Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
ตุลาคม 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
23 ตุลาคม 2553
หลวงพ่อกล่อม พระเกจิอาจารย์ แห่งลุ่มน้ำตาปี
All Blogs
เคาหยก หรือเกาหยุกเมืองตรัง
หลวงพ่อกล่อม พระเกจิอาจารย์ แห่งลุ่มน้ำตาปี
หมูย่าง คู่กับกาแฟ หนึ่งในเมนูอาหารเช้าชาวตรัง
สนุกชิม...อาหารเช้าคนตรัง คนเมืองช่างกิน
มือใหม่...หัดทำ
หลวงพ่อกล่อม พระเกจิอาจารย์ แห่งลุ่มน้ำตาปี
วันนี้เป็นวันหยุดที่มีค่า เดินทางมาจากตรัง เมืองคนใจกว้าง สุสุราษฎร์ธานีเมืองคนดี (ว่าตามคำขวัญค่ะ) นอกจากจะมาดูแลลูกชายวัยรุ่น ที่ยังเรียนอยู่ที่ สุราษฎร์ธานี แล้ว ยังได้ทำบุญถวายมหาสังฆทาน อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับคุณพ่อผู้ล่วงลับ เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา ณ วัดโพธาวาส ใจกลางเมืองสุราษฎร์ธานี
สำหรับวัดโพธาวาส มีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่น้อย เกี่ยวกับ จิตตานุภาพของพระครูวิธูรธรรมสาสน์ หรือที่รู้จักกันในนาม หลวงพ่อกล่อม นนฺทะ อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธาวาส พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาอาคมแกร่งกล้าและมีชื่อเสียงโด่งดังรูปหนึ่งของ ภาคใต้ ซึ่ง่ทานอยู่ในยุคใกล้เคียงกับ ครูบาศรีวิชัย ทางภาคเหนือ อาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ ทางภาคอีสาน หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง กรุงเทพฯ และ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม อยุธยา
ท่านเกิดในปี พ.ศ.2389 ที่บ้านริมคลองท่ากูบ ต.มะขามเตี้ย จ.สุราษฎร์ธานี ในวัยเด็กศึกษาหนังสือไทยและอักขระสมัยที่วัดโพธาวาส เมื่อเติบใหญ่ได้แต่งงานมีครอบครัว แต่ด้วยความเบื่อหน่ายชีวิตฆราวาส จึงตัดสินใจอุปสมบทเมื่ออายุได้ 24 ปี ในปี พ.ศ.2413 ณ พัทธสีมาวัดโพธาวาส โดยมีพระครูสุวรรณรังษี (มี) เจ้าอาวาสวัดโพธาวาส และเจ้าคณะเมืองกาญจนดิษฐ์ เป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่อ อยู่ในสมณเพศ หลวงพ่อกล่อมเคร่งครัดในพระธรรมวินัยอย่างยิ่ง ต้องลงโบสถ์ทำวัตรเช้า-เย็นทุกวันไม่เคยขาด แม้จะอาพาธก็ตาม ท่านเคยกล่าวไว้ว่า วันใดที่ท่านไม่ได้ลงโบสถ์ นั่นหมายถึงวาระสุดท้ายของชีวิตได้สิ้นแล้ว นอกจากนี้ ยังตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรมและท่องบทสวดมนต์เจ็ดตำนานสิบสองตำนานจนขึ้นใจ มุ่งมั่นปฏิบัติวิปัสสนาธุระ จนเป็นที่เคารพศรัทธาของพระภิกษุ สามเณร และชาวบ้านทั้งหลาย ต่อมาในปี พ.ศ.2432 พระครูสุวรรณรังษีย้ายไปครองวัดกลาง หลวงพ่อกล่อม จึงดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธาวาสสืบแทน ท่านเป็นพระนักพัฒนา ทำนุบำรุงและปฏิสังขรณ์วัดให้เจริญรุ่งเรืองอยู่เสมอ ด้วยคุณงามความดีของหลวงพ่อกล่อม ชาวบ้านจึงมักเรียกชื่อท่านว่า พ่อท่านกล่อม ท่านมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2475 สิริอายุ 86 ปี พรรษาที่ 62
ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในด้านวิทยาคม ปัจจุบันแม้ท่านจะล่วงลับไปเป็นเวลานาน แล้วก็ตาม เกียรติคุณด้านความเก่งกล้าในวิทยาคมของท่าน ก็ยังเลื่องลือไม่รู้จักจบ ถ้าท่านมีโอกาสผ่านไปทางวัดก็จะเห็นผู้คนพากันไปกราบไหว้รูปหล่อหลวงพ่อ ด้วยดอกไม้ ธูปเทียน และบนบานศาลกล่าวต่างๆ นานามิได้ขาด สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็มีคนไปบนบานศาลกล่าวอยู่เนืองนิจ เมื่อประสบความสำเร็จสมเจตนารมณ์ ก็มีการเอาทองไปติดตามหน้าเข้งของหลวงพ่อเต็มไปหมด ในงานเทศกาลสงกรานต์ รูปหล่อของท่านยังได้รับการอัญเชิญออกมาส่งน้ำเพื่อขอพร และแห่ไปรอบๆ เมืองทั้งทางน้ำและทางบก แม้กระทั่งในงานเทศกาลแห่พระประจำปี
จิตตานุภาพหลวงพ่อกล่อม
เรียกเรือแข่งจากคานบนบกแล่นลงสู่คลอง
สมัยที่พ่อหลวงยังมีชีวิตอยู่จะชอบกีฬาแข่งเรือมาก ฉะนั้น วัดโพธาวาสจึงได้มีเรือที่สำคัญอยู่สองลำด้วยกัน แข่งขันครั้งใดไม่ค่อยจะปรากฏความพ่ายแพ้ เป็นที่เชื่อกันได้ว่า ถ้ามีเรือยูงทองและเรือสาลิกาจากวัดโพธาวาสลงแข่งขันแล้ว ตำแหน่งผู้ชนะก็ไม่ค่อยจะพลาดไปจากเรือยูงทอง หรือมิฉะนั้นก็เป็นเรือสาลิกา ก่อนวันลงแข่งขันครั้งใดก็ตาม หลวงพ่อจะต้องทำพิธีเจิมหัวเรือในเวลากลางคืนทุกครั้งไป มีการเซ่นด้วยมะพร้าวอ่อน หัวหมู บายศรีขนมแดง ขนมขาว เป็นต้น ครั้นรุ่งเช้าของวันที่เรือจะต้องเข้าทำการแข่งขัน หลวงพ่อกล่อมจะไปยืนที่ริมคลองมะขามเตี้ย ซึ่งเป็นคลองที่อยู่หน้าวัด ยืนบริกรรมพระคาถาเรียกเรือซึ่งตั้งอยู่บนคานห่างจากริมฝั่งหลายสิบเมตร เรือก็จะแล่นลงสู่คลองได้เองโดยไม่มีคนไปเกี่ยวข้องเลย
ปัจจุบันเรือสาลิกาได้ชำรุดไปหมดแล้ว จะยังคงเหลืออยู่ก็เฉพาะเรือยูงทอง อันเรือยูงทองลำนี้ปัจจุบันก็ยังคงมีอาถรรพณ์อยู่ เกี่ยวกับแม่ย่านาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงถ้าไปนั่งที่หัวเรือเป็นต้องได้เห็นดีกัน ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยจะมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องไสยศาสตร์ จึงมีบ่อยครั้งที่มีผู้มักง่าย หรือคิดพิเรนทร์ เห็นเรือตั้งอยู่บนศาลาการเปรียญมองดูว่าน่านั่ง แล้วไปนั่งที่หัวเรือโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงมีอันเป็นไปต้องดิ้นทุรนทุรายอยู่บ่อยๆ ความเรื่องนี้เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ เมื่อมีเรื่องในลักษณะนี้เกิดขึ้น ปัจจุบันทางวัดได้นำหัวและท้ายเรือยูงทองมาปรับปรุง และตั้งให้คนสักการบูชา และเพื่อการศึกษา ณ ศาลาวัด
จระเข้เข้าเขตหน้าวัดจมตัวไม่ลง
ในอดีตแม่น้ำตาปีก็จัดได้ว่ามีจระเข้มากไม่ต่างไปจากแม่น้ำอื่นๆ สำหรับแถวคลองมะขามเตี้ยจะมีจระเข้ผ่านไปมาประจำไม่ขาด แต่ถ้าเมื่อใดผ่านไปทางหน้าวัดโพธาวาสจะไม่สามารถจมตัวลงและอ้าปากได้ จนกว่าจะพ้นเขตวัดจึงจะจมตัวลง ทั้งนี้เพราะต้องอาถรรพณ์วิชาที่หลวงพ่อกล่อมลงไว้ที่บริเวณหน้าวัดของท่านนั้นเอง ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของคน
ในสมัยก่อนใช้เส้นทางสัญจรไปมาทางน้ำเป็นหลัก ไม่ใช่ถนนเช่นปัจจุบันนี้ ฉะนั้นหน้าวัดคือ ด้านที่หันไปสู่เส้นทางสัญจรที่สำคัญที่สุด นั่นคือ คลองมะขามเตี้ย แต่ปัจจุบันจะกลับกันเพราะเรายึดเส้นทางรถยนต์เป็นหลัก การคมนาคมทางน้ำลดความสำคัญลง
วาจาสิทธิ์
หลวงพ่อกล่อมเป็นพระที่มีตบะแก่กล้า วาจาสิทธิ์ พูดสิ่งใดเป็นสิ่งนั้น สามารถเห็นผลได้ทันตาเห็น ไม่ต้องเวลานาน เพียงไม่กี่วันเป็นได้เห็นผลกัน
ช่วงนี้เมืองคนดีสุราษฎร์ธานีมีงานบุญยิ่งใหญ่ ประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่า เป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีการชักพุ่มผ้าป่าหน้าบ้าน โดยมีการตกแต่งพุ่มอย่างสวยงาม ทั้งแสงสีเสียงตามบ้านเรือน หน่วยงานต่างๆ ด้วยใจศรัทธา และมีรถ เรือพนมพระมาร่วมประเพณี นับร้อย ถือว่ามาสุราษฎร์ธานีวันเดียวได้ทำบุญร้อยวัด เลยทีเดียวค่ะ
Create Date : 23 ตุลาคม 2553
Last Update : 24 ตุลาคม 2553 7:53:11 น.
1 comments
Counter : 4343 Pageviews.
Share
Tweet
เป็นวัดที่น่าสนใจมากๆเลยค่ะ ดีจังค่ะ นอกจากได้อิ่มบุญแล้วยังได้รู้เรื่องราวจากวัดดีๆที่น่าไปสักการะบูชาด้วย
โดย:
sawkitty
วันที่: 23 ตุลาคม 2553 เวลา:16:27:18 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
อิงตะวันจ๊ะจ๋า
Location :
ตรัง Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
sawkitty
tumauto
อิงตะวันจ๊ะจ๋า
kitpooh22
ร่มแก้ว
Webmaster - BlogGang
[Add อิงตะวันจ๊ะจ๋า's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.