สัมมาวาจา
คนส่วนมากมองข้ามความสำคัญในการพูด ไม่ค่อยจะใช้คำพูด และข้อเขียน
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งๆ ที่สามารถจะทำได้ โดยไม่ต้องลงทุกลงแรงอะไร
เกี่ยวกับเรื่องบุญกุศล มีคนจำนวนมาก รังเกียจที่จะทำบุญ
โดยอ้างว่าต้องใช้เงินทองทรัพย์สมบัติ เขาเป็นคนยากจน ก็ไม่สามารถทำบุญได้
แต่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะการพูดเป็นคุณประโยชน์ เป็นไปเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูล
เป็นธรรมวินัย เป็นเหตุเป็นผล ไม่เป็นโทษภัยแก่ใครๆ นั้น
นับว่าเป็นบุญกุศลมหาศาล โดยไม่ต้องเสียเงินทองทรัพย์สินอะไรเลย
พูดเป็นกุศล ก็คือ พูดด้วยวจีสุจริต ๔
ตามนัยแห่งอกุศลกรรมบถ ๑๐ ได้แก่
๑. ไม่พูดเท็จ ทำลายประโยชน์ของผู้อื่น
๒. ไม่พูดส่อเสียด ยุยงให้เขาแตกกัน
๓. ไม่พูดด่ากัน ด้วยคำหยาบ
๔. ไม่พูดเพ้อเจ้อไร้สาระ ให้คนหลงใหล ประมาทสูญเสียโอกาสในการทำความดี
การพูดวจีสุจริตดังกล่าว ชื่อว่าเป็นสัมมวาจาเป็นองค์หนึ่งในมรรคมีองค์แปด พิจารณาเพียงผิวเผิน
อาจเห็นว่าไม่มีความสำคัญในการบรรลุมรรคผลนิพพาน แต่สำคัญไม่น้อยเลย
เพราะพระพุทธองค์ ทรงสอนให้เว้นจากทางผิด แล้วดำเนินไปในทางถูกต้อง
เป็นการให้ปิดประตูทางแห่งความเสื่อมเสียให้ได้ก่อน เพื่อมิให้เป็นคนชั่ว คนบาป
ซึ่งถ้าทำบาปเข้าไปแล้ว ก็ยิ่งทำให้ห่างไกลมรรคผลนิพพาน หมดโอกาสพ้นทุกข์ดังประสงค์
ขออย่าลืมว่า ทางกาย และทางใจ มีประตูบาปอยู่เพียงทางละ ๓ ประตูเท่านั้น
ส่วนทางวาจานี้มีประตูบาป เปิดรับไว้ถึง ๔ ประตู ซึ่งคนทั่วไปมักถลันเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
เพราะฉะนั้น จะต้องเห็นความสำคัญจะต้องสำรวมระวังสม่ำเสมอ
มิฉะนั้นจะไปสู่ทุคติแทนสุคติ หรือจะไปสู่ความเป็นพาล แทน นิพพาน อย่างง่ายดาย
หลักการพูดของพระบรมศาสดา
๑. วาจาใด ไม่จริง ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และ ไม่เป็นที่รักขอบใจของคนอื่น ตถาคตไม่พูดวาจานั้น
๒. วาจาใดจริง แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ทั้งไม่เป็นที่รักชอบใจของคนอื่นด้วย ตถาคตไม่พูดวาจานั้น
๓. ส่วน วาจาใด จริงแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ แต่ไม่เป็นที่รักชอบใจของคนอื่น ตถาคต
ย่อมเป็นผู้รู้จักกาลอันควร หรือไม่ควรที่จะพูดวาจานั้น
๔. วาจาใด ไม่จริง ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ถึงเป็นที่รักชอบใจ ของคนอื่น คถาคต ไม่พูดวาจานั้นเด็ดขาด
๕. วาจาใด แม้จริงแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ถึงเป็นที่รักชอบใจของคนอื่น ตถาคต ก็ไม่พูดวาจานั้น
๖. วาจาใด จริงแท้ด้วย ประกอบด้วยประโยชน์ด้วย ทั้งเป็นที่รักชอบใจของคนอื่นด้วย ตถาคต ย่อมรู้กาลที่จะพูดวาจานั้น
(ทรงเลือกเวลาพูด ไม่ใช่พูดทุกเวลา)
ขอให้ชาวพุทธยึดหลักการพูดของพระบรมศาสดานี้ไว้ ในการจะพูดจา เพราะเป็นวิธีการพูดชั้นครู ชั้นยอด
กถาวัตถุ คือ ถ้อยคำที่ควรพูด ๑๐ อย่าง
๑. อัปปิจฉกถา ถ้อยคำที่ชักนำให้มีความปรารถนาน้อย.
๒. สันตุฏฐิกถา ถ้อยคำที่ชักนำให้สันโดษยินดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้.
๓. ปวิเวกกถา ถ้อยคำที่ชักนำให้สงัดกายสงัดใจ.
๔. อสังสัคคกถา ถ้อยคำที่ชักนำไม่ให้ระคนด้วยหมู่.
๕. วิริยารัมภกถา ถ้อยคำที่ชักนำให้ปรารภความเพียร.
๖. สีลกถา ถ้อยคำที่ชักนำให้ตั้งอยู่ในศีล.
๗. สมาธิกถา ถ้อยคำที่ชักนำให้ทำใจให้สงบ.
๘. ปัญญากถา ถ้อยคำที่ชักนำให้เกิดปัญญา.
๙. วิมุตติกถา ถ้อยคำที่ชักนำให้ทำใจให้พ้นจากกิเลส.
๑๐. วิมุตติญาณทัสสนกถา ถ้อยคำที่ชักนำให้เกิดความรู้ความเห็นในความที่ใจพ้นจากกิเลส
อ้างอิง : //larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/002223.htm
ขอบคุณบทความ Moderators :ท่านกุญชัย IcEiCy CoMMuNiTy