ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้(23-07-14) ดาวโจนส์ปิดบวก-ราคาน้ำมันดิบร่วงลง

    **ต่างประเทศ 

    *ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับขึ้นในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการ 
         ที่แข็งแกร่ง และการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มดูแลสุขภาพ ซึ่งช่วยหนุนดัชนี S&P 500  
         และดัชนี Nasdaq ปิดบวกเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม 
         ดาวโจนส์ ปิดบวก 65.12 จุดหรือ 0.40%  
    *วานนี้ ตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปรับตัวขึ้น โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ ดีดตัว 
         แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 เดือน จากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์  
         ขณะที่มาเลเซีย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างดีดตัวขึ้นตามกัน  
    *ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดวานนี้ดิ่งลง 2.24  
         ดอลลาร์ ปิดที่ 102.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ในขณะที่นักลงทุนคาดว่า สำนักงาน 
         สารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) อาจจะรายงานในวันพุธว่า  
         สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับใกล้สถิติสูงสุด  
    *ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวานนี้บวก 9 จุดหรือ 0.97%  
         สู่ระดับ 939 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 2,113 และระดับต่ำสุดปีนี้อยู่ที่ 930  
    *สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ รายงานยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐ  
         เดือนมี.ค.ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง โดยร่วงลง 0.2% สู่ 4.59 
         ล้านยูนิต ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ คาดไว้ที่ 4.55 ล้านยูนิต ลดลงจาก 4.60  
         ล้านยูนิตในเดือนก.พ. 

    **เศรษฐกิจทั่วไป 

    *วันนี้ กนง.ประชุมพิจารณาเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ย ซึ่งโพลล์รอยเตอร์คาดว่า 
        กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.00% หลังจากปรับลดลง 2 ครั้ง เพื่อ 
        สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ นับตั้งแต่เริ่มเกิดความไม่สงบทางการเมือง 
         ในเดือน พ.ย.56  
    *"กิตติรัตน์" เผยว่าวันที่ 23 เม.ย.ได้นัดหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ 
        การจัดเก็บภาษี หลังจาก"ยิ่งลักษณ์" มีความเป็นห่วงรายได้จากการจัดเก็บภาษี  
         ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้  
        *"นิวัฒน์ธำรง" แสดงความเป็นห่วงว่า หากการจัดการเลือกตั้งใหม่ล่าช้าออกไป 
        ถึงเดือนก.ค. อาจจะฉุดให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ เติบโตได้เพียง 2% และหากการ 
        เลือกตั้งล่าช้าไปมากกว่านั้น จีดีพีในปีนี้มีโอกาสจะเติบโตได้เพียง 1% หรือถึง 
        ขั้นติดลบได้  
    *กกพ.เตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้าในภาคใต้ จากกรณีการหยุด 
        ซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ของก๊าซธรรมชาติในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย แหล่ง  
         JDA-A18 ระหว่างวันที่ 13 มิ.ย.-10 ก.ค.57 โดยขอความร่วมมือ  
         ภาคอุตสาหกรรมพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด ลดใช้ไฟฟ้าช่วงพีค โดยตั้งเป้าไว้  
         300 เมกะวัตต์  
    *สรรพสามิต ยันจ่ายเงินรถคันแรกต่อเนื่อง ให้มั่นใจรัฐบาลมีทางออก เผยยอดเงิน 
         คืนลดลงเหลือไม่เกินเดือนละ 3 พันลบ. "ทนุศักดิ์"เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติ 
         ใช้เงินสำรองฉุกเฉิน 8 พันลบ. สำนักงบฯแบ่งรับแบ่งสู้ จะให้ตามความเหมาะสม 
         (นสพ.มติชน) 
    *ตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ โตต่อเนื่อง 5 ปีที่ผ่านมา มาร์เก็ตแคปพุ่งเกิน 3 เท่า  
         เตรียมดึงนักลงทุนสถาบัน-ต่างชาติเข้าลงทุนมากขึ้น ช่วยดันสัดส่วนผู้เล่นรายใหญ่ 
         เพิ่มจากปัจจุบันที่ระดับ 2% พร้อมเดินหน้าจับมือบริษัทหลักทรัพย์ ทำบทวิเคราะห์ 
         เพิ่มครอบคลุม 50 บริษัท(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ) 
    *พาณิชย์รับราคาข้าวร่วง เหตุผู้ส่งออกพ่ายเวียดนามประมูลขายข้าวฟิลิปปินส์ 8  
         แสนตัน หวั่นสร้างแรงกดดันราคาประมูลข้าวเอเฟทวันนี้อีกกว่า 2 แสนตัน เชื่อ 
         หลังเดือนพ.ค.ราคาดีขึ้น เพราะมีผู้ซื้อหลายประเทศสนใจซื้อข้าวไทย ขณะที่  
         "นิวัฒน์ธำรง" โยนคลังหาเงิน 9 หมื่นล้านจ่ายหนี้ชาวนา(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ) 
        *คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) จะสรุปค่าไฟฟ้าผันแปร(เอฟที) 
         ในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากงวดเดือนม.ค.-เม.ย. อีกหน่วยละ 5-10  
         สตางค์ จากปัจจุบันค่าเอฟทีอยู่ที่ 59 สตางค์/หน่วย ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าตั้งแต่ 
         เดือน พ.ค.-ส.ค. จะสูงกว่า 3.82 บาทต่อหน่วย(นสพ.โพสต์ทูเดย์) 
        *นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ระบุ เศรษฐกิจประเทศไทยปีนี้อยู่ใน 
         ภาวะมืดมนจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ และไร้ทางออกส่งผลให้ไตรมาสแรก 
         สินค้าแทบทุกกลุ่ม ยอดขายหดตัวลงมากกว่า 10% ขณะที่ในไตรมาส 2 ถือเป็น 
         ช่วงที่การตลาดเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น(นสพ.โพสต์ทูเดย์) 

    **การเมือง 

    *วันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาว่าจะขยายเวลาส่งคำชี้แจงของรักษาการนายกฯ  
         ในกรณีการโยกย้าย"ถวิล เปลี่ยนศรี" จาก เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ  
        ไปเป็น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หรือไม่  
        *ที่ปรึกษากฎหมายของรักษาการนายกรัฐมนตรี เผยว่าได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ  
        เพื่อขอให้พิจารณาสอบพยานบุคคล 4 ราย ซึ่งถือเป็นผู้ที่มีความสำคัญและมีส่วน 
         เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้าย"ถวิล เปลี่ยนศรี"  
    *"พงศ์เทพ เทพกาญจนา" เผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการขอเปิดประชุม 
        วุฒิสภาสมัยวิสามัญ โดยรัฐบาลจะรอทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา กับ เลขาธิการ 
        สภาผู้แทนราษฎรหาข้อสรุปให้ตรงกันก่อน เกี่ยวกับอำนาจในการเสนอร่างพ.ร.ฎ. 
         ดังกล่าว โดยรัฐบาลมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปร่างพ.ร.ฎ. 
         ขอเปิดประชุมวุฒิสภาฯ ระหว่างวันที่ 1-10 พ.ค.นี้ ไว้ก่อน  
    *"ยิ่งลักษณ์"ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องการยุติบทบาททางการเมือง แต่ก็ไม่ได้ 
        ยึดติดกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยขอเดินหน้าทำงานให้ประเทศ เพื่อสร้างความ 
        เชื่อมั่นให้กลับคืนมาก่อน  
    *กกต.มีมติไม่อนูญาตให้มีการถ่ายทอดสด การหารือระหว่างกกต.กับผู้แทนพรรค 
        การเมือง ในการประชุมบ่ายวานนี้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการประชุมภายใน และที่ 
        ผ่านมาไม่เคยให้ถ่ายทอดสด  
    *การประชุมหารือระหว่าง กกต.กับตัวแทนจาก 58 พรรคการเมือง เมื่อวาน  
         ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องวันเลือกตั้งใหม่ โดย กกต. ยืนยันว่าสามารถจัดการเลือกตั้ง 
         ได้เร็วที่สุดประมาณวันที่ 20 ก.ค. ขณะที่ตัวแทนพรรคการเมืองเสนอให้จัดเลือกตั้ง  
         วันที่ 15 มิ.ย. ซึ่ง กกต.รับไว้พิจารณาจากนี้ กกต. จะนัดหารือกับรัฐบาล  
         ภายในวันที่ 28 เม.ย. เพื่อกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป

Create Date : 23 เมษายน 2557		0 comments
Last Update : 23 เมษายน 2557 9:32:00 น.
Counter : 2721 Pageviews.
Share Tweet