"แม่รักใครที่สุด"



"โทรศัพท์วิเศษจงคลายสงสัย แม่รักใครที่สุด"
"อ๋อ ก็ต้องตัวแม่เองสิ รักมากไม่มีรักใครเกิน"
"อุเหม่ ทำไมเป็นยังงั้นไปได้ ก็แม่ส่ง SMS มาบอกว่ารักลูกที่สุด"



ได้อ่านบทความสำหรับอวยพรวันปีใหม่ ของบรรณาธิการบริหาร บริษัทรักลูกแฟมิลี่กรุ๊ป ในเรื่องเกี่ยวกับ "slow life" ว่าความรักไม่ใช่แค่การส่งข้อความทางโทรศัพท์ ทำให้เกิดรอยยิ้ม และเห็นภาพการดำเนินชีวิตของผู้คนในขณะนี้ จึงขอนำมาคุยกันต่อในเรื่องของการทำให้ชีวิตให้ช้าลง หรือ slow life นั่นเอง เพื่อที่จะได้ชื่นชมกับความงามรอบตัว และใช้เวลาอย่างคุ้มค่าอย่างแท้จริงกับครอบครัว ไม่ต้องรอวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันแห่งความรัก ที่จะได้บอกลูกของคุณว่า"แม่รักลูกที่สุด"

ถ้าอยากอ่านฉบับเต็มของบริษัท รักลูกฯ คลิกที่นี่นะคะ www.raklukefamilygroup.com



ก็ไม่ทราบแน่ว่าใครแตกยอดความคิดจากใครกันบ้าง แต่ตอนนี้ก็มีทั้ง slow life, slow food และ slow ในทุกเรื่อง และมีกลุ่มหนึ่งได้นำมาประยุกต์ให้เกิดการปฏิบัติจริง ที่เรียกว่า"The Cloud Appreciation Society(กลุ่มชื่นชมก้อนเมฆ)" (แต่บ้านเราคงทำยากหน่อยนะคะ เพราะแสงแดดเจิดจ้าเกินไปค่ะ คงต้องรอตอนแดดร่มลมตกค่ะ)

โดยทางกลุ่มธิบายว่า เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของก้อนเมฆนั้นเป็นไปอย่างช้า ๆ และตรงข้ามกับวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน ถ้าหากเราสังเกตุการเปลี่ยนแปลง และชื่นชมความงามของก้อนเมฆ ก็เหมือนกับเรากำลังทำสมาธิอยู่(ซึ่งเข้ากับหลักพุทธศานาของเราที่สามารถจะกำหนดให้สิ่งใดก็ได้เป็นที่รวมของสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดลมหายใจ หรือการกระทำเช่นการก้าวเดิน) การมีสมาธิย่อมนำมาซึ่งปัญญา จิตใจผ่องใส การคิดอ่านที่เท่าทันมายาที่ล่องลอยอยู่ในสังคมปัจจุบัน



โดยภาพรวมของการบอกเล่าเหล่านี้ก็ต้องการให้ทุกคนเลิกสนใจกับสิ่งสมมติที่เป็นเจ้านายของคนในยุคข้อมูลข่าวสารนี้ นั่นก็คือ"เวลา" นั่นเองค่ะ เรามักจะได้ยินเสมอว่ามีคนบ่นว่า"ไม่มีเวลา" หรือ "ฉันอยากให้วันหนึ่งมีมากกว่า 24 ชั่วโมง"


ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี เคยกล่าวไว้ว่า "เราฝากของมีค่าที่สุดไว้กับคนอื่น เพื่อออกไปหาของที่เราคิดว่ามีค่าที่สุด" ซึ่งหลายคนบอกว่ามีปัญหาเศรษฐกิจ ไม่สามารถเลือกได้ แต่แท้ที่จริงเขาเหล่านั้นได้เลือกแล้ว คือเลือกที่จะเป็นสาวทำงาน(working mom) ที่โหมทำงาน จนไม่มีเวลาให้กับลูก แต่มีผลงานหรือเงินทองเป็นที่ยกย่อง หรือไปทำงานแค่ได้ชื่อว่าเป็นคนทำงาน และมีสังคม(ในความเชื่อของเขาเหล่านั้น) พร้อมกับแนวคิดสวยหรูที่ว่าด้วยการทำชีวิตให้สมดุลย์ทั้งด้านตัวเอง การงาน และครอบครัว โดยใช้ตาชั่งที่ลำเอียงที่มีหน้าปัดวัดความสำเร็จจากภายนอกเช่นคะแนนสอบที่ลูก ๆ ได้ การงานที่มีผู้คนห้อมล้อม หรือจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นในบัญชี และบางครั้งก็ใช้คำว่าได้ใช้เวลาคุณภาพกับลูกแล้ว ซึ่งถ้าลองหารเวลาคุณภาพกับเวลาทำงานแล้วค่าเข้าใกล้ศูนย์ทีเดียวค่ะ



ในความเห็นของดิฉันคิดว่าเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชดำรัสเกี่ยวกับ "เศรษฐกิจพอเพียง" ของในหลวง ที่ทุกคนซาบซึ้ง แต่ขออนุญาตนำมากล่าวย้ำอีกครั้งค่ะ ในหลวงท่านทรงกล่าวไว้ว่า"การเป็นเสือนั้นไม่สำคัญ ควรที่จะอุ้มชูตัวเองได้ พอมีพอกิน และไม่ได้จะให้ทุกคนปลูกข้าวเอง และทอผ้าใส่เอง มีของหรูหราได้แต่ไม่เดือดร้อนตนเองและผู้อื่น"


ในความเป็นจริงแล้วชีวิตเราเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับทุกสิ่งทั้งภายในตัวเราและสิ่งแวดล้อมตัวเรา แต่ดิฉันในฐานะที่เลี้ยงลูกเองและทำบ้านเรียน(โฮมสคูล) กับลูกทั้งสองคน อยากจะเน้นย้ำในส่วนที่มีผลกระทบโดยตรงกับพื้นฐานความมั่นคงในใจลูกเท่านั้น และชักชวนให้ลองปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตตามแนวพระราชดำรัส



อย่าให้ลูกต้องได้พบคำตอบในแบบข้างต้นเรื่องเลยนะคะ เพราะบางทีคุณอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังลดความมั่นคงในใจลูกอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจในตัวเขาเอง ความมั่นใจในตัวคุณ และขยายไปถึงการแปรความหมายของความรักไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ก่อให้เกิดปัญหาครอบครัวและปัญหาสังคมตามมาในภายหลัง เมื่อถึงวันนั้น วัตถุใด ๆ หรือคะแนนสอบดี ๆ ก็ไม่สามารถจะย้อนเวลากลับมาได้ค่ะ







Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2551 18:02:36 น. 32 comments
Counter : 661 Pageviews.

 
เห็นด้วยกับสิ่งที่เค็นเขียนมาก ๆ ค่ะ

เป็นแม่ทำงานที่ต้องเลี้ยงลูก 2 คนไปด้วย เพิ่งเจอกับตัวเองเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เจอ "เรื่องร้าย" จากที่ทำงาน เครียด หงุดหงิด เมื่อรับลูกและกลับถึงบ้าน ลูกมาอ้อน เซ้าซี้ อยากให้อ่านนิทาน ให้เล่นของเล่นที่เค้าชอบ ตัวเองกลับหงุดหงิด อารมณ์เสียใส่เค้า ทั้งที่เค้าไม่ได้มารับรู้กับเหตุการณ์และเรื่องในที่ทำงานของเราเลย เสียใจมาก ๆ เลยค่ะ

ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า "เวลา" ที่เราให้กับที่ทำงาน กลับย้อนมาทำร้ายคนที่เรารักที่บ้านด้วยหรือนี่


โดย: อัญชนา วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:7:10:43 น.  

 
ไม่เป็นไรค่ะ เค็นอยู่กับลูกบางทีก็เจอเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วก็หงุดหงิดเหมือนกัน แต่เค็นขอโทษลูกนะคะ


โดย: chinging วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:24:19 น.  

 
"เราฝากของมีค่าที่สุดไว้กับคนอื่น เพื่อออกไปหาของที่เราคิดว่ามีค่าที่สุด"

จริงด้วยค่ะ
กว่าจะรู้ว่าของมีค่านั้นแท้จริงอยู่ไม่ไกลเลย
บางครั้งก้สายไปเสียแล้ว

.............................


ดูน้องๆ มีความสุขจังเลยค่ะ

แอบยิ้มตามไปด้วย


โดย: ~Baan_Ohana~ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:38:38 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณหวาน ว่าง ๆ กลับมายิ้มอีกนะคะ


โดย: chinging วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:09:26 น.  

 
กลับมานยิ้มแล้วค่ะ

ดีใจจังเลยที่คุณเค็น(ขออนุญาตเรียกตามข้างบนนะคะ)
ชอบกล่องห่อของขวัญ

และยินดีที่ได้รู้จักครอบครัวที่น่ารักค่ะ


โดย: ~Baan_Ohana~ วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:38:22 น.  

 
ยินดีเช่นกันค่ะคุณหวาน

นอกจากกล่องห่อของขวัญแล้วยังชอบหน้าตาบล็อกด้วยค่ะ ดูสดใสดีค่ะ


โดย: chinging วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:02:02 น.  

 
หวัดดีค่ะคุณเค็น

แป๋วก็รู้สึกนะคะว่าทำงานมากๆนี่นั่งสมาธิสวดมนต์ยากขึ้นเป็นกองค่ะ

ชอบมาอ่านเรื่องบ้านโรงเรียน เคยอ่านแต่ในหนังสือ ดีจังค่ะ

ปล. วันนี้เน็ตช้ามากๆค่ะ เดี๋ยวแป๋วมาตอบเรื่อง Latest Blog ทีหลังนะคะ ไม่ยาวแต่ก็ไม่สั้นน่ะค่ะ
มาบอกไว้ก่อนว่าแป๋วเห็นคอมเม้นท์คุณเค็นแล้ว เดี๋ยวจะคอยนานไปค่ะ



โดย: SevenDaffodils วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:55:18 น.  

 
จริงค่ะ เมื่อก่อนเค็นเรียนสตรีวิทย์ อาจารย์จะให้เด็กทุกคนต้องไปนั่งสมาธิที่วัดบวรฯ หนึ่งเทอมเมื่อแรกเข้าหลังเลิกเรียนทุกวัน เข้าใจและทำได้ดีค่ะ

พอตอนทำงานไม่ได้เลยจริง ๆ ค่ะ แต่พอมีลูกลืมไปเลยค่ะ คงต้องพยายามดูใหม่เหมือนกันค่ะ

ขอบคุณมากมากเลยค่ะคุณแป๋วทั้งเรื่องที่เข้ามาอ่านและเรื่อง latest blog ค่ะ คอยได้ค่ะ จริง ๆ เกรงใจจังค่ะ แต่พยายาม search ดูแล้วไม่เจอค่ะ ไม่สามารถจริง ๆ ค่ะ

ปล. ขอแก้นิดค่ะ บ้านเรียน มิใช่ บ้านโรงเรียนค่ะ(เพราะจะดูเหมือนยกโรงเรียนมาที่บ้านน่ะค่ะ)


โดย: chinging วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:28:20 น.  

 
แวะมาเยี่ยมคะ
เห็นรูปเด็กๆน่ารักดี เราก็เป็นอีกคนที่พยายามที่จะหาเวลาอยู่กับลูกสาวให้มากที่สุด เสาร์ อาทิตย์ก็หาอะไรทำ บ้างก็ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ บ้างก็ไปดูหนัง ก่อนที่เค้าจะเป็นวัยรุ่นอ่ะคะ พอถึงตอนนั้นเค้าก็คงอยากจะเที่ยวกับเพื่อนมากกว่าเที่ยวกับแม่ ยิ่งเด็กที่อเมริกาพอจบไฮสคูลกันแล้วอยากย้ายออกจากบ้านพ่อและแม่อะไรกันนักหนาไม่รู้ พอถึงตอนนั้นเราคงคิดถึงลูกน่าดู เราคงขอไม่ให้เค้าย้ายออกหรอก อยู่บ้านเรานี่แหละประหยัดตังค์ดี พูดไปซะไกลเลย เหลืออีกหลายปีอยู่เนอะ
เราก็ทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกเองด้วยไม่มีคนช่วยคะ ครอบครัวอยู่ที่เมืองไทยกันหมด มีแค่เรากับลูกสองคนอยู่ที่นี่ คิดๆก็อยากจะย้ายกลับเมืองไทย เหนื่อยคะ
โทษทีนะคะที่มาบ่นให้ฟัง เดี๋ยวว่างๆจะมาบ่นอีกนะคะ


โดย: pimmetje วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:40:51 น.  

 
ยินดีมากมากค่ะ อยากให้คนมาบ่นให้ฟังซะด้วยซ้ำค่ะ เพราะแสดงว่าไว้ใจ

และหลายคนเลยนะคะ ที่จะได้รู้ความจริงจากการบ่นนี้ ถ้าได้มีโอกาสมาอ่าน เพราะเค็นเห็นสาวไทยอยากสลับที่กับคุณpimmetje จะแย่ ไม่เชื่อลองประกาศรับสมัครดูสิคะ


โดย: chinging วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:09:34 น.  

 
อยากให้คนมาบ่นให้ฟังซะด้วยซ้ำค่ะ เพราะแสดงว่าไว้ใจ

น่ารักจริงๆ เลยค่ะคุณเค็น


โดย: ~Baan_Ohana~ วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:31:16 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณหวาน ปรกติคนน่ารักด้วยกันจะเห็นความน่ารักซึ่งกันและกันค่ะ


โดย: chinging วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:35:09 น.  

 
ตามมาเที่ยวบ้านแล้วรู้สึกสบายใจที่ได้อ่านอะไรดีๆ เป็นยาชูกำลังให้จิตใจได้อย่างดีเลยค่ะ ขอแอดบล็อกด้วยคนนะคะ


โดย: Devonshire (Devonshire ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:44:21 น.  

 
ดีใจค่ะ อย่างที่บอกคุณหวานค่ะ ว่าคนที่ให้ความสำคัญและมองภาพเหล่านี้ออกอยู่แล้ว ถึงจะมองเห็นขวดยาค่ะ คงต้องเอาไปเคลือบสีสันกว่านี้จึงจะแจกจ่ายยาได้ทั่ว ๆ


โดย: chinging วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:20:03 น.  

 
คุณ chinging
american beauty เป็นหนัง Drama แต่ดู ไม่เครียดหรอกค่ะ
เป็นหนังสะท้อนชีวิต และตีแผ่คน americanในสังคมปัจจุบัน
ตอนจบมี 3 แบบให้คิดค่ะ...

แต่เืรื่องนี้เข้ากับเนื้อหาในบล๊อคนี้มาก
เลยค่ะ การไขว่คว้าไม่รู้จักพอในสิ่ง
ที่ตนมี แนะนำว่าหนังเรตอาร์แต่เป็น
หนังดีค่ะ...


โดย: ลิตช์ (Litchi ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:16:06 น.  

 
ขอบคุณมากมากค่ะ คุณลิตช์ อุตส่าห์ตามกลับมาบอก จะหามาดูให้ได้นะคะ


โดย: chinging วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:30:43 น.  

 
ได้อ่านบทความแล้ว รู้สึกดีมากๆเลยค่ะ..
..ทำให้ได้ข้อคิดในการใ้ช้ชีวิตด้วยความ
เป็นอยู่อย่างพอเพียงไปด้วยเลยค่ะ....


โดย: tiktoth วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:54:13 น.  

 
งั้นตามมาอ่านบ่อย ๆ นะคุณติ๊ก สองหนุ่มก็น่ารักมากเลยค่ะ


โดย: chinging วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:31:53 น.  

 


โดย: Darksingha วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:45:55 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณ Darksingha ที่มาเยี่ยม และเอาเทคนิคมาฝาก


โดย: chinging วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:02:05 น.  

 
อั้นแน่..คุณเค็น
มิน่าเล่ารู้สึกทะแม่งๆกับคุณเค็นอยู่ เหมือนมีเสาอากาศที่จูนเจอคลื่นทีวีเลย เด็กถนนดินสอนี่เอง


โดย: มนปป IP: 58.9.176.64 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:05:32 น.  

 
แล้วทำไมต้องทะแม่ง ๆ ด้วยล่ะคะ


โดย: chinging วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:42:58 น.  

 
ก็เราเลือดแดงขาวเหมือนกันไงล่ะคุณเค็นอิอิ


โดย: มนปป IP: 58.9.179.70 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:02:37 น.  

 
กะอยู่แล้วค่ะ แต่แซวเล่นว่าทำไมต้องทะแม่ง ๆ เขาต้องบอกว่ารู้สึกดียังไงไม่รู้


โดย: chinging วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:54:59 น.  

 
สวัสดีค่ะ..คุณเคน
เอาเพลงมาแปะแล้วนะคะ

เวลามันไม่เคยน้อยไปหรอก
ถ้าเรารู้จักจัดสรร...และแบ่งมันอย่างถูกต้อง

ขอบคุณสำหรับบทความดีดีค่ะ





โดย: nikanda วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:15:00:28 น.  

 
Wizard Animation

ขอขอบคุณคำแนะนำในการทำและเวปไซต์การทำจากคุณหวาน ( ~Baan_Ohana~)ค่ะ


โดย: chinging วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:15:13:30 น.  

 
ได้อ่านข้อความข้างต้นแล้ว

เป็นประโยชน์จังเลยค่ะ





โดย: เก๋-กาย IP: 202.149.24.161 วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:20:54:35 น.  

 
ดีใจที่ชอบค่ะ เพลงทำให้รู้สึกดีไหมคะ


โดย: chinging วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:0:29:56 น.  

 
เราสามารถทำความดีอย่างยิ่งยวดเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่กำหนดมาแล้วค่ะ

^
^

เห็นด้วยมากมายเลยครับ



โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:15:36:12 น.  

 
เอามาจากหนังสือนิทานอย่างที่บอกค่ะ แต่จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไรค่ะ


โดย: chinging วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:22:16:45 น.  

 
ยินดีที่รู้จักครับ ขอบคุณที่มาบอกเรื่องแอดบล็อก บางทีหน้าเก่าๆก็ไม่ได้เข้าไปดู

ขอแอดบ้างก็แล้วกัน


โดย: ลุงแมว วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:22:46:54 น.  

 
ยินดีมาก ๆ ค่ะ


โดย: chinging วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:1:48:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

chinging
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]








INVITING THE BELL TO SOUND


Body, speech, and mind in perfect oneness-
I send my heart along with the sound of the bell,
May the hearers awaken from forgetfulness
and transcend all anxiety and sorrow.


HEARING THE BELL


Listen, listen,
this wonderful sound
bring me back
to my true self.


THICH NHAT HANH






9 Latest Blogs
ขอขอบคุณ คุณSevenDaffodils
ในคำแนะนำวิธีการทำ Latest Blogs ค่ะ



New Comments
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
1 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chinging's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.