ชีวิตนี้ เพื่อลมหายใจผู้อื่น
Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น “เส้นทางสู่ความเหนือมนุษย์”

โดย นิทเช่, Friedrich Nietzsche นักปรัชญาผู้อื้อฉาว เจ้าของวลี "พระเจ้าตายแล้ว"



ฟรีดิช นิทเช่ (Friedrich Nietzsche ๑๘๔๔ - ๑๙๐๐) นักปรัชญาผู้มีเชื้อสายของหมอสอนศาสนานิกายลูเธอรัน และสืบเชื้อสายตระกูลขุนนางโปแลนด์ เขาเป็นศาสตราจารย์ เมื่ออายุ 25 ปี. ผู้เขียนหนังสือปรัชญาด้วยภาษากวีนิพนธ์ งานสำคัญของเขา คือ พจนาซาราทุสตรา (Thus Spoke Zarathustra) ซึ่งเป็นที่มาของวลี “พระเจ้าตายแล้ว” ซึ่งเป็นผลทำให้เขาได้รับการกล่าวขานว่าเป็นนักปรัชญาผู้อื้อฉาว หรือกบฏในทางปรัชญา

นิทเช่ เขียนหนังสือแนวปรัชญามากมาย ที่สำคัญคือ The Geology of Morals ว่าด้วยศีลธรรมเชิงวิเคราะห์ที่ชัดเจนที่สุด แนวคิดปรัชญาสมัยใหม่เช่น จิตวิเคราะห์ (psychoanalysis) ของ Sigmund Freud หรือ อัตถิภาวนิยม (Existenialism) ของ Jean Paul Sarte หรือกระทั่งลัทธิ Postmodern ล้วนมีแรงบันดาลใจจาก นิทเช่

นิทเช่ ถือว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีขึ้นในเอกภพ เป็นการแสดงออกของพลังดิ้นรนอันเป็นธาตุแท้ของความเป็นจริง ซึ่ง นิทเช่ เรียกว่าเป็นเจตจำนงที่จะมีอำนาจ (The Will – to – Power) พลังนี้เมื่อแสดงออกเป็นหน่วย ๆ แล้วก็สำแดงฤทธิ์เดชออกให้เห็นว่า ต่างก็ดิ้นรนเพื่อเป็นใหญ่เหนือกันและกัน แต่ทว่าหน่วยต่าง ๆ มีความเข้มข้นไม่เท่ากัน ส่วนใดเข้มข้นมากกว่าก็จะเอาเปรียบหน่วยที่เข้มข้นน้อยกว่า เช่นพืชเอาเปรียบแร่ธาตุ สัตว์เอาเปรียบแร่ธาตุและพืช มนุษย์เอาเปรียบแร่ธาตุ พืช และสัตว์ ในหมู่มนุษย์ด้วยกันเองก็มีพลังดิ้นรนเข้มข้นไม่เท่ากัน คนที่มีพลังเข้มข้นมากกว่าจะฉลาดกว่าหรือเข้มแข็งมากกว่า และจะเอาเปรียบคนที่โง่กว่าหรืออ่อนแอกว่า

การเอาเปรียบเหล่านี้แหละที่ศาสดาทั้งหลายเรียกว่ากิเลส บางคนกิเลสหนาแต่ก็รู้จักแสดงเป็นคนกิเลสบางเพื่อได้รับการยกย่องสรรเสริญและได้เปรียบคนอื่น นั่นเป็นความฉลาดของเขา บุคคลใดบรรลุญาณวิเศษก็จะเห็นข้อเท็จจริงเหล่านี้แจ่มแจ้งชัดเจน

อย่าว่าพรรณโน้นพรรณนี้เลย เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น

นิทเช่ แบ่งมนุษย์ออกเป็น ๓ ประเภท หรือ ๓ ระดับ คือ

๑) ระดับทาส มนุษย์ในระดับนี้จะไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะกลัวความรับผิดชอบ ไม่มีความคิดของตัวเอง นิยมเดินตามที่คนส่วนมากยอมรับ ไม่กล้าทำอะไรผิดแผกไปจากผู้อื่น เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนประเภทนี้ส่วนมากคิดว่าการถือตามศีลธรรมแบบทาส (slave morality) เช่นนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว เพราะปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องคิดและไม่ต้องรับผิดชอบ เพียงแต่ยอมให้เกียรติคนบางคนที่มีอำนาจเหนือตนก็พอแล้ว นิทเช่ ถือว่าพวกนี้คิดสั้น คิดว่าการกระทำเช่นนี้เป็นความฉลาด แต่นั่นหาใช่อุดมการณ์ของความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ไม่

๒) ระดับนาย มนุษย์ระดับนี้กล้าได้กล้าเสีย และกล้าเสี่ยงเพื่อความเป็นใหญ่เหนือคนอื่น เขาจะทำอะไรตามใจ โดยถือคติว่าตายเสียดีกว่ายอมจำนน เมื่อเขากล้าเสี่ยงเช่นนี้ มนุษย์ระดับทาสก็จะเกรงกลัวยึดถือเป็นที่พึ่งและยอมให้เป็นนาย เขาจึงถือศีลธรรมแบบนาย (master morality) ครั้นมีคู่แข่งก็จะต้องต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง แต่ถ้าหากพบผู้ที่มีพลังเข้มข้นแสดงความเป็นนายเหนือตนมาก ๆ เห็นว่าไม่มีประตูสู้แน่ ๆ เขาจะยอมจำนนโดยถือศีลธรรมแบบทาส ทั้งนี้เพื่อจะได้มีโอกาสใช้ศีลธรรมแบบนายกับผู้ที่อ่อนแอกว่าต่อไปได้โดยสะดวก บางครั้งเขาอาจจะยอมจำนนต่อคู่แข่งที่มีพลังไล่เลี่ยกับตนชั่วคราว เพื่อหาโอกาสล้มล้างในเวลาต่อมา

นิทเช่ คิดว่ามนุษย์ในระดับนายมีพลังเข้มข้นกว่ามนุษย์ระดับทาส จึงเอาเปรียบทุกคนและทุกสิ่งที่อ่อนแอกว่าตนในทุกวิถีทาง พวกนี้ทำความเจริญให้แก่มนุษยชาติ แต่ก็สร้างความเดือดร้อนให้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งมนุษย์ระดับทาส และระดับนายต่างก็มีกิเลสเป็นเครื่องนำทาง จึงต่างก็เป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ด้วยกันทั้งสิ้น

๓) ระดับอภิมนุษย์ (superman หรือ overman ตรงข้ามกับ subman ) มนุษย์ในระดับนี้ได้แก่นักปราชญ์ผู้เห็นแจ้งในสัจธรรม รู้ว่าเบื้องหลังของสิ่งที่ปรากฏทั้งหลาย คือเจตจำนงที่จะมีอำนาจ รู้ว่าพลังหน่วยย่อยทั้งหลาย จึงตกเป็นเหยื่อแห่งการเอาเปรียบกันอย่างไม่รู้จบสิ้น นิทเช่ คิดว่าศาสดายิ่งใหญ่ทั้งหลายในอดีตได้เห็นสัจธรรมนี้มาแล้ว แต่ไม่สามารถพูดออกตรง ๆ อาจเป็นเพราะยังไม่พบคำศัพท์ที่เหมาะสมหรืออาจจะกลัวผู้ฟังไม่เข้าใจ อภิมนุษย์ย่อมมีใจอุเบกขา มีใจสงบ ไม่ตะเกียกตะกาย เพราะรู้ข้อเท็จจริง

มนุษย์เราเกิดมาจะอยู่ในระดับทาสหรือระดับนายอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วแต่ว่าได้ส่วนแบ่งจากพลังธรรมชาติมาเข้มข้นเพียงไร ไม่ว่าจะเกิดมาในระดับใดก็ย่อมไม่สมบูรณ์ หากไม่ปรับปรุงตัวเองก็จะมีความทุกข์และก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เพราะต่างก็เห็นแก่ตัว พยายามดิ้นรนเอารัดเอาเปรียบกันและกัน ทางพ้นทุกข์มีอยู่อย่างเดียวคือ แต่ละคนจะต้องมุ่งปรับปรุงตัวเองให้เป็นอภิมนุษย์ วิธีปรับปรุงก็คือศึกษาปรัชญาให้รู้สัจธรรมอันแท้จริง และฝึกฝนตนให้มีใจอุเบกขาและสงบ หากในโลกนี้ทุกตนเป็นอภิมนุษย์กันทั้งหมด มนุษย์เราจะอยู่กันอย่างสงบสุข ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน

เพื่อนเอ่ย สูเจ้าต้องการสิ่งใด ในโลกนี้ มากมายนัก เจ้าได้ชีวิตมา ยังไม่พออีก ฤา

ตัดต่อพันธุกรรม จากหนังสือ วิถีสู่อภิมนุษย์






Create Date : 03 มีนาคม 2551
Last Update : 3 มีนาคม 2551 15:34:21 น. 2 comments
Counter : 946 Pageviews.

 
ขอบพระคุณสำหรับบทความดีดีค่ะ

ชอบมากเลย


โดย: โสมรัศมี วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:20:10:58 น.  

 
เรื่องที่ท่านอ้างมา
คนส่วนใหญ่เขาว่า
ไอ้หมอนี้มันบ้า
ที่ศาสตราจารย์ชอบอ้างถึง


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:23:45:26 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

บ้าได้ถ้วย
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ไม่ใช่คนดี แต่เบื่อหน่ายที่จะทำในสิ่งที่เลวร้าย

งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้ถึงจะเป็นของผู้เขียน อนุญาตให้คัดลอก ดัดแปลงหรือนำไป เผยแพร่ต่อด้วยวิธีใดๆ ก็ได้ ตามใจผู้ที่ต้องการปรารถนา ผู้เขียนไม่ต้องเครดิต ไม่ต้องอ้างอิง ขอให้ผู้ที่นำไปเผยแพร่เป็นคนดี แค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว

Non Copyright Act B.E. 2537
Friends' blogs
[Add บ้าได้ถ้วย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.