เจ้ากรมข่าวลือ

ช่วงหยุดสุดสัปดาห์นี้ได้กลับไปบ้านมา ได้ยินข่าว หลาย ๆ ข่าวจากเจ้ากรมข่าวลือแหล่งต่าง ๆ มากมาย ทั้งเรื่องที่สามารถพูดในที่แจ้งได้ และไม่ได้ก็ตามแต่ ทำให้รับรู้ได้ว่าคนชอบข่าวลือมากกว่าข่าวจริง

และมักจะเชื่อ เพราะถือว่า ถ้ามันไม่มีสาเหตุมันคงไม่มีข่าวลือ เหมือนกับที่ใดมีควันที่นั้นย่อมมีไฟ อะไรประมาณนั้น
และ ก็เชื่อโดยไม่ไตร่ตรองแม้แต่น้อย เพราะโดนสมองตัวเองหลอกให้เชื่อ และคิดเป็นตุเป็นตะ ทึกทักว่าเรื่องราวนั้นต้องเป็นแบบที่เราคิด เราเชื่อ
โดย เนื้อแท้แล้วข่าวลือมักจะประกอบไปด้วยเนื้อหาสองส่วนหลัก ๆ คือเรื่องจริงที่สาธารณะชนรับรู้ เอามารวบกับเรื่องที่ปกปิด เป็นเรื่องซุบซิบเอามารวมกัน

เช่น มีคนเห็นดาราใหญ่ ก ไปเดิน เที่ยวห้างกับผู้หญิงคนหนึ่ง และสักพักก็มีข่าวดาราใหญ่คนนั้นเตียงหัก ข่าวนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ เป็นความจริง (Fact) ต่อมาก็มีชาวบ้านผู้รู้คนหนึ่งเริ่มพูดว่า นาย ก ที่ไปเดินห้างกับผู้หญิงคนนั้นต้องคบชู้กัน จนภรรยานาย ก รับรู้จนต้องทะเลาะจนเลิก จากปากต่อปาก จากแค่ไปเที่ยวห้องกับผู้หญิง คนหนึ่ง จนกลายเป็น ไปเดินห้างควงกระหนุงกระหนิง อาจจนลือเลยเถิดไปว่าเห็น สองคนนั้นเดินห้องโรงแรม หรือ ขึ้นคอนโดกับไปสองต่อสอง ซึ่งประชาชนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ จะมีทางเป็นผู้รับข่าวสาร สองสามคนแรกหรือไม่ คำตอบก็คือคงยาก กว่าข่าวลือนั้นมาถึงหูเรา ให้เราไปนินทาก็ก็ผ่านมา ไม่รู้กี่ปากต่อกี่ปาก ข้อมูลก็ถูกปิดเบือนไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายทางก็มีการฟันธงว่านาย ก เลิกกับภรรยา เพราะนาย ก ไปคบชู้ลาชู้เข้าโรงแรม จนภรรยาจับได้ และคนรับข้อมูลหลัง ๆมักจะไม่คิดว่าจะมีเรื่องอื่นแอบซ่อนอยู่หรือไม่ เพราะเชื่อไปแล้วเพราะเรื่องราวดูมีเหตุมีผลดี ถึงแม้จะพยายามคิดหาสาเหตุว่าทำไมนาย ก เลิกกับภรรยา ก็คิดได้อยู่ไม่กี่สาเหตุ เพราะมีหลักปักให้เชื่อว่าเป็นเรื่องชู้สาวเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องอื่น
แต่ถ้าเราหัดแยกแยะ อันนั้นมีมูลอันไหนไม่มีมูล ได้ อาจจะมีมุมมองอื่นซ่อนอยู่มากกว่ามุมมองที่เรามองเห็นก็เป็นได้

เช่น ผู้หญิงคนนั้นที่นาย ก พาไปอาจจะเป็นญาติกับเขาเป็นได้ ส่วนที่เลิกกัน อาจจะเพราะภรรยาจับได้ว่านาย ก รักไม้ป่าเดียวกัน นาย ก ค้ายา นาย ก วิตถาร ฯลฯ เหตุผลมีมากมาย 108 ที่เราจะคิดได้

แต่ก็มีคำถามว่า บางข่าวเราก็ไม่สามารถแยกแยะอันไหนข่าวจริงข่าวลวงเราควรทำอย่างไร ?
เรา ก็ควรอยู่กับข่าวลืออย่างเป็นสุข ฟังหูไว้หู ถ้าให้ดีก็ไม่ควรเชื่อข่าวลือนั้นจนกว่ามันจะเป็นข่าวจริง ๆ ถือแม้มันจะมีความจริงอยู่บ้าง

แต่เราต้องยอมรับว่าความเท็จย่อมแฝงในข่าวมากกว่าที่เราคิด
เพราะ ยุคนี้เป็นสารสนเทศ ข้อมูลข่าวสารไปถึงทุกคนได้ง่ายและรวดเร็ว เพราะฉะนั้นการปล่อยข่าวลือเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามที่มีชื่อเสียงในแวดวง สังคมมีสูง ทำได้ง่าย ลงทุนต่ำ การที่เราไปเชื่อคนอื่นง่าย ๆ ทำให้เรากลายเป็นเครื่องมือในการทำลายคนอื่นได้อย่างไม่รู้ตัว
การใช้ ข่าวลือในการทำลายฝ่ายตรงข้ามพบให้เห็นมากมาย ตั้งแต่ในพงศาวดาร มีการปล่อยบัตรสนเท่ห์ เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าว ในตำราพิชัยสงคราม ก็มีการระบุถึงการสงครามข่าวสาร ตั้งแต่ยุดสามก๊ก จนมาถึงสงครามเย็น การปล่อยข่าวที่ลวงมวลชนฝ่ายตรงข้ามได้มากสุด รวมถึงการปล่อยข่าวปลุกระดมฝ่ายเราย่อมช่วยส่งเสริม ให้เราได้ชัยได้ง่ายยิ่งขึ้นและเกิดความสูญเสียน้อยลง

คราวกรณีพิพาท ไทยเขมร ก็มีการปลุกระดมมากมาย ถ้าจำได้ตั้งแต่เรื่อง กบ สุวนันท์ ครานั้นทำให้เลือดรักชาติของชาวเขมรพุ่งพล่าน หรือกรณีเขาพระวิหารที่เลือดรักชาติทั้งฝ่ายไทยและเขมรแต่มีเต็มเปี่ยม

ยังไม่รวมถึงการปล่อยข่าวของอดีตนายก เพื่อปลุกระดมมวลชน หรือการออกอากาศของ ASTV ก็เช่นเดียวกัน

How to เมื่อคุณเจอข่าวลือ (จากเพื่อน เยอะแยะมากมายรวมถึง FWD mail)
จงสนุกกับมัน รับข่าวลือเพื่อความสนุกสนาน อย่าเอามาจริงจังกับชีวิต
ถ้า อยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับข่าวลือ ลองไปหาข้อมูลอื่น ๆ มาวิเคราะห์ร่วม โดยข้อมูลข่าวสารนั้นควรเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ไปใช้เอาข่าวลืออันนึงไปอ้างอิงกับอีกข่าวลือ ให้มันวุ่นวายหนักกว่าเดิม
และควรยึดกับหลักกาลามสูตร
1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน

ใช้ปัญญาเสมอนะครับ

ปล. บทความนี้ พิมพ์ขึ้นไว้สองที่ อีกที่นึงก็คือ //ined-society.spaces.live.com/ ครับผม
ความจริง blog นี้อยากไว้เขียนเรื่องหนัก ๆ หน่อย อะ

Create Date : 08 ธันวาคม 2551		3 comments
Last Update : 8 ธันวาคม 2551 17:25:32 น.
Counter : 337 Pageviews.
Share Tweet