Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
น้ำมะรุม มะนาว น้ำผึ้ง



ใบมะรุมมีประโยชน์มากมาย
ลองเอามาทำน้ำชาดูรสชาติไม่ไหว เหมือนกินน้ำต้มผัก
เลยได้ไอเดียเอามาผสมอย่างอื่นก็ไม่อร่อยและดับกลิ่นได้เท่าผสมกับมะนาวและน้ำผึ้ง และดื่มแล้วสดชื่นมากเลย
เลยเอาสูตรมาเผยแพร่เผื่อเพื่อนอยากทำดื่มเพื่อสุขภาพ






เครื่องปรุง

ชามะรุม 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะ
มะนาว ครึ่งลูก


วิธีทำ

ใบมะรุมตากในร่มแดดอย่าให้โดนแดด สัก2แดดตากให้แห้งกรอบ แล้วบดกับตะแกรง กระชอน หรือตำให้ละเอียด
เก็บใส่ขวดไว้ปิดฝาให้สนิทเป็นชามะรุม
หรือจะเอาใส่แคปซูลไว้ทานก็ได้




ชามะรุมชงในน้ำร้อน จะได้สีสวยใสเหมือนน้ำชา
ใส่น้ำผึ้งคนๆให้ละลายเข้ากัน
หั่นมะนาวเป็นแว่นๆเพิ่มความกลมกล่อมและหอมดับกลิ่น

จะดื่มแบบร้อน
หรือใส่น้ำแข็งแบบเย็นชื่นใจก็ได้จ๊ะ







ชาวอินเดียเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคต่างๆได้ถึง300ชนิด
ในคัมภีร์ใบเบิ้ลว่าเป็นพืชที่รักษาทุกโรค
องค์การสหประชาชาติได้ให้การสนับสนุนในการค้นคว้าและวิจัยอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในการรักษาโรคขาดอาหารและอา การตาบอด


1. ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิด ถึง 10 ขวบ และลดสถิติการเสียชีวิต พิการ และตาบอด ได้เป็นอย่างดี
2. ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ ทำให้สามารถลดการใช้ยาลง
3. รักษาโรคความดันโลหิตสูง
4. ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายถ้าแม้ทานผลิตผ ลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์เด็กที่เกิดมาจะไม่ติดเชื้อHIV นอกจากนี้ยังช่วยให้คนทั่วๆไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเ องถ้ารับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง
5. ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้
6. ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็ง
การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้การแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้นและมีร่างกายที่แข็งแรง
7. ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคเก๊า โรคกระดูกอักเสบ โรคมะเร็งในกระดูก โรครูมาติซั่ม
8. รักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ เป็นต้นถ้ารับประทานสม่ำเสมอ จะทำให้ตามีสุขภาพที่สมบูรณ์
9. รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง โรคพยาธิในลำไส้ เป็นต้น
10. รักษาปอดให้แข็งแรง รักษาโรคทางเดินของลมหายใจ และโรคปอดอักเสบ

ญี่ปุ่นใช้รักษาโรคปากนกกระจอก
หอบหืด อาการปวดหูและปวดศรีษะ ช่วยบำรุงสายตา ระบบทางเดินอาหาร และช่วยระบายกาก
ประเทศอินเดีย หญิงตั้งครรภ์จะกินใบมะรุมเพื่อเสริมธาตุเหล็ก
แต่ที่ประเทศที่ฟิลิปปินส์และบอสวานาหญิงที่เลี้ยงลูกด้วยนมจะก ินแกงจืดใบมะรุม
(ภาษาฟิลิปปินส์ เรียก "มาลังเก') เพื่อประสะน้ำนมและเพิ่มแคลเซียมให้กับน้ำนมแม่เหมือนกับคนไทย

ชะลอความแก่
กล่าวกันว่ามะรุมมีฤทธิ์ชะลอความแก่ ชะลอการเสื่อมสภาพในเซลล์ร่างกาย
ฆ่าจุลินทรีย์
ใช้น้ำคั้นจากมะรุมหยอดหูแก้ปวดหู

ฤทธิ์ลดไขมันและคอเลสเตอรอล
ที่ประเทศอินเดียมีการใช้ใบมะรุมลดไขมันในคนที่มีโรคอ้วนมาแต่เ ดิม
ฤทธิ์ป้องกันตับ

จากการวิจัย มะรุมสามารถขับไขมันในเส้นเลือด ในตับและในไตได้ แต่ไม่เป็นตัวขับนำ หากจะรักษาอาการบวมจากโรคไต ควรรับประทาน ตะไคร้ แกนสับประรด อ้อยแดง หรือหญ้าคา ต้มเอานำดื่ม จะใช้ตัวเดียวหรือหลายตัวผสมได้ ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้จะออกฤทธิ์ในการขับนำปัสสาวะ และรักษาอาการอักเสบทางเดินปัสสาวะได้ดีกว่า อีกทั้งไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยาขับปัสสาวะแผนปัจจุบันที่จะทำให้หูอื้อได้

ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า
วิตามินเอบำรุงสายตามีมากกว่าแครอต 3 เท่า
วิตามินซีช่วยป้องกันหวัด 7 เท่าของส้ม
แคลเซียมบำรุงกระดูกเกิน 3 เท่าของนมสด
โพแทสเซียมบำรุงสมองและระบบประสาท 3 เท่าของกล้วย
ใยอาหารและพลังงานไม่สูงมากเหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักอีกด้วย
น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะรุมมีองค์ประกอบคล้ายน้ำมันมะกอกดีต่อสุขภ าพอย่างยิ่ง


วิธีใช้

ใบสด ควรรับประทานใบสดที่ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไปนัก เพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่
เด็กแรกเกิด -1 ปี คั้นน้ำจากใบเพียง 1 หยด ผสมกับนมให้ดื่มเพียง 1 หยด ต่อ 1-2 วัน ใบมะรุมนี้มีธาตุเหล็กสูงมาก ฉะนั้นทารกในวัยเจริญเติบโต - 2 ขวบ จึงไม่ควรทานมาก
เด็กที่เริ่มทานอาหารได้ถึง 3-4 ขวบ ควรทานวันละไม่เกิน 2 ใบ เพิ่มจำนวนขึ้นทีละใบตามอายุ จนถึง 10 ขวบ
เด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ รับประทานวันละ 1 กิ่ง จะทานสดหรือประกอบอาหารก็ได้ ถ้าจะให้ได้ผลรวดเร็ว ควรคั้นน้ำดื่มประมาณวันละ 1 ช้อนโต๊ะสำหรับผู้ใหญ่ หรือ 1 ช้อนชาสำหรับเด็ก

การรับประทานสุกควรลวกแต่พอควรเพราะการถูกความร้อนนานเกินไปจะท ำให้สารอาหารหลายชนิดเสื่อมคุณภาพลงไปมาก ถ้าสามารถรับประทานสดได้จะดีมาก ใช้ทำสลัดรวมกับผักสด หรือวางบนแซนวิช


ฝัก ปรุงเป็นอาหารรับประทานแก้ไข้หัวลม
ผล รับประทานได้ทั้งฝักอ่อนและฝักแก่ ใช้แกงส้มหรือขูดเอาแต่เนื้อใน มาทำแกงกะหรี่
ฝักอ่อนขนาดถั่วฝักยาวสามารถนำมาทำอาหารได้มากมายหลายชนิด อาทิ เช่น แกงส้มฝักมะรุม ฝักมะรุมอ่อนผัดน้ำมันหอย ยำฝักมะรุมอ่อน (เหมือนยำถั่วพลู) แกงจืดใบมะรุมอ่อนเต้าหู้
สลัดสดใบมะรุมผักรวม ทอดมันปลากับฝักมะรุมอ่อน แกงเลียงฝักมะรุมอ่อนและใบมะรุม
แกงเผ็ดฝักมะรุมอ่อน ไข่ยัดไส้ใบมะรุมหมูสับ ต้มจืดหมูสับใบมะรุมอ่อนหนู แกงจืดวุ้นเส้นใบมะรุมอ่อนใส่เห็ดสด ผัดพริกขิงฝักมะรุมอ่อน ผัดจืดฝักมะรุมอ่อนใส่ไข่และกุ้ง ผัดเผ็ดฝักมะรุมอ่อนยอดพริกไทยกับไก่
ฝักมะรุมอ่อนผัดขี้เมา ไก่อบฝักมะรุมอ่อน
ผัดฝักมะรุมอ่อนกับเห็ดสดต่างๆ ราดหน้าฝักและใบมะรุมอ่อนไก่/หมู
ผัดฝักมะรุมอ่อนกับเห็ดหู
แกงเขียวหวานหรือแกงแดงฝักมะรุมอ่อน (จะใส่เนื้อ หรือไก่ก็ได้ตามแต่ชอบ)

ยอด ดอก และฝักมะรุมอ่อนชุบแป้งเทมปุระทอด
ดอกมะรุมชุบไข่ทอด
ยอด ดอก และฝักมะรุมอ่อนจิ้มน้ำพริก

เมล็ด สามารถนำเมล็ดมะรุมมาสกัดน้ำมันเพื่อใช้ประโยชน์ได้มากมายเช่นใ ช้ทำอาหารได้
รักษาโรคปวดตามข้อ โรคเก๊า รักษาโรครูมาติซั่ม และรักษาโรคผิวหนัง แก้ผิวแห้ง ใช้แทนยารักษาผิวให้ชุ่มชื้น รักษาโรคอันเกิดจากเชื้อรา เอาฝักแก่แล้วแกะเมล็ดเอาแต่เม็ดข้างในสีขาวมา อม ๆ เคี้ยว ๆ แก้ไอ พอกินแล้วเออ หวานชุ่มคอดี ตอนแรกก็ขม แต่ ซักพักก็จะชุ่มคอ
เนื้อในเมล็ด และใบสดเป็นประจำสามารถเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้
ใบ ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบใบสดมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ มีแคลเซียม วิตามินซี แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก

ทำน้ำมันมะรุมไว้ใช้ที่บ้าน
เอา เมล็ดแห้งกระเทาะเปลือกออกใช้ครกบทยาตำละเอียดให้ต้มไฟอ่อน ๆ จนน้ำระเหยออกแล้วจะมีน้ำมันลอยอยู่แล้วซ้อนเอาส่วนเป็นน้ำมันออกเก็บใส่ขวด ควรเป็นขวดสีชาหรือทึบเพื่อรักษาคุณภาพ วิธีนี้อาจจะขาดสารบางส่วนไปมากกว่าวิธีบีบเย็น ข้อดีน้ำมันไม่มีกลิ่น วิธีบีบเย็นจะมีกลิ่นหื่น ๆ นิดหน่อย


เปลือกจากลำต้น จะมีรสร้อน ช่วยขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อนๆ (ตัดต้นลมดีมาก)
แก้พิษ ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ
นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆใส่ผ้าห่อทำเป็นลูกประคบนึ่งให้ร้อนนำม าใช้ประคบ แก้โรคปวดหลัง ปวดตามข้อได้เป็นอย่างดี
ชนบท ใช้เปลือกมะรุมสดๆ ตำบุบพอแตกๆ อมไว้ข้างแก้ม แล้วรับประทานสุราจะไม่รู้สึกเมาเลย


กากของเมล็ดกากที่เหลือจากการทำน้ำมันสามารถนำมาใช้ในการกรองหร ือทำน้ำให้บริสุทธิ์เป็นน้ำดื่มได้กากของเมล็ดมีคุณสมบัติเป็นย าฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นนำมาทำปุ๋ยต่อได้

ดอก ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ฝัก รสหวาน แก้ไข้หรือลดไข้
ใช้ต้มทำน้ำชาใช้ดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย


ราก มีรสเผ็ด หวานขม แก้บวม บำรุงไฟธาตุ มีคุณเสมอกับกุ่มบก

ใบตากแห้ง สามารถนำใบมาตากแห้งโดยการตากในที่ร่มอย่าให้โดนแดดเมื่อแห้งสน ิทดีแล้วนำมาป่นเป็นผงบรรจุในหลอดแคปซูลเพื่อสะดวกแก่การพกพาใน กรณีที่เดินทางและหาใบสดไม่ได้ใช้ทำเป็นน้ำชาไว้ดื่มได้ตลอดวัน
เก็บผงมะรุมไว้ในที่มืดเช่นขว ดพลาสติกชนิดทึบเพื่อกันการเสื่อมคุณภาพ


ให้กินใบมะรุมสดจะช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับโลหิตจาง
ใบอ่อน ช่อดอกและฝักอ่อน ช่อดอกนำไปดองเก็บไว้กินกับน้ำพริก ยอดมะรุม ใบอ่อน ช่อดอก และฝักอ่อนนำมาลวกหรือต้ทให้สุก จิ้มกับน้ำพริกปลาร้า น้ำพริกแจ่วบอง กินแนมกับลาบ ก้อย แจ่วได้ทุกอย่าง หรือจะใช้ยอดอ่อน ช่อดอกทำแกงส้มหรือแกงอ่อมก็ได้
ประกอบอาหารเช่นเดียวกับการใช้ผักขมฝรั่ง หรือปรุงเป็นซอสข้นราดข้าวหรืออาหารแป้งอื่นๆ นอกจากนี้ ใช้ใบตากแห้งป่นเก็บไว้ได้นานโรยอาหาร เช่นเดียวกับที่ภูมิปัญญาอีสานจังหวัดสกลนครใช้ใบมะรุมแห้งปรุง เข้าเครื่อง "ผงนัว" กับสมุนไพรอื่นไว้แต่งรสอาหารมาแต่โบราณ ส่วนฝักอ่อนปรุงอาหารเหมือนถั่วแขก


ต่างประเทศใช้ใบ
และยอดอ่อนปรุงรสเป็นน้ำซุป
ในอินเดียใบอ่อนฝักดอกใช้เป็นอาหารทุกส่วน ของมะรุมใช้เป็นยาเช่นใช้บำบัดโรคท้องมานปวด
บวมตามข้อ บำรุงหัวใจ
ใบอุดมด้วยไวตามินเอและซีใช้ในโรคลักปิดลักเปิดและโรคเยื่อ เมือกอักเสบ
ใบตำเป็นยาพอกแผลดอกเป็นยาบำรุงขับน้ำตาลและขับปัสสาวะเมล็ดมีรสขมใช้เป็นยาแก้ไข้
น้ำมันจากเมล็ดทาแก้โรคปวด
เอาใบคลุกกับดินแก้โรคราในพืชได้ด้วย

มีคนรู้จักเล่าให้ฟังเมือนว่าเอาใบมาตากแห้งแล้วบดละเอียด
ชงกินเช้าเย็น ลุงเป็นอัมพาตจากที่เดินไม่ได้ก็เริ่มเดินได้แล้ว

จากคุณ : penoo


เป็นมะเร็งถุงนำดีระยะ ๓ กินมะรุมมา ๒ เดือน
คุณ หมอบอกเชื้อมะเร็งในเลือดลดลง
แข็งแรงดี งดอาหาร หวาน มัน เค็ม กินแต่เนื้อปลา กุ้งนิดหน่อย
กินผักมากขึ้นและก็กินหญ้าปักกิ่งทุกวัน

มะรุมเป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง ขยายพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำ


มะรุม เป็น 1 ในสุดยอดวัตถุอาถรรพย์ที่คนโบราณ เอามาแกะลงยันต์พกพาติดตัวไปมีแต่คนมารุมหลงรัก คนค้าขายพกไปด้วยมีแต่คนมารุมซื้อจนไม่พอขาย ปลูกไว้กับบ้านมีแต่คนมารุมคบหา ชุมนุมสังสรรค์ อุดหนุนช่วยเหลือเกื้อกูล ใบมะรุมเป็นหนึ่งใน 9 วัตถุอาถรรพย์ที่ใช้ในการทำเสน่ห์ยาแฝด และใช้ทำผงอิธิเจ


อ้างอิง
//topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2008/01/J6210140/J6210140.html

//thaiherbclinic.com/node/141

นิตยสารหมอชาวบ้านปีที่ 29 ฉบับที่ 338 มิถุนายน 2550







Create Date : 22 พฤษภาคม 2552
Last Update : 10 สิงหาคม 2559 10:28:15 น. 0 comments
Counter : 2429 Pageviews.

ใจรัก Jairuk Channel
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 91 คน [?]








ติดตามดูต่อที่YouTube

ใจรักJairukChannel



ติดตามดูต่อที่Facebook

ใจรักJairukChannel



แนะนำให้ชม

บัวหิมะ
บัวหิมะ
วิธีเลี้ยงบัวหิมะ
เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน
บั้งไฟพญานาคที่ไปดูมา
ติดอันดับTOP Page Views
อาหารและการดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยมะเร็งและคนทั่วไป
เที่ยวขอนแก่น
Michael Jackson
คอนเสิร์ตบอย Peacemaker
คลิปเจ้าขุน
การกลับมาของX Japan

ท่องเที่ยว

UFOที่เคยเห็น
บั้งไฟพญานาคที่ไปดูมา
หาดใหญ่และปัตตานี
ไข่มุกอันดามัน
อะ พีพี
เกนติ้ง
กัวลาลัมเปอร์
หาลิงเข้าถ้ำทะเลภูเขาเลยจ้า นอนดูหมอกที่ปราจีนบุรี
เที่ยวปราจีนบุรีต่อ
เลยจะถึงไหมละนี่
พักค้างแรมที่เลย
เลยจนเกือบถึงลาว
ขุดกรุเขื่อนป่าสัก
บึงแก่นนคร ขอนแก่น
พระธาตุขามแก่น
เดินทางไปลพบุรี
กินข้าวอิงภูชัยภูมิ
ลาว เวียงจันทร์
ลาว2
ปิดทริปเที่ยวลาว
ล่องเรือเจ้าพระยา
รถไฟลอยฟ้า ฟ้า ไทย
รถไฟใต้ดินไทย
ทะเลน้ำจืดหาดวังโกขอนแก่น บ้านปราสาทโคราช
วังน้ำเขียวโคราช
ชอปปิ้งหนองคาย
ตัวเมืองขอนแก่น
น้ำผุดทับลาว ชัยภูมิ
สนามหลวง2
ไปดูงานศิลป
สายน้ำกับปลาที่ไปปล่อย
งานExpro
เขื่อนอุบลรัตน์
เที่ยวป่าวัดพรไพรวัลย์
ล่องแพอ่างเก็บน้ำห้วยไร่
ทะเลหมอกภูพานน้อย
วัดเจดีย์ชัยมงคล
ครั้งหนึ่งที่เคยโบกรถ
น้ำหนาว,เพชรบูรณ์
พระพุทธชินราช,พระธาตุลำปางหลวง
น้ำพุร้อน,วัดร่องขุ่น
มหาลัยแม่ฟ้าหลวง,น้ำตกก้างปลา
เวียงแก่น,ภูชี้ฟ้า
ดอยแม่สลอง
อุทยานฯขุนแจ
สวนโลกราชพฤกษ์
วัดเจดีย์7ยอด,วัดเจดีย์หลวง
ดอยสุเทพ,ทุ่งสแลงหลวง
โครงการครูบ้านนอก
วัดหลวงพ่อโตใหญ่ที่สุดในโลก
ที่พักปากช่อง
เลย-ลาว-ท่าลี่
ถึงระยองแล้วจ้า
ทะเลตอนเช้า
งานเที่ยวภาคใต้






Friends' blogs
[Add ใจรัก Jairuk Channel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.