Bloggang.com : สมาชิกหมายเลข 3214291 :

เทคนิคการสร้างอารมณ์สดใสในที่ทำงาน

ที่ทำงานเป็นสถานที่ที่ทำให้คนเราหงุดหงิด อารมณ์เสียได้ง่ายที่สุด ยิ่งอากาศร้อนๆ อารมณ์ก็ร้อนตาม เมื่อมีปัญหาไม่ว่าเรื่องงานหรือ เพื่อนร่วมงานมาสะกิด ก็จะหงุดหงิดได้ง่ายกว่าปกติ จนอาจทำให้วันทำงานของคุณดูไม่รื่นรมย์

ถ้าคุณรู้วิธีสะกัดอารมณ์ร้อนอย่างสร้างสรรค์ คุณจะพบว่าปัญหาต่างๆที่คุณพบเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆของวันนั้นเท่านั้น ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดู เพื่อจะได้เป็นคนอารมณ์สดใสในที่ทำงานตลอดทั้งวัน...

หาเหตุของอารมณ์

ทุกครั้งที่มีปัญหากับหัวหน้างาน หรือ เพื่อนร่วมงาน ถามตัวเองก่อนดีกว่าว่าหงุดหงิดกับเรื่องอะไรกันแน่ แล้วค่อยคิดแก้ไขให้ถูกจุด อย่าเพิ่งตีโพยตีพายให้ใครคิดว่าคุณใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ลองสมมติว่าในสถานการณ์เดียวกันนี้ ถ้าคนอื่นทำกับคุณ คุณจะโกรธหรือไม่ ถ้า "ไม่" แสดงว่าคุณกำลังมีอคติกับคู่กรณี ไม่ใช่กับงาน เมื่อรู้ที่มาที่ไปแล้ว คุณก็จะสามารถระงับอารมณ์ให้เย็นลง และ มุ่งแก้ไขไปที่ต้นเหตุของปัญหาได้ดีกว่า

ปลดปล่อยอย่างมีศิลปะ

ถ้าคุณยังคงโกรธและคิดว่าการเปิดอกพูดคุยกัน จะทำให้คุณแก้ไขปัญหาได้ดีกว่า ก็สามารถพูดคุยกันได้ แต่ควรทดสอบความพร้อมของคุณก่อนด้วยการเขียนระบายความรู้สึกแล้วลองอ่านดูหลายๆรอบ เพื่อตัดสินดูว่าสิ่งที่คุณไม่พอใจนั้นเป็นเพียงความไม่สบอารมณ์ส่วนตัวเท่านั้นหรือไม่ ถ้ายังเครียดอยู่ลองปรับทุกข์กับคนที่คุณไว้ใจ เพื่อประเมินสถานการณ์ แล้วลองคิดว่า ถ้าเป็นคนอื่นที่อยู่ในสถานการณ์อย่างเดียวกับคุณ คุณจะคิดว่าเธอด้อยประสิทธิภาพหรือไม่ วิธีเปลี่ยนมุมมองเช่นนี้ จะทำให้คุณมองเห็นว่า ตัวเองมีความผิดตรงไหน และ ยังช่วยสำรวจสถานการณ์ได้ถูกต้องมากกว่า

ประเมินสถานการณ์ก่อนพูด

ถ้าเหตุของปัญหาเป็นตัวบุคคล ลองประเมินคนนั้นก่อนว่าอยู่ในระดับที่คุณพอที่จะสู้รบปรบมือไหวหรือไม่ หรือ เลือกที่จะอยู่เฉยๆดีกว่า ถ้าคุณเห็นว่าพูดไปก็ยังไม่มีความหมายและอาจส่งผลในระยะยาว แต่ถ้าพูดแล้วจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นก็คุ้มที่จะพูดออกไป แต่ต้องวางแผนการพูดให้รัดกุมทุกครั้ง จะช่วยให้คุณควบคุมสถานการณ์ได้

มั่นคงในหลักการแต่เปิดกว้าง

การยอมรับความคิดเห็นเป็นส่วนสำคัญในการทำงาน ทั้งยังมักจะเป็นสาเหตุต้นๆของการโต้แย้ง คุณควรจะหาวิธีให้สิ่งที่คุณคิดประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องบาดหมางกับใคร พยายามทำให้เขาเข้าใจความคิดคุณมากที่สุด ในขณะที่ต้องแสดงให้เขารู้ว่าคุณก็เข้าใจความคิดเขาเช่นกัน ควรแสดงความคิดเห็นของคุณและอธิบายให้ชัดลงไปถึงวิธีที่คุณคิดว่าเหมาะสมกว่า

น้ำเสียงรื่นหู

ดีใจด้วยที่อารมณ์ของคุณเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ก็ควรระวังเรื่องน้ำเสียง อย่าให้เสียงดัง หรือ ห้วนเกินไปนัก เพราะอาจนำไปสู่การโต้เถึยงที่จะทำให้คุณดูเหมือนวางอำนาจไม่จบสิ้น เมื่อคู่กรณีรู้สึกว่าถูกคุกคามแล้ว เขาจะไม่สนใจสิ่งที่คุณอยากพูดหรืออธิบายอีกเลย ทั้งที่เป้าหมายครั้งนี้คือให้เขาทำในสิ่งที่คุณต้องการ

ไม่โทษหรือซัดทอดเพื่อนร่วมงาน

เมื่อต้องเจรจากับคู่กรณี ให้แจกแจงสถานการณ์ บอกความรู้สึกชี้ชัดให้ตรงประเด็นว่า ความต้องการของคุณคืออะไร แล้วหาข้อสรุปอย่างสร้างสรรค์ อย่าพยายามโทษใครหรืออ้างชื่อคนอื่น บอกไปเลยว่า เป็นเพียงคุณคนเดียวที่ต้องการอย่างนี้ จะยิ่งดีถ้าให้เครดิตคู่กรณีบ้าง โดยบอกเขาว่างานของคุณจะสำเร็จลงไม่ได้ถ้าไม่มีเขาจะดูดีกว่า

สงบ มีสติเมื่อถูกกดดัน

รู้สาเหตุให้ได้ว่าอะไรคืออะไร แล้ว แสดงออกให้เหมาะสม ถึงอยากจะบอกคนอื่นว่าขัดข้องใจ อย่าทำให้เขาเห็นว่าคุณจัดการแก้ไขสถานการณ์ไม่ดี ถ้าคิดอะไรไม่ออก วิธีที่ดีที่สุดให้เงียบไว้ก่อนดีกว่า ถ้ารู้ตัวว่าโมโหจัดควรอยู่คนเดียว ถ้าดูแล้วการปล่อยอารมณ์ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

อย่ารื้อฟื้นเมื่อเหตุการณ์ยุติแล้ว

เมื่อถึงบทสรุป คุณอาจจะยังมีสิ่งคาใจอยู่อีกนิดหน่อย ให้รอโอกาสหน้าค่อยหยิบขึ้นมาใหม่ เมื่อต่างฝ่ายผ่านพ้นปัญหาเหล่านี้ไปแล้ว คุณควรจัดการทีละเรื่อง เพราะการพูดหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน ทำให้คุณพลาดที่จะบอกถึงประเด็นสำคัญไป และ สังเกตปฏิกริยาก่อนที่จะตกลงสรุปกันเป็นเรื่องราวเพียงเท่านี้...

รับรองว่าเมื่อคุณทดลองทำเป็นประจำ คุณจะกลายเป็นคนอารมณ์แจ่มใสประจำออฟฟิศ ที่ใครๆก็อยากอยู่ใกล้เสมอ...

ศูนย์สัมมนาและฝึกอบรม "อิงตะวัน"

ศูนย์พัฒนาวัฒนธรรมองค์กร ด้านศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม