เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ในที่ทำงาน

STEP 1 : NEW LOOK, NEW SPACE

ถ้า คุณรู้ตัวว่าไม่ได้เป็นหนึ่งในนักแสดงหนังเรื่องเก๋า ขอให้เปิดตา เปิดใจ และเปิดตู้เสื้อผ้าขนชุดทำงานสุดเอาท์ไปบริจาคผู้ประสบภัยน้ำท่วมซะ นอกจากจะเป็นบุญแก่ตัว ยังเป็นบุญตาแก่เพื่อนร่วมงานและเจ้านายอีกด้วย อย่าลืมว่าการเมืองยังปฏิวัติกันได้ แล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองสักที ยกเดือนแรกของปีให้เป็นวันแห่งการเปลี่ยนแปลงด้วยการไปช้อปปิ้งชุดทำงานเก๋ๆ มาใส่ จริงอยู่ที่ความดีไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้าหน้าตา แต่ของแบบนี้มันบ่งบอกภาพลักษณ์และสร้างความน่าเชื่อถือให้คุณได้นะจ๊ะ


>> ชุดเด็ดของสาวทำงานที่ควรมีติดตู้
คุณ อิ๋ว-จิรวรา วีรยวรรธน คอลัมนิสต์ประจำ Inspired by Experts แนะนำให้ซื้อเสื้อผ้าชิ้นสำคัญๆ อย่าง สูท แจ๊คเก็ต เสื้อคาร์ดิแกน กางเกงทรงสวยตัดเย็บเนี้ยบ เนื้อผ้าดี เพราะของพวกนี้ใช้ไปได้นาน แค่เลือกใส่เครื่องประดับที่เหมาะสม ก็ช่วยให้ชุดเก๋ขึ้นอีกเป็นกอง

อย่า ลืมเลือกคุมโทนสีเพื่อให้จับเข้าคู่กันได้ทุกชิ้น ที่สำคัญคือ ให้เลือกแบบที่เหมาะกับตัวเองที่สุดและเรียบๆหน่อย เมื่อได้ชิ้นเบสิกแล้ว อีกหน่อยคุณก็จะเริ่มมองหาเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาเสริมชิ้นหลัก ซึ่งชิ้นเสริมพวกนี้จะช่วยให้ชุดทำงานเรียบๆ ของคุณดูมีชีวิตชีวาและแสดงออกถึงความเป็นตัวคุณได้


>> รองเท้า กระเป๋า และแอสเซสเซอรี่ครบชุด
ควร มีรองเท้าและกระเป๋าอย่างละ 2 สีคือสีดำกับสีเบจ เพราะเข้าได้แทบทุกชุด จากนั้นให้เริ่มสะสมเครื่องประดับเก๋ๆ ที่ราคาไม่แพงนัก ทั้งสร้อยคอ กำไลเงิน ต่างหู หรือแหวนแบบเก๋ๆ เท่ๆ ถ้าชอบพวก ลูกปัดหรือหินสี แนะนำให้เลือกสีเข้ากับเสื้อผ้าและเครื่องประดับอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว แต่ข้อดีที่เด่นชัดคือ หินสีพวกนี้จะช่วยให้ชุดเรียบๆ มีชีวิตชีวาขึ้นทันตาเห็น

ถ้าคุณมีเครื่องเคียงอีก 2 ชิ้นที่รับประกันได้ว่า ถ้ามีและเลือกใช้ให้เหมาะจะสวยเก๋เด่นเด้งกว่าใครๆ นั่นคือถุงน่องกับผ้าพันคอ ผ้าพันคอควรเลือกเนื้อผ้าที่เป็นไหมแท้ ขนาดใหญ่พอที่จะใช้ได้สารพัดประโยชน์และสามารถดัดแปลงเป็นได้ทั้งผ้าพันคอ ผ้าโพกศีรษะ ผ้าผูกผม ผ้าคาดผม หรือเป็นเข็มขัดก็ยังได้ อีกอย่างคือ ถุงน่องมีให้เลือกเป็นร้อย ทั้งแบบตาข่าย ลายหมากรุก สารพัดชนิด เชื่อสิว่าถุงน่องจะช่วยเปลี่ยนลุคให้ชุดของคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ


>> หน้า-ผมไม่พร่อง
พี่ ฮั้ว-ทศพล สนั่นวงศ์ หนึ่งใน Experts ด้านการแต่งหน้าของเรา กระซิบมาว่า การแต่งหน้าไปทำงานก็เพื่อเพิ่มสีสันให้ใบหน้า และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองอีกวิธีหนึ่ง ทำให้การแต่งหน้าแบบนี้ไม่จำเป็นต้องตามแฟชั่น แนะนำว่ามีเครื่องสำอางชิ้นหลักๆ เลือกโทนสีให้เข้ากับผิวก็พอ

เริ่มต้นการแต่งหน้าโดยใช้แป้งทูเวย์ผสมรองพื้นทาซับทั่วใบหน้าเพื่อลดความมัน สำหรับคนที่มีริ้วรอย ให้ใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดก่อนลงแป้ง จากนั้นกันคิ้วให้ได้รูป เขียนคิ้วให้สวย แล้วปัดแก้มแต่พองาม ปิดท้ายด้วยการทาลิปกลอสสีที่เข้ากับผิว อย่างเช่น ผิวขาวให้เลือกโทนสีชมพู ถ้าผิวคล้ำให้เลือกโทนสีโอลด์โรส ง่ายๆ เท่านี้ก็สวยปิ๊งได้แล้ว


>> ได้เวลาโละของไม่พึงประสงค์
ตาม หลักฮวงจุ้ยที่ดีบอกว่า อย่าปล่อยให้โต๊ะทำงานรกรุงรัง ไม่อย่างนั้นชีวิตการงานจะยุ่งเหยิง ซึ่งสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ที่ว่า เวลาคุณหาเอกสารสำคัญไม่เจอ ข้อมูลที่ต้องการดันรวมอยู่ในกองเอกสารสูงท่วมหัว แบบนี้ชีวิตการทำงานจะราบรื่นได้อย่างไร ถือฤกษ์เดือนแรกของปีนี้ จัดระเบียบชีวิตการทำงานสักหน่อย ชีวิตคุณจะง่ายขึ้นอีกเยอะ

* เอกสารบนโต๊ะ สะสางข้อมูลที่ใช้แล้ว สถิติหรือตัวเลขที่ล้าสมัยไม่อัพเดทลงถัง และจัดพื้นที่ให้พร้อมสำหรับงานใหม่ได้แล้ว

* นามบัตรลูกค้า นอกจากจะเรียงตามตัวอักษรแล้ว ควรแยกตามความสำคัญ หรือความถี่ในการติดต่อด้วย ลูกค้าคนไหนไม่ได้ติดต่อนานเลย 1 ปี ควรลดลำดับความสำคัญลง หรือจะแยกกล่องนามบัตรเป็น 2 กล่องแบบใช้บ่อยกับนานๆ ครั้งก็ได้

* เบอร์โทรศัพท์ในมือถือ เบอร์ที่ไม่ได้โทรหามานาน หรือเพื่อนห่างๆ แนะนำว่าย้ายลงไปจดในสมุดดีกว่า บางครั้งการเก็บอะไรมากเกินไปก็เป็นอุปสรรคเวลาเอามาใช้งาน

* เปลี่ยนรูปข้างโต๊ะ สร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน ด้วยรูปที่เพิ่งถ่ายเมื่อตอนที่เที่ยวปีใหม่มาติดไว้ก็ไม่เลวนะ

* โน้ตติดบอร์ด จดเฉพาะสิ่งที่สำคัญลงสมุดโน้ตไว้ และโละของเก่าออกให้เกลี้ยง รอรับสำหรับงานใหม่เท่านั้น



STEP 2 : STOP THIS 7 HABITS!

คุณไม่ประสบความสำเร็จเพราะมีนิสัยแย่ๆ 7 ข้อนี้หรือเปล่า ถึงเวลาสร้าง Good Habit เพื่อความรุ่งเรืองกันได้แล้ว

1. มีข้อแก้ตัวทุกครั้งที่เจ้านายตำหนิ ถ้าคุณเผลอแก้ตัวข้างๆ คูๆ เมื่อเจ้านายวิจารณ์งานของคุณ โอกาสเป็นดาวรุ่งของคุณอาจกลายเป็นดาวร่วงในทันใด ทางที่ดี คุณควรเก็บอาการและอารมณ์ แล้วเปิดใจฟังคำวิจารณ์ของเจ้านาย ถ้าเป็นความผิดพลาดของคุณจริงควรยอมรับ และแสดงให้เจ้านายเห็นว่า ความผิดแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก

2. ทำตัวเป็นคุณหญิงคุณชายสายเสมอ ไม่ว่าจะมาทำงานสายหรือเข้าประชุมสาย อนาคตก็น่าจะได้เลื่อนขั้นสายไปด้วย ขอให้ลืมคำว่า “มาช้าดีกว่าไม่มา” เพราะการทำตัวสายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเรื่องงาน เป็นสิ่งบ่งบอกว่าคุณเป็นคนเฉื่อยชา และไม่ใช่นักจัดการที่ดี เริ่มต้นทำตัวเป็นคนตรงต่อเวลาด้วยการตั้งนาฬิกาปลุกให้เร็วขึ้น 20 นาที เชื่อสิว่าชีวิตคุณจะดีขึ้น

3. มีปัญหาในการสื่อสาร การมีไอเดียดีๆ เพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอ คุณต้องสื่อสารความคิดของคุณได้ด้วย นักบริหารที่เก่งต้องพูดได้กระชับ เข้าใจง่าย ตรงประเด็น และสามารถโน้มน้าวสะกดคนฟังได้อย่างเต็มใจ จะลองฝึกพูดหน้ากระจกก็ไม่เลวนะ

4. จับกลุ่มนินทา แม้คอลัมน์กอสสิปตามหน้าหนังสือพิมพ์จะถูกใจบรรดาขาเมาท์ แต่การนินทาในออฟฟิศเป็นเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์สักนิดเลย แม้จะเมาท์เพื่อระบายความคับข้องใจหรือลบปมด้อยของตัวเองก็ตาม ถ้าคุณร่วมวงสนทนา ย่อมทำให้คุณขาดความน่าเชื่อถือ และอาจทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ มีปัญหาได้ ทางที่ดีควรทำหูทวนลมหรือปฏิเสธเข้าวงเมาท์อย่างนุ่มนวลจะดีกว่า

5. ไม่ร้องขอความช่วยเหลือ การเป็นคนเก่งนั้นไม่ได้หมายความว่า ต้องไม่รับความช่วยเหลือจากคนอื่น ถ้างานที่คุณได้รับมอบหมายไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ เพราะคำแนะนำจากพวกเขาจะทำให้คุณมีทางออกที่ดีและทำให้งานของคุณเข้าใกล้ เป้าหมายมากขึ้น นอกจากนี้ก็ควรให้ความช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานด้วย ยิ่งเพิ่มคะแนนเป็นสองเท่า

6. เล่นอินเตอร์เน็ตในเวลางาน เราต้องขอบคุณที่มีอีเมลเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารราคาถูกและมีระสิทธิภาพ รวมถึงเว็ปไซต์ดีๆ ที่ให้ความบันเทิงและเพิ่มพูนความรู้ แต่นั่นแหละ การที่คุณเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อตอบอีเมลส่วนตัวหรือแชทจนไม่เป็นอันทำ งาน อาจทำให้คุณเสียการเสียงานได้ คุณควรจำกัดเวลาการใช้อินเตอร์เน็ตส่วนตัวเป็นช่วงเช้าก่อนเข้างานหรือหลัง เลิกงาน ถ้าทำได้รับรองว่าไม่มีใครกล้ามาว่าคุณแน่

7. เฟลิตเพื่อนร่วมงาน สำหรับคนอยากเก่งและต้องการโดดเด่นเรื่องงานต้องไม่หว่านเสน่ห์กับเพื่อน ร่วมงานของคุณ เพราะในโลกของการทำงาน ต้องแข่งขันที่ความสามารถ ไม่ใช่เสน่ห์อันแพรวพราว การวางมาดให้น่าเชื่อถือมีสิทธิ์ไปได้ไกลกว่ามาดสาวเซ็กซี่ หรือหนุ่มเพลย์บอยในที่ทำงานเป็นไหนๆ



STEP 3 : PLS DO THIS 7 HABITS!

ไม่มีองค์กรใดต้องการคนที่ทำงานแบบซังกะตายไปวันๆ เพื่อคุณภาพงานที่ดีขึ้นลองทำตามนี่ดู

1. พยายามขอคำแนะนำหรือปรึกษาปัญหากับเจ้านาย ไม่ใช่เรื่องเงินหรือเลื่อนตำแหน่งงานล่ะ แต่ควรเข้าหาเจ้านายเรื่องการทำงานบ้าง เมื่อคุณไม่ชัวร์กับการตัดสินใจเรื่องงาน การปรึกษาเจ้านายจะทำให้เขาภาคภูมิใจ และรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ เพราะถือว่ามีส่วนร่วมกับงานชิ้นนั้นของคุณ

2. เมื่อถึงเวลาพรีเซนส์ คุณต้องพร้อมเสมอ แม้ว่าคุณจะเป็นคนเก่งสักแค่ไหน แต่หากเก็บมันไว้คนเดียว คงไม่มีวันที่ใครจะได้รับรู้ถึงความสามารถของคุณแน่นอน คุณต้องรู้จักแสดงออก กล้าพูด กล้าทำ รู้ไว้ว่าห้องประชุมคือเวทีชั้นดีที่ทำให้คุณโดดเด่นได้ในพริบตา

3. รักษาระดับคุณภาพของงาน นอกจากความรู้ความสามารถที่ต้องมีแล้ว ผลงานที่ทำออกมาถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานทุกประเภทและทุกตำแหน่ง ดังนั้น คุณต้องพยายามสร้างผลงานไว้วันหนึ่งต้องเข้าตากรรมการแน่นอน

4. ความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกอาชีพ ดังนั้นคุณควรยึดหลักข้อนี้ไว้อย่างดี และทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ที่ไว้วางใจได้ เช่นเดียวกับการทำตัวให้ลูกค้าเชื่อถือ

5. ทำงานได้หลากหลายหน้าที่ ในยุคที่คนทำงานถูกจำกัดจำเขี่ย ไม่สามารถรับคนเพิ่ม หากคุณสามารถทำงานได้หลากหลาย ย่อมเป็นการดีกว่า คนที่ทำได้เฉพาะส่วน เมื่อมีการสะกิดให้ออก เขาย่อมรั้งชื่อคุณไว้ก่อนแน่
ยิ่งใครที่เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักบริหารจัดการเก่งๆ แล้วมีคุณสมบัติครบภายในคนๆ เดียวด้วยแล้ว ละก็ยิ่งเนื้อหอม

6. สลายความเครียดก่อนเริ่มทำงาน เคยไหมที่กว่าจะเดินทางถึงออฟฟิศก็อารมณ์บูดแล้ว ยิ่งทำงานในย่านรถติดยิ่งต้องเผชิญกับกับดักจราจร นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้คุณเพลียใจ หากวันไหนเจออุบัติเหตุที่บ้านที่ไม่คาดฝัน เช่น ยาสีฟันหมด หากุญแจบ้านไม่เจอ แถมเจ้าตูบยังทะเลาะกับน้องแมวสุดรักอีก พอถึงที่ทำงานคุณก็กระเซอะกระเซิงแล้ว ดังนั้นก่อนเริ่มทำงาน คุณควรขจัดอารมณ์เสียออกไปก่อน ให้หาที่สงบๆ นั่งนิ่งๆ 3-5 นาทีก็พอ

7. พูดคุยเพื่อพัฒนาความคิด หาโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่น โดยใช้เวลาช่วงพักเที่ยงก็ได้ เคยได้ยินไหมว่าทางออกและโครงการดีๆ หลายอย่างก็มาจากวงก๋วยเตี๋ยวตอนเที่ยงนี่แหละ นอกจากนี้คุณควรอ่านหนังสือให้ได้ทุกวัน อ่านแค่ 10-20 หน้าก่อนเข้านอนก็พอ หรือจะใช้วิธีอื่น เช่น ค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตวันละเรื่อง ดูภาพยนตร์หรือรายการท่องเที่ยว แม้แต่นิตยสารบางเล่มก็มีข้อมูลดีๆ ที่คุณคาดไม่ถึง การอ่านมากฟังมากจะช่วยลับสมองของคุณให้เฉียบคมอยู่เสมอ


MUST DO!

* คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้น ทางที่ดีคุณควรหาหนังสือมาอัพเดทโปรแกรมต่างๆ ใช้งานอย่างไร หรือไม่ก็คอยสอบถามคนที่เขารู้มากกว่าเรา เพื่อนำมาปรับใช้กับการทำงานคนทำงานยังต้องทันกระแส รอบรู้เหตุการณ์ ถึงจะเป็นข้าราชการที่ไม่ต้องอยู่ในกระแสการแข่งขันอย่างพนักงานเอกชน แต่ก็ควรติดตามข่าวสารจากสื่อรอบด้านเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะทางอินเทอร์เน็ตที่ถือว่าเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ ที่สามารถติดตามกระแสข้อมูลข่าวสารได้ง่ายและรวดเร็ว แล้วยังเป็นแหล่งเรียนรู้ภาษาอังกฤษไปด้วยในตัว

* กระตือรือร้นเข้ารับการอบรมต่างๆ ที่บริษัทมอบหมายให้ บางครั้งก็ควักกระเป๋าสมัครเข้ารับการอบรมเองดูบ้าง ความใส่ใจหาความรู้อยู่ตลอดเวลานี้อาจพัฒนาให้คุณก้าวขึ้นมาเป็นอาจารย์ก็ ได้ นับเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจอีกอย่างที่คุณสร้างขึ้นเอง

* หาวิถีชีวิตใหม่ๆ เช่น การเรียนปริญญาโทจะช่วยให้คุณได้ความรู้มากขึ้นทั้งจากเพื่อนร่วมชั้น จากหนังสือที่อ่านมากขึ้น และจากครูผู้สอน

* การร่วมกิจกรรมบางประเภทก็ช่วยต่อยอดทางความคิดที่เกี่ยวกับการทำงานและ ธุรกิจได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น เข้าก๊วนตีกอล์ฟกับเจ้านาย หรือฝึกเล่นโยคะกับลูกค้า


--------------------------------------------------------------------------------
จาก...คอลัมน์ Career Focus นิตยสารสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 574 ปักษ์แรก เดือนมกราคม 2550
ขอบคุณ sanook.com

Create Date : 13 กันยายน 2553		0 comments
Last Update : 13 กันยายน 2553 11:08:14 น.
Counter : 662 Pageviews.
Share Tweet