ว เล่นกันซะขนาดนั้น จำได้ว่าตอนประมาณ ป.2 หรือ ป.3 เล่นดอกไม้ไฟ แล้วไปเผลอเหยียบเศษเถ้าไฟ เจ็บมากเจ้าค่ะ พุพองเป็นหนอง ใช้โทนาฟ หุหุ กว่าจะหายนานเหมือนกัน เดินไปไหนก็ต้องเขยกๆ เอา โส น้า น่า ...แต่สมัยนี้เค้าห้ามเล่นประทัดกันแล้ว ......วันนี้ก็เลยไม่ได้ยินเสียงสมัยก่อนตอนแห่หอดอกเผิ่ง บางทีประทัดที่จุดก็ไปไหม้จีวรพระ หรือไม่ก็โดนคนในขบวนแห่เองนั่นแหละ ....เพื่อความปลอดภัยเลยถูกสั่งห้ามกันไปคิดไปคิดมา ....เล่นประทัดนี่ก็ไร้สาระดี เหมือนเอาเงินมาจุดทิ้งแถมยังอันตรายอีกต่างหาก ....รอดมาได้นี่ก็เก่งนะเรา หุหุปล. ประทัด ภาษาบ้านเราเรียก "กะโพก" เจ้าค่ะ
แหมๆๆๆๆๆๆ...............วันนี้มีงานกันเหรอ
อิจฉาๆๆ
ที่นี้ไม่มีไรอย่างนี้เลยอ่ะ
คงมีแต่ไปทำบุญ
แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ไปหรือเปา
เพราะที่บ้านเป็นพวกเข้าวัดยาก
ห้าห้า
พบพระแล้วร้อย อิอิ ก็ว่าไป
แต่ถ้าจะให้เอาดินสอ ปากกา
สมุด ยางลบไร้งี้
เอามาจากงาน เฟรชชี่ หรือแต้งพี่ก็ได้นิ
อิอิ
แล้วรัตน์ละตอนเกิดมา แม่ต้องเอาไว้ในกระด้งแน่ๆๆเลย
ฉลาดไม่ไหวแล้ว ไม่รอเพื่อนรอฝูงเลย
ถ้านกไปนอนในกระด้งตอนนี้คงไม่ทันแล้ว
คงเหมือนกะหัง มากกว่า เด็กฉลาดนอนในกระด้ง
อิอิ