บำรุงศาสนา:
ใช้ " ปัญญา " พิจารณาควบคู่กันไปกับ " ศรัทธา " ให้พอดีกัน
หากเราอยากให้มีพระสงฆ์ดีๆ อยู่สืบอายุพุทธศาสนาเพื่อเป็นที่พึ่งแก่ตัวเราและรุ่นลูกหลาน..เราต้องบำรุงในสิ่งที่ควร คือ ปัจจัย ๔...อาหารใส่บาตร , เครื่องนุ่งห่ม , ที่อยู่อาศัย , ยารักษาโรค ซึ่งทั้ง ๔ อย่างต้องสมดุลพอดีกัน ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป จึงจะเกิด " สัปปายะ " คือสะดวกสบายพอดีตามอัตภาพของสมณะ จะได้มีกำลังในการศึกษาปฏิบัติธรรม เพื่อขัดเกลากิเลสออกจากจิตใจ
หน้าที่ของชาวพุทธที่ดี จึงต้องบำรุงพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีตามพระวินัยสำรวมไม่คลุกคลีกับกิเลส ไม่สะสมเกินพอดี..อย่างไรก็ตามในส่วนของชาวบ้านก็ไม่ควรเอากิเลสของตัวเองไปใส่ให้พระท่าน เช่น อยากเอาหนังสือหนังจอ..การละเล่น ดนตรีต่างๆ ฯลฯ เข้าไปแสดงในวัด , อยากให้ดูดวง ดูโน่น ดูนี่ จนเกินพอดี..ท่านก็เลยลืมดูจิตใจของท่านเอง..ก็พัง นี่เพราะตามใจกิเลสชาวบ้านอย่างเราแท้ๆ..
แสงสว่าง เสมอด้วยปัญญาไม่มี
ถึงจะสิ้นทรัพย์ ผู้มีปัญญาก็ยังเป็นอยู่ได้
แต่เพราะไม่มีปัญญา แม้มีทรัพย์ก็เป็นอยู่ไม่ได้
ฉะนั้น จะทำอะไรก็ขอให้ใช้ " ปัญญา " พิจารณาควบคู่กันไปกับ " ศรัทธา " ให้พอดีกัน เช่น จะบวชลูกชายให้เข้าไปศึกษาธรรมะจะได้เป็นคนดีมีความรู้ มีปัญญา พ่อแม่ก็ดีใจจนเกินเหตุ เอาใจกิเลสตัวเอง จัดเลี้ยง , เล่นดนตรี แถมมีหางเครื่องสาวๆ มาเต้นหรูหรา..พอนาคก็เลยได้อานิสงค์พกกิเลสเข้าโบสถ์ซะมากมาย สึกออกมาก็กลายเป็นทิดนักเที่ยว ล้างผลาญมากกว่าเดิม..ต้นแย่ปลายก็เสีย..!!
ถ้าไม่รู้ว่าจะใช้จ่ายเงินเลี้ยงญาติพี่น้องยังไงดี ก็ขอแนะให้ใช้เงินนั้น พิมพ์หนังสือธรรมะอะไรก็ได้แจกให้ทั่วตระกูล ทั่วหมู่บ้าน ทั่วตำบลอำเภอไปเลย แล้วจะรู้ว่าอานิสงค์ต่างกันแยะ..ราวฟ้ากับดินทีเดียว .. มีเงินเยอะก็พิมพ์เยอะๆ..ยศใหญ่ๆ ก็พิมพ์เล่มใหญ่ๆ ให้ลูกๆ ภูมิใจปลื้มใจ..ทำเพื่อลูกอย่างนี้ดีมั้ย? แล้วถ้าลูกดีใครล่ะสบาย..ก็เราน่ะแหละสบาย..หายห่วง
ที่มา :
หนังสืออภิมหามงคลธรรม หน้า ๓๕๘
เมื่อไหร่กิเลสในใจจะหมดไปซักทีนะ