การเริ่มต้นธุรกิจ สำคัญที่ "ใจ"

ได้อ่านบทความแล้ว สอดคล้องกับประสบการณ์ที่ผ่านมาในการทำธุรกิจ ก่อนทำธุรกิจสำคัญที่ใจ และต้องถามตัวเองก่อนว่ามีความพร้อมหรือยัง เป้าหมายจะนำมาซึ่งวิธีการและต้องเป็นวิธีการที่เกิดจากศักยภาพตัวเราเอง เพราะความฝันของคุณไม่มีใครทำให้ได้นอกจากตัวคุณเอง

images by free.in.th

ตัวอย่างทุกข์ที่เกิดจากการทำStart Up:


1) ผู้ก่อตั้งหมดไฟ

พอ ลองๆทำไปแล้วเพิ่งรู้ตัวว่า ไม่ใช่เรื่องที่อยากทำจริงๆ แต่ถลำมาเยอะแล้ว บางคนก็เลือกที่จะทนทำต่อไป บางคนก็เลือกที่เลิกและปล่อยคนรอบตัวเดือดร้อนไป

2) ไม่ได้รับการยอมรับเพียงพอ
คน ทำStartUpจริงๆแล้ว มีน้อยคนมากที่จะเด่นในสังคม หลายๆคนที่หวังจะเด่นดังแล้วทำงานเงียบๆไม่เป็น สุดท้ายต้องเลิกไปเพราะไม่ได้อย่างหวัง

(**ผู้แปล: ต้องระวังเรื่องมายาเหล่านี้ให้ดี หลายๆคนเสียเวลาในการสร้างภาพมากจนไม่มีเวลาทำงานจริง หลายๆคนก็ร่ำรวยจากการเขียนหนังสือว่าทำไงถึงจะรวย
...ซึ่ง ทำให้นึกถึงเรื่องเล่าที่ว่าคนขายล๊อตเตอรีมาขายแล้วบอกว่าถูกแน่ ถ้าเขารู้จริงเขาควรจะเก็บไว้เองและก็รวยไปแล้ว ไม่ต้องมาขายล๊อตเตอรีอีกต่อไป)

3) ทะเลาะกันเองในทีม
พอ เริ่มทำงานไปซักพัก ก็พบว่าทำงานเข้ากันไม่ได้ ความสามารถไม่พออย่างที่คาดหวัง ที่น่าเสียดายที่สุด คือการเสียเพื่อนที่คบกันมานานๆไปเพราะการทำงานเป็นทีมไปได้ไม่ดี

(**ผู้ แปล: เรื่องนี้ก็น่าเสียดายมากๆและเห็นบ่อยจริงๆ เทคนิคนึงที่ควรทำคือ ตอนเริ่มธุรกิจ อย่ามองแต่ในแง่ดี แต่ควรดูแง่ลบไว้ด้วย ควรตกลงเงื่อนไขในการเลิกและขอบเขตการลงทุนไว้ให้ชัดว่า ถ้าขาดทุนเมื่อไรถึงจะเลิก จะได้เสียแต่เงินและเวลา แต่ ไม่เสียเพื่อน)

4) เพื่อนร่วมทีมลาออก
พอ ธุรกิจเริ่มไปได้ดี คนในทีมก็อาจจะเริ่มเรียกร้องมากขึ้น หรือเริ่มฝืดก็จะไม่มั่นใจและลาออก ทั้งๆที่อยู่ในช่วงที่ต้องการสนับสนุนที่สุด รู้สึกเหมือนถูกทรยศ


5) ทิศทางเปลี่ยน
เพื่อให้มีรายได้จุนเจือ จึงเริ่มรับงานพัฒนาบางอย่าง แต่พอทำไปเรื่อยๆ กลายเป็นธุรกิจหลักของบริษัทไป ไม่มีเวลามาทำสินค้าของตัวเองซักที

(** ในไทย เรื่องนี้เกิดเยอะมากๆ โดยเฉพาะที่ว่าจะรอให้อยู่ตัวก่อนแล้วค่อยทำ มันจะไม่เคยได้ถึงจุดอยู่ตัวไม่ว่าจะเป็นเมื่อไร ต้องใช้พลังงานสูงมากในการกลับมาทำสินค้าตัวเองให้ได้อีกครั้ง)

6) ชีวิตส่วนตัวล้มเหลว
พอเริ่มธุรกิจ มันจะกินเวลาส่วนตัวมากๆจน หลายๆคนมีปัญหาชีวิตคู่หรือสุขภาพ (**บางคนที่เข้าใจผิดคิดว่าจะExitได้ภายใน2-3ปี จะยิ่งมีปัญหาเพราะการจะทำให้สำเร็จนั้นใช้เวลานานกว่านั้นมากๆ)่


ธุรกิจไปได้ดี แต่คนมีทุกข์

1) มีเงินมาก แต่มีอิสระน้อย
ต้องคอยระวังคำพูดไม่ให้กระทบราคาหุ้น หรือต้องดูรายงานการเงินที่ตัวเองไม่ชอบ รวมทั้งต้องมีสังคมที่อาจจะไม่เหมาะกับตัวเอง

2) สำเร็จแต่ไม่สนุก
ตอน ทำธุรกิจ มีหลายๆครั้งที่งานที่ไม่ตั้งใจบังเอิญไปได้ดี ธุรกิจบางอย่างขยายตัวโดยที่ผู้ก่อตั้งไม่ได้ชอบหรือสนใจ การทำงานจึงออกมาเป็นการทำไปวันๆ

3) ครอบครัวล้มเหลว
ทั้งมีเวลาให้ครอบครัวน้อยลง การสร้างภาพ สังคมที่เปลี่ยนไปทำให้การดูแลบ้านหรือลูกๆไม่เพียงพอ พอรู้ตัวอีกทีก็สายเกินแก้


**ครั้ง นี้ เล่าด้านลบของการทำงานแบบStartUp ซึ่งคล้ายๆผลของการบ้างาน คือ การจะสร้างสิ่งใหม่ๆมันต้องใช้พลังงานและทรัพยากรต่างๆมากมาย จึงต้องมีการสูญเสียอะไรบางอย่างไปบ้าง เรื่องสำคัญคือ ไม่ใช่ทุกคนพร้อมที่จะเสี่ยงเรื่องเดียวกัน และหลายๆคนถ้าได้รับรู้ไว้ อาจจะไม่เลือกวิธีเหล่านั้นก็ได้

เรื่องสำคัญ คือ ต้องรับรู้ข้อมูลให้มากๆ และเลือกให้ถูก ว่าเหมาะกับตัวเองหรือไม่

เช่น StartUpแบบระดมเงินสบั้นหั่นแหลก ก็อาจจะเหมาะกับบางคนที่ถูกโฉลกกับมัน แต่ส่วนตัวผม เพื่อนๆน้องๆหลายๆคนก็อาจจะเหมาะกับ Slow Start Up มากกว่า

การสร้างสรรค์ของใหม่ๆบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องรวดเร็วหรือใช้เงินมากๆเท่านั้น ทางเลือกที่จะค่อยๆทำและมีความสุขกับมันช้าๆก็น่าสนใจดีครับ

CR : Wiwat Wong

ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะจะเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ทุกคนเป็นเจ้าของชีวิตตัวเองได้




 

Create Date : 05 ตุลาคม 2558
0 comments
Last Update : 5 ตุลาคม 2558 13:05:20 น.
Counter : 727 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ibis2555
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย





hit counter
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 ตุลาคม 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ibis2555's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.