เที่ยวชิลล์ชิลล์ อิ่มเวอร์เวอร์ หลีเป๊ะ-ลังกาวี ตอนที่ 3

ผ่านไปสามวันอย่างรวดเร็ว กับตอนที่ 3 แล้วครับ วันนี้เป็นวันที่จะต้องออกไปดำน้ำ เที่ยว ตามเส้นทาง วงใน ก้อจะมี เกาะหินงาม เกาะราวี เกาะผึ้ง ร่องน้ำจาบังครับ

เช้านี้เล่นเอาใจไม่ดีครับ เพราะตื่นเช้ามาเจอบรรยาศเมฆเต็มท้องฟ้าเลยทีเดียว แต่สักประมาณเจ็ดโมงเช้า อากาศก้อแจ่มใส ถามว่าทำไมต้องใจไม่ดีเหรอครับ ก้อเพราะการดำน้ำ หากอากาศไม่แจ่มใส ท้องฟ้าไม่โปร่ง การดำน้ำตื้น มันจะมองอะไรไม่เห็น แล้วมันจะทำให้การดำน้ำไม่สนุกสนานครับ

กับภาพนี้ แสงของวันนี้ครับ



หลังจากอิ่มกับอาหารเช้า พวกเราก้อพร้อมสำหรับการออกเดินทางครับ



จุดแรกที่เราจะพาไปเที่ยวกันคือ เกาะหินงาม



เกาะหินงามเป็น เกาะขนาดเล็กทางทิศใต้ของเกาะอาดัง ทั้งเกาะเต็มไปด้วยหินสีดำกลมเกลี้ยง มันวาว ยามโดนคลื่นซัดทำให้ ก้อนหินเป็นมันวาวยิ่งขึ้น กลางเกาะเป็นป่าไม้สีเขียวเข้าสมบูรณ์ ในขณะที่เกาะอื่นๆเด่นเรื่องหาดทรายขาวสะอาด แต่เกาะหินงาม ไร้ทรายนี้กลับโดดเด่นกว่าเกาะใดๆในสตูล เล่ากันว่าหินทุกก้อนมีคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตาหากใครนำติดตัวไปจะเกิดหายนะ แต่หากไปชมแล้วเรียงก้นอหินได้ 12 ก้อน แล้วอธิษฐานขอพรก็จะไ้ด้สมปารถนาทุกสิ่งทุกอย่าง





หลังจากนั้น เราก้อไปทานอาหารกลางวันกันที่ เกาะราวีครับ เกาะราวี จะมีหาดทรายขาว มีห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีหน่วยย่อยของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ส่วนโปรแกรมในวันนี้ ค่อนข้างจะชิลล์มาก เนื่องจาก เราทานอาหารกลางวันกันเสร็จ ต่างคนก้อต่างพักผ่อนกัน ส่วนผมก้อถ่ายภาพให้ลูกค้า



หลังจากนั้น ก้อเดินทางกลับเข้าเกาะหลีเป๊ะ ต่อด้วยการเล่นน้ำในสระว่ายน้ำของที่พัก



ช่วงเย็นวันนี้ ก้อเป็นมื้อเย็นมื่อสุดท้ายบนเกาะหลีเป๊ะ มื้อนี้ ทางทีมงานจัดให้เต็มทีตามเคย ทั้งปลาหมึกย่าง ปลาเผา กุ้่งเผา อร่อย อิ่ม กันจนเดียวกลับที่พักกันไม่ไหวเลย



หลังจากนั้นก้อแยกย้ายกันพักผ่อน สำหรับการเดินทางสู่เกาะลังกาวีในวันพรุ่งนี้

เช้าวันที่สี่ของการเดินทาง สภาพอากาศไม่ดีเลย ท้องฟ้าไม่แจ่มใส กับภาพนี้ก่อนบาย บาย ที่พัก



เราออกเดินทางจาก เกาะหลีเป๊ะด้วย เรือสปีทโบท เที่ยวเวลา 09.30 น. เรือใช้เวลาประมาณเกือบสองชั่วโมง มาถึงท่าเรือปากบารา หลังจากนั้น เราก้อออกเดินทางต่อไปยัง ท่าเรือตำมะลัง ที่สตูล เพื่อต่อเรือเฟอร์์รี่ สู่เกาะลังกาวีกัน ด้วยเที่ยวเรือ เวลา 13.00 น.

กับภาพนี้ ที่ ท่าเรือตำมะลัง



หลังจากผ่าน ตม.มาแล้ว ก้อจะมาเป็นบริเวณท่าเรือสำหรับการลงเรือเฟอร์รี่่



เรือจะใช้เวลาในการเดินทางจากท่าเรือตำมะลังไปยังท่าเรือเกาะลังกาวี ประมาณ 1 ชม. หลังจากนั้น เราก้อต้องผ่าน ตม.ของมาเลเซีย ผมแนะนำนะครับ ให้ดูช่องที่เจ้าหน้าที่ผู้ชายทำงาน เพราะจะเร็วกว่า ตม.ผู้หญิง

การเดินทางในเกาะลังกาวี ทริปนี้ เราใช้รถตู้เป็นยานพาหนะ นั่งได้ทั้งหมด 9 ท่าน ส่วนด้านหน้าก้อสงวนให้ไกด์นั่ง

เกาะลังกาวี (ภาษามลายู: Langkawi) เป็นเกาะเล็กตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสหพันธรัฐมาเลเซีย ฝั่งทะเลอันดามัน ของคาบสมุทรมาเลเซีย อยู่ในรัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย ห่างจากเกาะตะรุเตา เพียง 4.5 กม. ซึ่งใกล้กับชายแดนไทย อยู่ห่างจากเมือง กัวลาเปอร์ลิสประมาณ 30 กม. และเมืองกัวลาเคดะห์ 51 กม. ประกอบด้วยกลุ่มเกาะเมืองร้อนจำนวน 99 เกาะ เกาะใหญ่รู้จักทั่วไปในชื่อว่า เกาะลังกาวี

เกาะลังกาวี หากไม่มีเรื่องราวของนางมัสสุหรีแล้ว เกาะแห่งนี้ก็คงเหมือนเกาะทั่วๆไป นางมัสสุหรีนั้นเป็นหญิงสาวผู้หนึ่งที่เกิดมีเหตุการณ์สำคัญทำให้นางเสียชีวิต บนเกาะลังกาวีแห่งนี้ พร้อมกับคำสาปแห่งการแสดงความบริสุทธิ์ คือ โลหิตสีขาวเหมือนยางพารา

การแลกกันระหว่างชีวิตและคำสาปแช่งเป็นบทพิสูจน์สุดท้ายที่นางพยายามดิ้นรนออกจากการถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมนั้น เป็นบทพิสูจน์ที่ทำให้เกาะลังกาวีได้ตกอยู่ในอำนาจของคำสาปที่จมอยู่ในความมืดดำเช่นเดียวกับ ชายหาดที่มีสีดำ นัยว่าเกาะแห่งนี้ถูกอำนาจแห่งความบริสุทธิ์นั้นสาปแช่งให้จมอยู่กับความตก ต่ำ เป็นอาถรรพ์ครอบคลุมมาถึง ๗ ชั่วอายุคน

ตามโปรแกรม เราจะต้องไปนั่งเคเบิ้ลคาร์ก่อน แต่ด้วยสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ ทำให้เคเบิ้ลคาร์ต้องปิดบริการ เราจึงต้องปรับโปรแกรมใหม่ทั้งหมด จึงเป็น ไปเยือน สุสานพระนางมัสสุหรีก่อน

ภาพนี้เป็นสุสานพระนางมัสสุหรี



ส่วนภาพนี้เป็นบ้านของพระนางมัสสุหรี



หลังจากนั้น พวกเราก้อออกเดินทางไปยัง Kilim forest park

ที่อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ จะมีเรือบริการนักท่องเที่ยว ต้องขอบอกเลยนะครับ ว่าปลอดภัย ได้มาตรฐานกว่าบ้านเราเยอะเลย เรือทุกลำใช้เครื่องยนต์แบบเรือสปีทโบ้ท ทุกลำ





Kilim Forest Park ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะลังกาวี มีทิศทัศน์ที่สวยงาม ที่นี่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย เช่น ทะเล ป่าชายเลน ต้นไม้ต่าง มากมาย

ที่นี่ เราจะได้ดูฟาร์มเลี้ยงปลาเสือ ปลากระเบน ได้ดูนกอินทรีย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเกาะลังกาวี







เราะจะได้เจอนกอินทรีย์บินมาโฉบหาเหยื่อรับประทาน



ผมแนะนำนะครับ การมาเที่ยวที่นี่ให้มาช่วงประมาณสัก บ่ายสี่โมงครับ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจะน้อย ความแออัดของเรือจะน้อยกว่า และจะทำให้การนั่งเรือเป็นไปอย่างมีความสุขมากกว่าช่วงกลางวัน

หลังจากนั้น เราก้ออกเดินทางไป shopping กันที่ ตลาดกั๊วห์ครับ ที่นี่เป็นแหล่งซื้อสินค้าปลอดภาษีกันเลยทีเดียว เข้าไปในร้านเราจะสามารถหาสินค้าได้เกือบทุกอย่าง แต่บางอย่างก้อไม่แนะนำนะครับ อย่างเช่น เครื่องครัว ที่บางอย่างก้อนำเข้าจากไทย หรือ จะน้ำหอม ก้อไม่แนะนำครับ เพราะบางอย่างมาจากรัสเซีย อะไรประมาณนี้ ที่แนะนำให้ซื้อ คือ พวกชอคโกเลต ขนมบิสกิต เป็นต้น ที่มาเลเซียจะขึ้นชื่อจำพวกนี้มากเลยทีเดียว



มุมสุรา เบียร์ ไวน์ หรือจะเป็นพวก วอสก้า



หลังจากชอปปิ้งกันพอสมควรแล้ว ก้อเดินทางไปรับประทานอาหารเย็นกัน แถวบริเวณตลาดกัวห์

ปลาราดพริก



ไข่เจียวครับ แต่สู้บ้านเราไม่ได้เลย



เต้าหู้ผัดซอส อาหารของชาวมาเลเซียเลย



กุ้งผัดซอสครับ



หลังจากอิ่มกันแล้ว จะไปที่ไหนไม่ได้แล้ว นั่นก้อคือ เข้าที่พักกัน คืนนี้พวกเราพักที่ โรงแรมเบลล่าวิสต้าครับ





ภาพนี้ภายในห้องนอนครับ ก้อมีอุปกรณ์ตามมาตรฐาน แต่ห้องจะค่อนข้างเล็กไปหน่อย



ติดตาม ตอนที่ 4 กันนะครับ รีวิวปิดทริป

Create Date : 25 พฤษภาคม 2555		0 comments
Last Update : 28 พฤษภาคม 2555 11:43:06 น.
Counter : 7288 Pageviews.
Share Tweet