สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เบรคบล็อคพาเที่ยว(ขอเวลาเลือกรูปอีกนิดนึงนะคะ) ด้วยรีวิวร้านอาหาร
พาไปหม่ำอาหารฝรั่งเศสกันที่ตอนเหนือสุด แถวช่องแคบอังกฤษ
La Petite Auberge| Le Havre เลออาฟวร์ (Le Havre) ตั้งอยู่แคว้นนอร์มังดี/นอร์ม็องดี (Normandy) ค่ะ
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นฐานทัพสำคัญของฝ่ายสัมพันธมิตร
และถูกกองทัพเยอรมันเข้ายึดได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ส่วนใหญ่ของเมืองจึงถูกสร้างขึ้นมาใหม่
Le Havre ขึ้นทะเบียนเป็น
มรดกโลก UNESCO World Heritage Site ตั้งแต่ปี 2005 ค่ะ
ปัจจุบันเป็นหนึ่งในเมืองท่าสำหรับขนส่งสินค้าทางเรือที่สำคัญของภูมิภาค
เป็นเมืองอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมัน ต่อเรือ ริมทะเลฝั่งนั้นไม่น่าภิรมย์ซักเท่าไหร่
แต่ก็มีฝั่งที่สวยๆสำหรับตากอากาศชายทะเลอยู่เหมือนกันนะคะ
ตารางเที่ยววันนั้นแน่นมากๆค่ะ
เริ่มที่
A มหาวิหารมงแซ็งมีแชล (Le Mont-Saint-Michel)
แวะ
B โดวิลล์ (Deauville) เมืองตากอากาศชิคๆที่นิยมของเหล่าเซเลป & ปาริเซียง
มาถึง
C เลออาฟวร์ (Le Havre) เอาตอนค่ำๆพักค้างคืน
วันรุ่งขึ้นก็ไปเที่ยว
D เอโทร์ต้า (Étretat) ซึ่งเป็นเมืองน่ารักๆ
มีวิวหน้าผาสูงชันริมทะเลที่สวยและอลังการมากมาย
แพลนคร่าวๆก็ประมาณนี้แล
ภาพซ้ายล่าง Bassin du Commerce ถ่ายแถวโรงแรมค่ะ
ส่วนร้าน
La Petite Auberge นี้จะอยู่ใกล้ๆทะเลนะคะ
จากหน้าร้านได้ยินเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งด้วยหละ ^^
เข้ามาในร้าน ตกแต่งได้อบอุ่น เล่มเมนูน่ารักดีค่ะ
มีห้องเดียวและเล็กมากๆ โต๊ะเลยติดชิดกันไปหน่อย
อาหารเรียกน้ำย่อย (Amuse bouche) เป็นคู่ต่างสองสไตล์
ลูกกลมๆคือ
Gougères หรือ Choux แบบคาวนั่นเอง
ตัวครีมพัฟ/ชูครีมไม่นุ่มมากกรอบนิดๆ สอดไส้ Foie gras ค่ะ
อีกอันก็ขนมปังปิ้ง (toast) บีบหน้าด้วยมูส Salmon
เริ่มต้นมาดี เค็มมันอร่อยทั้งคู่เลย
ต่อด้วย
Entrée จานแรก
.. Saumon, tourteau et avocat façon Opéra ..
แรงบันดาลใจและไอเดียมาจากขนมฝรั่งเศสอย่าง
Opéraจับมาทำเป็นของคาวดูบ้าง ออกมาหน้าตาละม้ายไม่น้อยเลยนะคะ
วัตถุดิบแต่ละชั้นก็เด็ดๆทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็น
แซลมอน มูสอะโวคาโด้ มูสเนื้อปูอาจจะออกเลี่ยนนิดๆแต่โดยรวมจัดว่าอร่อยทีเดียว
จาน
Starter ถัดไป
.. "BBQ" de grosses crevettes, verdure du moment .. เมนูบอกว่าเป็น
บาร์บีคิวกุ้งใหญ่ แต่ย่างมาซะแห้งเกินเหตุ
ส่วนตัวมองว่าผักมันไม่เข้ากันซักเท่าไหร่ด้วย แถมมูสถั่วอีก
จานนี้แอบผิดหวังเล็กๆ
จาน
Starter สุดท้าย
.. Royale de foie gras, écrasé dartichaut au pain brûlé .. เมนูนี้เป็น
ฟัวกราส์เนื้อเนียนเสิร์ฟมาในแก้วใส
เดาว่าเคี่ยวรวมกับ
อาร์ทิโชก (Artichoke) จึงนุ่มละมุนลิ้นได้ขนาดนี้
เค็มมันหวานหอม อร่อยมากค่ะ
ทานกับโทสต์ที่จับมาเบิร์นซ้ำอีกทีเพิ่มความกรอบ & เก๋
แล้วก็มาถึง
Main อาหารจานหลักของมื้อกันบ้าง
.. Suprême de volaille à la tapenade, gnocchi aux olives ..
จานนี้เป็น
อกไก่ขาวอวบเนื้อแน่น
ที่ท๊อปบนเนื้อไก่สีออกดำๆคือ
Tapenade หลักๆทำจากมะกอกและลูกเคเปอร์ เป็นอาหารทางใต้แถบโพรวองซ์
รสจัดหน่อยออกเค็มๆนิยมเอามาป้ายขนมปังปิ้งทานเล่น
ทั้งหมดวางบน
ญ็อคคิ(Gnocchi) เคี้ยวหนึบหนับ
เจ้าญ็อคคิก็แอดวานซ์เพิ่ม Olive เข้าไปในส่วนผสมด้วยเช่นกันค่ะ
จานนี้ตามมาติดๆ
.. Émincé de bœuf et spaetzle à la bière ambrée .. เนื้อย่างเบียร์กับซอสรสเข้มข้น
เนื้อวัวคุณภาพย่างแบบ medium-rare ด้วยยิ่งอร่อยเหาะ
เสิร์ฟกับ
Spätzle มันคือ Egg Noodle ชนิดหนึ่ง
เคยทานที่เยอรมันจะเป็นอีกแบบนึง เส้นสั้นๆหน่อย
แถวแคว้น Alsace ของฝรั่งเศสติดชายแดนเยอรมันก็หาทานได้ทั่วไป
ของร้านนี้โฮมเมด
ทำออกมารสชาติใช่ แต่...
หน้าตาไปเหมือนพาสต้าพี่เลี่ยนมากกว่า ฮ่าๆ
จานนี้ภูมิใจเสนอ
.. Côte de porc fermier du Sud Ouest rôti au gingembre, patate douce .. เป็น
หมูย่างที่อร่อยมากมายจริงๆ
หนังกรอบนิดๆทำเอาคิดถึงหมูกรอบบ้านเราเลยค่ะ
เชฟถึงกับเดินมาบอกให้ลองกินหนังหมูดู
แหมๆไม่บอกก็กินอยู่แล้ว อิอิ
คุ้นเคยๆ
ที่เมืองไทยบ้านอิชั้นมีแคปหมูด้วยนะ คุณเชฟรู้จักอ๊ะป่าว 555+ซอสเข้มข้น กลมกล่อมเค็มๆหวานๆ
หอมกลิ่นขิง และเปลือกเลม่อนด้วย
วางเสิร์ฟบนมันบด(ใช้
มันเทศ) หวานอร่อยและเริ่ดที่สุด
หมดจานหลัก พักทาน
Cheese กันก่อนจ้า
.. Plateau de Fromages .. มาเป็นถาด เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว
สุดท้ายให้บริกรเลือกให้ อิอิ
รีเควสขอ Local cheese มาลอง
แต่หลักๆส่วนใหญ่ก็
ชีสจากนมวัวค่ะ
ทานง่ายอร่อยเกลี้ยง
และเวลาสำหรับ
Dessert ก็มาถึง
.. Maki aux petits fruits rouges, vanille de Tahiti ..
มากิ (แบบอาหารญี่ปุ่นอ่ะนะ) มันช่างเก๋ไก๋ สั่งมาชิมแบบไม่ต้องคิดมาก
ใช้เค้กโรลหรือแผ่นเครปประมาณนั้น แทนสาหร่าย
พันข้าวญี่ปุ่นผสมวนิลาตาฮิติ แล้วสอดไส้ด้วยเบอร์รี่
ไอเดียได้ ส่วนผสมโดน
แต่ๆๆๆๆ ทะดา... ออกมา
ไม่ไหวจะเคลียร์ตัวข้าวแฉะเละ จืดชืด เบอร์รี่เปรี้ยวจับจิต
โรลข้าวเหนียวมะม่วงแบบบ้านเราแจ่ม เข้าท่าและเวิร์คกว่ามาก
แก้ตัวด้วยของหวานจานสุดท้าย
.. Entremet chocolat et caramel mou à la fleur de sel .. เป็น
เค้กช็อคโกแลตนุ่มๆ
ราดด้วยกานาชดาร์คช็อคโกแลต โป๊ะด้วยไอศครีม
ส่วนเลเยอร์บางๆและซอสเป็น
salted caramel ที่อร่อยมากๆ
ขนมหวานที่ใช้ดอกเกลือ (fleur de sel) แทนเกลือ
รสจะละมุนละไมกลมกล่อมขึ้น ลองสังเกตมาหลายหนแล้ว
แต่ราคาก็แพงกว่าเกลือธรรมดาไม่น้อยเลยนะคะ
บทสรุปร้านนี้... อร่อยไม่อร่อยผสมกันไป
เป็นอีกร้านที่เอามาแชร์เผื่อไว้เป็น
ไอเดียเข้าครัวทำอาหารกัน
ไว้ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวทางเหนืออีก จะบันทึกความอร่อยมาฝากอีกจ้า
ขอบคุณที่แวะมาอร่อยด้วยกันนะคะ
แล้วพบกันใหม่บล็อคหน้า
บายๆ
~ Dine Out with Indy ~All stories and photos byIL & PEL & AL | indyland.bloggang.com
ตามมาเที่ยวด้วยคนนะคะ^^