หมูย่าง คู่กับกาแฟ หนึ่งในเมนูอาหารเช้าชาวตรัง
ว่ากันว่าหมูย่างเมืองตรังมีความสำคัญต่อวิถ๊ชีวิตคนตรังนับตั้งแต่เกิดจนตาย ตั้งแต่การบนบานขอบุตรธิดา การจัดการเลี้ยงฉลองวาระต่าง ๆ บนบานการสอบเข้าเรียน เข้าทำงานของลูกหลาน การนำหมูย่างสู่ขอ จนกระทั่งงานศพ วันที่ฌาปณกิจจะต้องมีการเลี้ยงหมูย่าง เป็นอาหารจานหลักจานหนึ่งนอกเหนือจากหมี่หมูย่างนั้นเดิมเป็นอาหารที่ใช้ในการเซ่นไหว้เจ้าของหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีน เมืองตรัง ในงานศพ งานมงคล งานเทศกาลต่างๆ และประกอบพิธีกรรมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือใช้สำหรับการบนบานสานกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในศาลเจ้าหลายๆศาลเจ้า ซึ่งยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาหมู่คนจีนในเมืองตรังนิยมนำหมูย่างมากินกับกาแฟ เป็นปกติวิสัยมานานแล้ว ความนิยมกระจายมาสู่หมู่คนตรังชั้นกลางที่เป็นข้าราชการ นักธุรกิจ ในเขตเมืองตรังและชานเมืองเป็นลำดับ จนกลายเป็นวัฒนธรรมการกินกาแฟกับหมูย่างในยามเช้า ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน หมูย่างเมืองตรังจึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดตรัง <b>ตำนานของหมูย่างตรังรสอร่อย ต้นกำเนิดของหมูย่างเกิดขึ้นในประเทศจีน ประมาณหนึ่งพันปีมาแล้วในสมัยราชวงศ์ถัง การค้นพบวิธีการย่างหมูนั้นเป็นการบังเอิญ คือ ในขณะที่พ่อครัวในพระราชวังกำลังปรุงอาหาร ได้ทำหมูชิ้นหนึ่งตกลงไปในเตาถ่าน จนเนื้อสุกและหนังไหม้ พ่อครัวได้ลองหยิบมาชิมจึงรู้สึกว่าหมูชิ้นนั้นมีรสชาดหอมกรอบอร่อยกว่าเดิมมาก จึงทำให้เขาเริ่มมีความคิดว่า การนำหมูมาย่างเป็นอาหารจะอร่อยกว่าการนำไปใช้ทำอาหารอย่างอื่น ดังนั้นพ่อครัวจึงได้ทดลองนำหมูมาย่างแล้วนำขึ้นถวายฮ่องเต้ ปรากฎว่าฮ่องเต้โปรดมาก เนื่องจากหมูพอ ย่างสุกพอเหมาะหนังจะมีสีเหลืองดุจทองคำสุกอร่าม ฮ่องเต้จึงตั้งชื่อหมูย่างนี้ว่า หมูทอง ทำให้ชาวจีนใช้ชื่อนี้เรียกมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อเวลาผ่านมานับพันปี วิชาการหมูย่างก็ได้เผยแพร่โดยการสืบทอดตระกูลของพ่อครัว จนกระทั่งมาถึงมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นมณฑลที่ชาวเมืองมีฝีมือในการปรุงอาหาร จะเห็นได้จากอาหารจีนที่มีรสอร่อยที่สุดจะปรุงโดยพ่อครัวชาวกวางตุ้งทั้งสิ้น ดังนั้นจากเดิมหมูย่างซึ่งเป็นอาหารเฉพาะของฮ่องเต้ก็เริ่มแพร่หลายมาเป็นอาหารของสามัญชน แต่ถือว่าหมูย่างเป็นอาหารระดับฮ่องเต้เส้นทางของหมูย่างเมืองตรังในอดีต เมื่อประมาณ 100 ปีก่อนนี้ ชาวจีนในมณทลกวางตุ้งซึ่งอยู่ใกล้ทะเล ได้เริ่มอพยพออกจากประเทศโดยทางเรือ เพื่อเสาะหาแผ่นดินทางทะเลใต้คือประเทศไทย ซึ่งร่ำลือกันว่ามีความอุดมสมบูรณ์กว่าประเทศจีนมาก จึงได้ลงเรือกันมาผจญภัยพร้อมกันทั้งหมู่บ้านและมีบางส่วนได้เดินทางเข้ามาประเทศไทย โดยขึ้ยฝั่งที่อำเภอกันตัง หรือปากแม่น้ำตรัง และได้มาบุกเบิกตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดตรัง ชาวจีนที่อพยพมานี้มีหลายอาชีพส่วนใหญ่จะมาบุกเบิกทำไร่พริกไทย ตรังจึงได้ชื่อว่าว่าเป็น เมืองพริกไทย ชาวจีนเหล่านี้จึงได้มีการเลี้ยงหมูพันธุ์เล็ก ซึ่งได้นำลงเรือมาด้วยในตำบลทับเที่ยง ปัจจุบันคืออำเภอเมือง จังหวัดตรัง ปรากฎว่าได้ผลดีมาก ต่อมาได้มีคนกลุ่มหนึ่งนำหมูมาชำแหละขาย ซึ่งก็คือต้นตระกูลของร้านฟองจันทร์ ต่อมาร้านฟองจันทร์ได้รับชาวจีนคนหนึ่งมาจากมณฑลกวางตุ้งชื่อนายซุ่น มีความสามารถในการย่างหมูมาก หมูที่ย่างจะมีรดชาดกลมกล่อมและหนังที่กรอบ สมัยนั้นจังหวัดตรังมีผู้ที่ย่างหมูได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ต่อมาเมื่อนายซุ่นมีอายุมากขึ้นก็ไดฝึกผู้ช่วยขึ้นมา วิชาการย่างหมูจึงได้แพร่หลายจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่นั้นมา ปัจจุบันหมูย่างตรังได้รับการจดทะเบียน เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ของจังหวัดตรัง เพื่อการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น และคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์และรสชาติของหมูย่างตรัง ที่แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ซึ่งจะได้รับการคุ้มครองทางลิขสิทธิ์ โดยผู้ที่จะนำหมูย่างตรังไปขายที่อื่น ต้องติดป้ายแสดงว่าเป็นหมูย่างสูตรตรัง จะติดป้ายแสดงว่าเป็นหมูย่างเมืองตรังไม่ได้ หากพบว่ามีผู้ที่จงใจแสดงให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดว่าเป็นหมูย่างเมืองตรัง ก็จะถือเป็นการกระทำที่ผิด กฎหมาย ค่ะ ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมา มีการลอกเลียนแบบและนำชื่อเสียงหมูย่างเมืองตรังไปติดป้ายขายในต่างจังหวัดจำนวนมาก โดยที่รสชาติและกรรมวิธีการทำไม่ได้เป็นไปตามสูตรหมูย่างเมืองตรัง ซึ่งอาจจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน //www.bloggang.com/data/ingtawanjaja/picture/1287680180.jpg width='450' height='337' border=0>