Bloggang.com : Favorite Nightmare : หนังที่ได้ดูในสัปดาห์ที่ #1 ของปี 2008

หนังที่ได้ดูในสัปดาห์ที่ #1 ของปี 2008

ผมมีหนังสืออยู่เล่มนึงชื่อว่า "ดูหนังทั้งปี" เป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ตระเวณดูหนังสัปดาห์ละหลายๆเรื่อง แล้วก็มาเล่าให้อ่าน ผมอ่านไปได้ไม่กี่หน้าก็เอาวางกลับที่เดิม ไม่ใช่เพราะหนังสือมันห่วย แต่เป็นเพราะขี้เกียจอ่านน่ะครับ นี่ก็ดองหนังสือไว้อยู่ประมาณเกือบ 20 เล่มได้ ไว้เค็มได้ที่แล้วจะมาอ่านละกันนะ

และอาจจะมาจากหนังสือเล่มดังกล่าว ปีนี้ผมจึงตั้งปณิธานว่าจะมาเล่าไปเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับหนังที่ดูมาในรอบสัปดาห์ ซึ่งคิดว่าเป็นเหมือนไดอารี่ซะมากกว่าการวิจารณ์หนัง ก็ดูกันว่าจะขยันมาเขียนได้กี่สัปดาห์ คิดว่าคงจะเบื่อไปซะก่อนเป็นแน่แท้ แต่ยังไงผมก็ไม่เบื่อที่จะดูหนังหรอก สัปดาห์แรกของปีผมดูหนังไปทั้งหมด 4 เรื่องด้วยกัน

1. คู่แรด - หนังเรื่องแรกแห่งปี 2008
คืนวันสิ้นปี 2007 คุณทำอะไรกันครับ?
ผมนั่งเล่นไพ่กับเพื่อนจนถึงตีสี่ ช่างสร้างสรรค์อะไรเช่นนี้

เช้าวันที่ 1 ผมเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยรถทัวร์ แน่นอนส่วนใหญ่ผมนั่งหลับ
ลืมตามาพบว่าในรถเปิด vcd เรื่อง สายลับจับบ้านเล็ก ผมเคยดูแล้วในโรง และมันไม่ใช่หนังที่ผมอยากดูเป็นรอบที่สอง ผมจึงหลับตาลงตามเดิม

หลังจากได้กินข้าวกลางวันที่กำแพงเพชร รถทัวร์คันเดิมเปิดหนังอีกเรื่อง หนังที่ผมจะได้ดูเป็นเรื่องแรกของปี 2008 นั่นคือ "คู่แรด" สำหรับผมแล้วนี่เป็นโอกาสเดียวที่ผมจะได้ดูหนังเรื่องนี้ เนื่องจากผมไม่คิดที่จะดูต่อให้มาฉายฟรีทีวีก็ตาม แต่ในเมื่อมันมาอยู่ตรงหน้าแล้วก็เลยอยากจะทดลองดูหนังตลกไร้สาระ ขำๆฆ่าเวลาก็คงไม่เสียหาย

เป็นเรื่องของกะเทยนางหนึ่งรับบทอย่างน่าสยดสยองโดย คุณหม่ำ ที่บังเอิญไปพบเห็นการฆาตกรรมเข้าเลยโดนตามเก็บ เดือดร้อนเจ้าหน้าที่ตำรวจสุดหล่อที่รับบทโดย เซกิ ต้องมาคุ้มครองเธอ มุขในหนังก็เป็นมุขล้อเลียนกะเทย มุขต่ำๆที่ดูแล้วอนาจใจ ไม่เข้าใจทั้งคนทำหนังและคนที่ชอบหนังประเภทนี้เอาซะเลย แต่บางฉากก็ถ่ายได้สวยดีเหมือนกันนะ ทำให้ผมนึกไปได้ว่าวงการหนังไทยมีช่างกล้องฝีมือดีๆเยอะ แต่ขาดมือเขียนบทและกำกับที่ทำหนังพอจะเป็น หรืออาจเป็นเพราะว่าการเก่งทางเทคนิคนั้นมันอาจจะง่ายกว่าเก่งทางมุมมองทางความคิด ก็ไม่รู้เหมือนกัน

ถ้าจำไม่ผิด คู่แรด จะเป็นหนังไทย ตลก เบาปัญญา ไม่กี่เรื่องที่ได้ดู ก็ขอลาขาดกับหนังแนวนี้แล้วกัน อ้อ แต่สำหรับเรื่อง สายลับจับบ้านเล็ก ก็อาจถือได้ว่าเป็นหนังตลกไร้สาระได้ แต่แน่นอนว่ามีคุณภาพกว่าเยอะ ลืมเรื่อง "แจ๋ว" ไปอีกเรื่อง เรื่องนี้ก็ดูได้เพลินๆ แต่รู้สึกว่าจะมาจาก GTH ทั้งนั้นเลยนิ หึๆๆ

ให้ 2/10 ได้คะแนนจากที่ผมได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ

2. Across the universe - คนทำสนุกแต่คนดูไม่สนุก
นี่เป็นหนังโรงเรื่องแรกแห่งปี 2008
วันศุกร์ ผมอยากดูหนังโรงมากๆ รู้สึกไม่ได้ดูนานมากแล้ว ผมมักจะรู้สึกอย่างนี้เมื่อผิดหวังกับหนังล่าสุดที่ดูในโรง ประมาณว่าอยากแก้ตัวกับเรื่องต่อไป พอได้ดูตัวอย่างเรื่องนี้ บวกกับความที่มันเป็นหนังเพลง ผมตัดสินใจไม่ยากในการตีตั๋วเข้าชม

เนื้อหาของหนังว่าด้วยเรื่องของ หนุ่มชาวลิเวอร์พูลชื่อว่า ไอ้จู๊ด ทำงานในอู่เรือ ลับลอบเข้ามาอเมริกากับเรือ ได้พบเพื่อนใหม่ๆ คนรักคนใหม่ ประเด็นหลักของหนังมีอยู่สามอย่าง คือ ประเด็นเรื่องบุพผาชน ทำให้ผมนึกไปถึงหนังเรื่อง Shortbus โดยเปลี่ยนจากเรื่องเพศมาเป็นเพลงของ beatles แทน ในความคิดผมอ่ะนะ อีกเรื่องคือเรื่องการต่อต้านสงครามเวียตนามที่เป็นบรรยากาศในเรื่อง และเรื่องความรัก ซึ่งก็คิดไปได้ตามประสาคนที่ไม่ได้ฟัง beatles อย่างผมว่า เนื้อหาของบทเพลงของพวกเค้าคงเกี่ยวกับประเด็นประมาณนี้

ดังที่บอกว่านี่เป็นหนังเพลง ตัวละครในเรื่องได้ขับร้องบทเพลงของ the beatles เป็นจำนวนกว่า 30 เพลง และหนังให้บทเพลงพาไปดังนั้นเนื้อหาจึงไม่มีอะไรมากมาย เพลงบางเพลงโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับความรักและเป็นเพลง pop เพราะมากๆ (Hey jude, All u need is love, Across the universe, Let it be) แต่ในบางเพลงก็ดูเพื่อชีวิตชวนง่วงเอามากๆ ซึ่งมีส่วนว่าผมไม่รู้จักเพลงเหล่านั้นด้วย

ประมาณครึ่งชั่วโมงแรกผมเกือบรักหนังเรื่องนี้ซะแล้วด้วยบทเพลงที่สุดจะ pop แต่ต่อมาด้วยเนื้อเรื่องที่ไม่ไปไหน และบทเพลงที่จาก pop กลายเป็นเพื่อชีวิตไปซะ อาจจะเป็นเพราะผมรู้จักบทเพลงของ the beatles อย่างผิวเผิน หนังตาผมเริ่มหย่อน แต่ก็สะดุ้งตื่นเป็นระยะๆกับฉากเพลงที่สุดจะเปรี้ยวจี๊ด

จุดเด่นที่สุดและเป็นจุดเดียวที่ผมชอบจึงเป็นการออกแบบฉากประกอบเพลงในเรื่องที่ดูเหมือน MV มากกว่าหนังเพลงทั่วไป ทำออกมาได้สวยงามและครีเอทอย่างสุดๆ ดูแล้วต้องบอกว่าคิดได้ไง!!!!! ซึ่ง...คำนวณแล้วก็คุ้มอ่ะนะกับค่าตั๋ว

ถ้าเทียบแล้วผมชอบ Hairspray มากกว่า แม้ว่า Hairspray จะดู pop จ๋าซะเหลือเกิน แต่ดูจบแล้วประทับใจในความน่ารักของหนัง และประทับใจกับประเด็นชนกลุ่มน้อย แกะดำ การยอมรับ ใน hairspray อยู่มาก แต่ใน Across the universe ผมไม่มีประเด็นอะไรให้ผมจับต้อง มีเพียงฉากสุดเซอร์และเพลงสุดเพราะในบางฉากบางเพลงเท่านั้นเอง

เมื่อผิดหวังอีกรอบ ผมคงต้องขอแก้ตัวในเรื่องหน้าละกัน คาดว่าจะเป็น rainbow song

ให้ 6/10 ละกัน เนื่องจากคิดว่าหนังมันจะ pop กว่านี้มากกก แต่นี่มันออกแนวเซอร์เรียลไปไม่หน่อย แต่แนะนำให้ไปดูในโรงครับ

3. Snake on the plane
หนังเคเบิ้ลเรื่องแรกของปีนี้ แหมดู plot แล้วคล้ายๆกะ คู่แรด เลยนะเนี่ย เด็กคนหนึ่งไปพบเห็นคนฆ่ากัน แล้วพี่ดำแซมมวล แอล. ก็ต้องมาคุ้มครองพยานคนนี้บินไปขึ้นศาลที่แอลเอ แต่เครื่องบินลำนี้ดันมีฝูงงูพิษหลายร้อยตัวจากหลากสายพันธุ์มาทำให้โกลาหลกันทั้งลำ นี่ถ้านางเอก? คู่แรดมาอยู่บนเครื่องนี้ก็คงจะฮาไม่น้อย ไม่แน่เธออาจจะชอบงูซะด้วยซ้ำ

ดังนั้นหนังจึงออกมาแบบหนัง Turbulance แต่เพิ่มฝูงงูเข้าไปซะเพื่อความอลม่าน และขายความรุนแรงด้วยฉากจกหัว จกลูกกะตา กันเข้าไปเพื่อความมันส์สสสส
ดูแบบเอาเพลินๆก็โอเคอยู่ล่ะนะ

ให้ 4/10 ละกัน

4. โอปปาติกะ - หนังอะไรวะ เป็นไรมากป่ะ
หนังเรื่องนี้คงเป็นหนังชั้นเทพ ผมดูไม่รู้เรื่องทั้งเรื่อง
ทั้งเรื่องมันโอ้วววว บ้าสิ้นดี

ทั้งเรื่องมีสองอย่าง อย่างแรกคือการโหมเอาฉากยิงกัน ฟันกัน เลือดพุ่งท่วมจอ ใส่คนดูและแน่นอนเซ็นเซอร์กันกระจาย กับอีกอย่างนึงคือพยายามจะฉลาดโดยยัดคำพูดที่ดูฉลาด(หรือไม่รู้เรื่องกันแน่วะ) ใส่ปากตัวละคร

ตัวละครเหล่าโอปปาติกะมาพบกันอย่างไม่มีที่มา หลายฉากไม่มีที่มาที่ไป ดูแล้วทุขทรมานอย่างยิ่ง ผมไม่สามารถทนดูมันจนจบได้ ขนาดเช่ามานะเนี่ย

ไม่มีคะแนนจะให้ครับ

Create Date : 05 มกราคม 2551

Last Update : 7 มกราคม 2551 0:34:55 น.

1 comments

Counter : 397 Pageviews.

คุณคือผู้ชายบนรถทัวร์คันนั้น!!!!
เราก็ดูเรื่องนี้แหล่ะ
เซกิล่ำเนอะ

โดย: จอย IP: 202.28.169.165 วันที่: 7 มกราคม 2551 เวลา:15:44:23 น.