ก้าวหน้าไปข้างหลัง หรือ ถอยหลังไปข้างหน้า
บ้าได้ถ้วย ในช่วงก่อนนี้มักคิดว่า การศึกษาสอนให้มนุษย์เรียนรู้เพื่อจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาสังคม ประเทศชาติ และเพื่อมวลมนุษยชาติได้สำเร็จ แต่ ณ ปัจจุบัน ความคิดนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ผู้ที่ได้รับการศึกษายังมิใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์สักเท่าไหร่
การศึกษาที่ดี คือการกระตุ้นให้ผู้เรียนรู้ได้ใช้สติปัญญาอันบริสุทธิ์ของตนเอง การศึกษาที่บริสุทธิ์ใช่ว่าจะต้องได้รับจากสถานศึกษาในถ่ายเดียว การศึกษาที่ได้รับการกระตุ้นจากธรรมชาติก่อให้เกิดเป็นสติปัญญาอันบริสุทธิ์ก็มีมาไม่เคยขาด
การศึกษาทุกวันนี้นับวันจะทำให้เราใช้ความคิดน้อยลงทุกที และแทบจะไม่ได้ช่วยให้เราตระหนักถึงความถนัดที่แท้จริง มุ่งพัฒนาสติปัญญาด้วยการสอนทฤษฎี และข้อเท็จจริงมากมาย แต่มิได้สอนให้เข้าใจขบวนการทั้งหมดของชีวิต เรามีสติปัญญาเฉียบแหลม แต่พัฒนาจิตใจอันแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
โลกกำลังเสื่อมลงทรามลงทุกที มนุษย์ผู้ชาญฉลาดกลับไปถกเถียงทฤษฎี และคำถามการเมืองอันไร้สาระ เราสนุกในการหาช่องว่างที่ผู้อื่นมองไม่เห็นแล้วบอกว่า เก่งกว่า โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบมวลหมู่มาก นี่มิใช่การสิ้นคิดของมนุษย์บางคนหรือ
อาจตอบว่าใช่ แต่ก็ต้องดำรงชีวิตเหมือนเดิม คือกระทำในสิ่งที่เคยกระทำต่อไป นั่นคือเรื่องน่าเศร้าของชีวิต เมื่อตระหนักถึงความจริงแต่ไม่ลงมือทำอะไรเลยมันจะกลายเป็นไวรัสร้ายแทรกซึมอยู่ในตัวเรา ไวรัสร้ายนี้จะแผ่กระจายทำให้จิตใจเสียสมดุล และสุขภาพเสื่อม
เราต้องผ่านการสอบตามที่สังคมกำหนด และถ้าโชคดีก็จะได้งานทำ ซึ่งงานนั้นจะกลายเป็นกิจวัตรที่ต้องทำไปตลอดชีวิต เราอาจจะเกลียดงานนั้น แต่ไม่มีทางเลือกเพราะเราไม่มีทางทำมาหากินอย่างอื่น เราอาจต้องการทำงานที่แตกต่างจากไปจากอาชีพที่เราชอบโดยสิ้นเชิง เราจึงกังวล และกลัวความรับผิดชอบ เราจึงหาทางระบายออกทางกามารมณ์ เสพของมึนเมา หมกมุ่นอยู่ในความเพ้อฝัน
เมื่อความทะเยอทะยานของเราได้รับการขัดขวางจากภายในจิตใจ เราจึงมุ่งสนองกิเลสเต็มที่ กลายเป็นการสร้างปัญหาให้สังคมอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งนำชีวิตเราไปสู่ความทุกข์ ความโง่ คือ ความไม่รู้ ไม่รู้ในวิถีแห่งอัตตา และเราจะไม่สามารถขจัดความโง่นี้หมดไปได้ เพียงแต่แก้ไขหรือปรับปรุงเพียงผิวเผินเท่านั้น
สิ่งที่เราต้องตระหนักอยู่เสมอ คือ ชีวิตเราไม่เพียงถูกกำหนดโดยสภาพแวดล้อมเท่านั้น เรายังเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมอีกด้วย เราไม่สามารถแยกออกมาจากสังคมได้ ความคิดและปฏิกิริยาในตัวเราได้รับการวางโปรแกรมเรียบร้อยแล้ว จากค่านิยมต่างๆ ในสังคม ซึ่งเราก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมนี้
เราเป็นมนุษย์ ต้องทนทุกข์ไปตามชะตากรรม ทุกคนต่างต้องทุกข์เป็นธรรมดาของโลก นักจิตนิยม มักหนีความจริงหรือหนีจากสภาพที่เป็นอยู่ นักวัตถุนิยม มักปฏิเสธนามธรรมอันลึกล้ำ ทั้งสองมีวิธีหนีปัญหาทุกข์ซับซ้อนแตกต่างกัน มีความทะเยอทะยานและขัดแย้งในแบบของตน อันเป็นสาเหตุทำให้โลกนี้เกิดความวุ่นวาย และความทุกข์เช่นกัน
เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น
Create Date : 10 สิงหาคม 2551 |
|
88 comments |
Last Update : 10 สิงหาคม 2551 2:19:47 น. |
Counter : 1781 Pageviews. |
|
|
|
แต่เพราะสุขภาพและการเลือกที่จะทำเพื่อผู้อื่นทำให้ชีวิตฉันหักเหมาด้านนี้ พอได้เข้ามาเป็นครูจริง ๆ จึงรู้ว่าการเป็นครูที่ดีนั้นมันยากมาก เพราะนอกจากจะต้องสอนคนให้มีความรู้แล้ว คุณต้องสอนให้เขาเป็นคนดีไปพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนทุกคนมีความแตกต่าง และนักเรียนในแต่ละวัยก็ต้องใช้วิธีการที่แตกต่าง จึงมีครูหลายคนที่ละทิ้งซึ่งการ ฝนทั่งให้เป็นเข็ม ทำก็คือ ทำหน้าที่ให้เสร็จสิ้นไปแต่ละวัน
วิถีแห่งอัตตา คุณใช้คำนี้ ทำให้ฉันคิดว่าเราน่าจะมีความคิดที่คล้าย ๆ กัน
แต่บางครั้งฉันก็รู้สึกเหนื่อย จนตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไปเพื่ออะไร
ขอให้คุณและคนรอบ ๆ ตัวคุณ มีความสุขกับชีวิต
สู้ ๆ สู้ตาย