|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
การหาอัตตา ด้วยการวิภาคอัตตาสมมติ
การหาอัตตา ด้วยการวิภาคอัตตาสมมติ ๔ ประเภท
พระพุทธศาสนาได้กำหนดวิธีการพิสูจน์อัตตาตามทัศนะของฝ่ายที่เชื่อว่า มีอัตตาตัวตนเป็นอมตะไว้ ๔ ระดับ แต่เรียกว่า อัตตาสมมติ จากนั้นได้วิเคราะห์แยกส่วนประกอบของอัตตาที่กล่าวถึงออกจากกันเพื่อค้นหา ความเป็นอัตตาอมตะดังที่มีการเชื่อกันอย่างละเอียด โดยแยกออกพิสูจน์
๑. อัตตาประเภทที่ ๑ อัตตาอย่างหยาบ (Self of Body) หมายถึง อัตตาที่ประกอบด้วยร่างกาย (รูป) ซึ่งประกอบรวมตัวกันขึ้นมาจากมหาภูตทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ และลม มีการดำรงอยู่ได้ด้วยปัจจัยอย่างหยาบๆ ด้วยการบริโภคอาหาร อุณหภูมิ อากาศ เป็นต้น ได้แก่ร่างกายของมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น เมื่อแยกส่วนประกอบของอัตตาชนิดนี้อย่างละเอียดจะเห็นส่วนประกอบของร่างกายทั้งหมดมีเพียง ๒๘ ชนิด ได้แก่
มหาภูต รูป ๔ (ธาตุ ๔) และ อุปาทายรูป (รูปที่อาศัยมหาภูตรูปนั้นเกิด) อีก ๒๔ รวมเป็น ๒๘ ชนิด และสัตว์ที่เกิดในบางภพกันอาจมีร่างกายไม่ครบทั้ง ๒๘ อย่างนี้ก็ได้ขึ้นอยู่กับภพที่เกิดเป็นสำคัญ พระพุทธศาสนามองว่า ร่างกายหรือรูปทั้งหมดนั้นเกิดจากบิดามารดา เจริญวัยได้เพราะอาหาร ดำรงชีพอยู่ด้วยลมหายใจ พร้อมด้วยเตโชธาตุ เป็นต้น และแตกดับสูญได้ในที่สุด อัตตาประเภทนี้ไม่มีส่วนใดที่ดำรงเป็นอัตตาอมตะมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดรตามที่เข้าใจผิดกัน
๒. อัตตาประเภทที่ ๒ อัตตาที่เกิดขึ้นด้วยใจ (Self of Mind) หมายถึง อัตตาที่เกิดขึ้นได้เองด้วย จิตไม่ต้องอาศัยบิดามารดาทำให้เกิด และมีอวัยวะทุกส่วนสมบูรณ์ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง ได้แก่ พวกโอปปาติกะ เช่น พวกเทวดา พวกสัตว์นรก และ พวกรูปพรหม เป็นต้นจัดเป็นสัตว์ที่อยู่ในชั้นรูปภพ ที่เกิดได้เองด้วยอำนาจสมาธิขั้นรูปฌาน และเป็นปัญจโวการภพ (ภพของสัตว์ที่มีขันธ์ห้า) เช่นเดียวกับอัตตาที่หนึ่ง แต่ร่างกายของอัตตาชนิดที่สองนี้ จะมีองค์ประกอบเพียง ๒๓ ชนิด โดยอัตตาในชั้นนี้จะไม่มีฆานปสาท ชิวหาปสาท กายปสาท เพศหญิง และเพศชาย
๓. อัตตาประเภทที่ ๓ อัตตาประเภทละเอียดที่ไม่มีรูปร่างปรากฏ (Self of Formlessness) หมายถึง อัตตาประเภทที่ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยสัญญาเป็นหลัก ได้แก่ พวกอรูปพรหม ๔ ประเภท คือ พวกอากาสานัญจายตนพรหม (พรหมที่ทำสมาธิอยู่ด้วยการเพ่งจิตอยู่ที่อากาศ) พวกวิญญาณัญจายตนพรหม (พรหมพวกที่ความรู้บูรณาการสู่สังคมไทยทำสมาธิอยู่ด้วยการเพ่งวิญญาณ) พวกอากิญจัญญายตนพรหม (พรหมพวกที่ทำสมาธิอยู่ด้วยการกำหนดดับจิต)
และ พวกเนวสัญญานาสัญญายตนพรหม (พรหมพวกที่มีสมาธิประณีตดับสัญญาหยาบได้เหลือแต่สัญญาละเอียดแต่ไม่แสดงอาการ) จัดเป็นสัตว์ที่อยู่ในชั้นอรูปภพเป็นพรหมพวกที่เกิดได้เองด้วยอำนาจของสมาธิขั้นอรูปฌาน และเป็นจตุโวการภพ หมายถึง ภพของสัตว์ที่มีขันธ์สี่ คือ มีเฉพาะ เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ สัตว์ในภพนี้จะไม่ประกอบด้วยร่างกายส่วนใด ๆ เลย มีเพียงสภาวะจิตอย่างเดียวเท่านั้น
๔. อัตตาประเภทที่ ๔ อัตตาที่ไม่มีสัญญา (Self of Non Perception) ได้แก่ อสัญญีสัตว์ หรืออสัญญีสัตตายตนะ คือ สัตว์ชนิดหนึ่งที่ไม่มีสัญญา ไม่มีความนึกคิดใด ๆ มีเพียงรูปกายอย่างเดียวเท่านั้นเกิดอยู่ ในคราวใดที่สัญญาความทรงจำเกิดขึ้นเขาจะจุติจากความเป็นอสัญญีสัตว์ทันที) พวกนี้เกิดด้วยอำนาจสมาธิขั้นอสัญญีฌาน (ของผู้ที่ยึดมั่นในอัตตา)
ใน อสัญญาภพ และเป็นเอกโวการภพ หมายถึง ภพของสัตว์ที่มีขันธ์เดียว คือ รูปขันธ์ และร่างกายนั้นมีองค์ประกอบเพียง ๑๗ อย่าง คือไม่มีจักขุปสาท โสตปสาท ฆาน ปสาท ชิวหาปสาท กายปสาท เสียง เพศหญิง เพศชาย หทัย กายวิญญัติ (ไม่เคลื่อนไหว) และวจีวิญญัติ (ไม่พูด) และ อัตตาประเภทนี้ไม่ประกอบด้วยจิตเลย (ที.ปา.(ไทย ) ๑๑/๔๖/๓๓
การจำแนกส่วนประกอบของร่างกายโดยวิธีนี้ ทำให้ทราบองค์ประกอบของร่างกายแต่ละส่วนว่าไม่มีส่วนใดมีอัตตาอมตะซ่อนอยู่ ไม่ใช่อัตตาตัวตนคงที่ ตามทัศนะของฝ่ายที่คิดว่า ร่างกายนั้นเป็นอัตตา และคิดว่า เรานั้นตายไปแล้วจักเป็นผู้เที่ยง ยั่งยืน คงที่ ไม่มีความแปรผัน จักดำรงอยู่เทียบเท่าสิ่งคงที่อย่างนั้น (ม.มู.(ไทย) ๑๒ / ๒๔๒/๒๕๘.)
เมื่อผลแห่งการพิสูจน์ทางกายวิภาคปรากฏให้เห็นภาพที่ชัดเจนเช่นนี้แล้ว พระพุทธศาสนาจึงได้สรุปว่า ร่างกายของสัตว์ในภพใด ๆ ก็ตาม มีความไม่เที่ยง (เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา) ขึ้นต่อปัจจัยไม่เป็นอมตะ มีความเป็นทุกข์ และไม่มีอัตตา (อนัตตา)
เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น
Create Date : 18 มีนาคม 2552 |
Last Update : 18 มีนาคม 2552 1:08:24 น. |
|
1 comments
|
Counter : 715 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อัสติสะ วันที่: 18 มีนาคม 2552 เวลา:19:06:51 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
ไม่ใช่คนดี แต่เบื่อหน่ายที่จะทำในสิ่งที่เลวร้าย
งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้ถึงจะเป็นของผู้เขียน อนุญาตให้คัดลอก ดัดแปลงหรือนำไป เผยแพร่ต่อด้วยวิธีใดๆ ก็ได้ ตามใจผู้ที่ต้องการปรารถนา ผู้เขียนไม่ต้องเครดิต ไม่ต้องอ้างอิง ขอให้ผู้ที่นำไปเผยแพร่เป็นคนดี แค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว
Non Copyright Act B.E. 2537
|
|
|
|
|
|
|