สร้างแบรนด์ สร้างโอกาส AEC
ผู้บริโภคแต่ละคนมีความแตกต่างและความหลากหลายในทัศนคติ ความคิด ความชอบ บุคลิกภาพ การศึกษาและความเชื่อที่ไม่เหมือนกันประเทศไทยมีประชากรประมาณ 70 ล้านคน การสร้างแบรนด์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกคนคงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก การตลาดที่ดีต้องเริ่มต้นจากการหากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมให้เจอ รักษากลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้ไว้ให้เติบโตขึ้น สินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคคนไทยใช้อยู่ในปัจจุบันไม่ได้หมายถึงสินค้าหรือบริการที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในอีก 9 ประเทศในอาเซียนได้ การสร้างแบรนด์เพื่อเตรียมรุกตลาด ASEAN Economic Community : AEC ( ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน) เป็นบทท้าท้ายของผู้ประกอบการ SME ในประเทศไทยต้องมีความเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคในประเทศต่างๆเหล่านั้น ถ้าคิดว่าการรุกตลาดในประเทศไทยยาก สิ่งที่จะตามมาด้วยประชากรอีกประมาณ 500 กว่าล้านคนในอีก 9 ประเทศจะเป็นโจทย์ที่ยากยิ่งกว่าสินค้าบางประเภทอย่างเช่น สมุนไพรไทยที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย อาจจะเป็นสินค้าที่ด้อยคุณค่าและความต้องการในบางประเทศอย่างเช่น สิงคโปร์ เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศที่เจริญด้วยวัตถุนิยม ผู้บริโภครุ่นเก่าที่มีเชื้อสายจีน ลี้ภัยมาจากแผ่นดินใหญ่ เริ่มมีจำนวนลดน้อยลงไป เมื่อเปรียบเทียบกับคนรุ่นใหม่ที่มีความเชื่อในวิทยาศาสตร์ การแพทย์สมัยใหม่มากกว่าการแพทย์โบราณแต่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย เช่น พม่า ลาว และกัมพูชา ผู้บริโภคมีลักษณะการกินอยู่ที่คล้ายกับคนไทยมีความเชื่อในการแพทย์แผนโบราณแบบคนไทย ดังนั้น การเคลื่อนตัวของสินค้าประเภทดังกล่าวข้ามชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้จึงเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่มีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากผู้ประกอบการ SME ของไทยรายหนึ่ง ที่ประสบกับความสำเร็จในการนำแบรนด์ออกสู่ตลาด AEC ด้วยการ Re-Branding สินค้าจากเดิมที่เป็นสินค้าภายใต้ชื่อ หน้าวัว มาเป็น วิริยมัยโอสถ ด้วยภาพลักษณ์ที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม มีจุดยืนและบุคลิกของแบรนด์ที่สามรถเดินทางเข้าหากลุ่มเป้าหมายในตลาด AEC ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยสินค้าที่เป็นสบู่สมุนไพรธรรมชาติ หรือ Organic Soapรูปแบบหีบห่อบรรจุภัณฑ์ที่สวยสะดุดตาระดับนานาชาติ แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของสินค้าจากประเทศไทย ผู้ประกอบการรายนี้มีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ซึ่งมีผลสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงแบรนด์ของตัวเองที่อยู่มาตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ 5อย่าลืมว่าถ้าคุณไม่เปลี่ยนแปลงในวันนี้ คุณคงต้องพลาดรถไฟขบวน AEC อย่างแน่นอนที่สุด กระบวนการสร้างต้องใช้เวลาและมีขั้นตอนที่ต้องเดินไปทีละก้าว กระโดดข้ามขั้นไม่ได้ประสบการณ์ได้สอนผมว่า คุณต้องมีเวลาอย่างน้อย 1 ปีในการจัดการกับตัวเองในเรื่องของการสร้างแบรนด์สิ่งแรกที่ทุกธุรกิจต้องเริมทำ คือ การค้นหาความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคในแต่ละประเทศให้เจอ ไม่ว่าจะเป็นด้วยการวิจัยขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ประกอบการจะนำสินค้าของตัวเองเข้าทุกตลาดด้วยสินค้าที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ด้วยต้นทุน การผลิต การตลาดและอื่นๆที่สูงแบบผิดปกติการสร้างแบรนด์บนพื้นฐานของ Economy of Scale และกลยุทธ์ Single Brand จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ธุรกิจประสบกับความสำเร็จและความยั่งยืนอย่างถาวรแม้แต่ชาวบ้านร้านตลาด ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงผลของการเปิดเสรีการค้า เพราะเมื่อภาษีนำเข้าลดลง ราคาสินค้าก็ถูกลงด้วย แอปเปิ้ล ลูกท้อ ผลไม้มีคลาส ที่เคยเป็นของแพงของฟุ่มเฟือยสำหรับคนรายได้น้อย เดี๋ยวนี้กลายเป็นผลไม้พื้นๆ บนแผงขายในตลาดสด หาซื้อง่ายกว่าลูกเดื่อหรือมะขามป้อมนี่เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดเสรีการค้าผักผลไม้ไทย-จีน ตั้งแต่ปลายปี 2546 ความตกลง ครั้งนั้น ทำให้ผักผลไม้จากแดนมังกรมีราคาถูกลงกว่าเดิม แปลว่าเกษตรกรและแรงงานรับจ้างก็มีโอกาสได้กินของนำเข้าเหมือนกันแต่อีกด้านหนึ่ง หอมและกระเทียมของเกษตรกรไทยก็มีคู่แข่งมากขึ้น มีได้ก็ต้องมีเสีย เป็นเหรียญสองด้าน ที่มักเกิดขึ้นเสมอ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่คนที่อยู่ใน มุมได้ ก็มักจะเชียร์ คนที่อยู่ใน มุมเสีย ก็มักประท้วงนี่ยังไม่นับผลจากการเปิดเสรีอาเซียน ที่ไทยและเพื่อนบ้านอีก 5 ประเทศ ลดภาษีนำเข้าทุกสินค้าเหลือ 0%เท่านั้น ซึ่งมีผลไปเมื่อต้นปี 2553 แปลว่าสินค้าที่ผลิตในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไนและสิงคโปร์ ถ้าส่งมาไทยก็ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าสักบาท อ้อ! รู้สึกจะมียกเว้น 5-6 รายการสินค้า หนึ่งในนั้นคือ กาแฟและอีก 5 ปี ข้อตกลงแบบนี้ จะขยายพื้นที่ครอบคลุม เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชายิ่งขยายพื้นที่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก็ขยายวงมากขึ้น แต่ห้ามไม่ให้ขยายวงคงไม่ได้ เพราะ... สินค้า ก็คล้ายกับ น้ำ เพียงแต่ไหลในทิศตรงกันข้าม น้ำ ไหลจากที่สูงไปที่ต่ำ แต่ สินค้า ไหลจากที่ต่ำไปที่สูง ที่ไหนให้ราคา ใครๆ ก็อยากเอาสินค้าไปขายที่นั่นการเก็บภาษีนำเข้าจึงเสมือนเขื่อนกั้นน้ำ ที่ชะลอการเคลื่อนย้ายสินค้า แต่ว่าการฝืนธรรมชาติแบบนี้ ดูจะไม่เป็นที่ต้องการของกระแสทุนนิยมสมัยใหม่ ที่หันไปทางไหนก็มีแต่เปิดเสรีการค้าไม่เฉพาะสินค้าเท่านั้น แม้แต่ แรงงาน ก็ไหลได้เหมือนกัน ไหลจาก ค่าจ้างต่ำ ไปยัง ค่าจ้างสูง เกษตรกรชาวไร่ชาวนาของไทยก็มาหางานทำในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ แรงงานประเทศเพื่อนบ้านก็เข้ามาแสวงโชคในบ้านเรา ตอนนี้ก็มีเข้ามากว่าล้านคนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นพม่า มีลาวกับกัมพูชา แซมมานิดหน่อยแรงงานเหล่านี้ ทำให้ธุรกิจไทยมีทางเลือกมากขึ้น เพราะบางอาชีพคนไทยไม่ใช้ชีวิตเปื้อนฝุ่นอีกแล้ว ทั้งงานในโรงงาน กิจการห้องแถว ที่ต้องจ้างเด็กเสิร์ฟ เด็กล้างจาน ไปจนถึงคนใช้ประจำบ้านแม้ตอนนี้แรงงานต่างด้าวจะได้ใบอนุญาตทำงานชั่วคราวเท่านั้น แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ และถ้าแนวคิดสังคมอาเซียน ( ASEAN Community ) เป็นไปอย่างที่ฝัน เราอาจมีเพื่อนร่วมงานเป็นชาวต่างชาติมากขึ้นไม่เฉพาะงานที่ใช้แรงกาย แต่อาจได้เห็นผู้จัดการชาวสิงคโปร์ มาเลเซียหรือฟิลิปปินส์เข้ามาทำงานในบ้านเราเยอะกว่าเดิมพร้อมๆ กันนี้เราก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 4-5 เท่า เป็นลูกค้าต่างภาษาต่างวัฒนธรรมในทำงานเดียวกัน เราก็มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น หากไม่อยากถูกน้ำท่วมเมื่อประตูเขื่อนเปิด เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเตรียมตัวอย่างไร ซื้อเรือ สร้างแพหรือ เราต้องหาอุปกรณ์ช่วยลอยตัวอุปกรณ์ที่ว่า คือ ต้องรู้ภาษา และวัฒนธรรมของประเทศข้างๆบ้าง อย่าลืมว่าตอนนี้ประเทศเพื่อนบ้านเขาเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมไทยกันพอสมควร แต่เรายังฟังเวียดนาม พม่า ลาว กัมพูชา ไม่รู้เรื่องเลยการทำธุรกิจสมัยนี้ ขนาด รู้เขา รู้เขา ยังแข่งขันลำบาก แล้วถ้า รู้เรา แต่ไม่รู้เขา จะเหนื่อยขนาดไหนเดี๋ยวนี้แรงงานต่างด้าวเขาแยกแยะเพลงชาติไทยกับเพลงลอยกระทง ได้แล้วนะ ส่วนการฟัง การพูด อาจใช้เวลาปรับปรุงอีกหน่อย เชื่อว่าอีกไม่นานเด็กเสิร์ฟร้านก๋วยเตี๋ยวจะต้องออกเสียงชัดว่า เส้นเล็กไม่งอก ไม่ใช่ เส้นเละไม่ง้อCredit : K.สรณ์ จงศรีจันทร์
Create Date : 22 มีนาคม 2559 |
Last Update : 22 มีนาคม 2559 13:33:27 น. |
|
0 comments
|
Counter : 760 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|