Group Blog All Blog
|
Lighting : การจัดแสงสว่างและรูปแบบของดวงโคม ตอนที่ 1 การได้มองเห็นทำให้เราสามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้อย่างสะดวก นอกเหนือจากดวงตาและวัตถุแล้วสิ่งซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในการมองเห็นของมนุษย์ก็คือแสงสว่างนั่นเอง หากโลกนี้ไร้ซึ่งแสงสว่างจะเป็นเช่นไร เราจะใช้ชีวิตอย่างลำบากเพียงไหน? แสงสว่างถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างบรรยากาศ อารมณ์และความรู้สึกในพื้นที่นั้นๆ นอกเหนือจากการเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักในการมองเห็นของมนุษย์ การจัดแสงสว่างที่ดีจำเป็นต้องพิจารณาถึงทั้งปริมาณแสงที่เหมาะสม และคุณภาพของแสง ในแต่ละช่วงเวลาของวัน เราสังเกตได้ว่าแสงแดดมีสีต่างกัน เช่น ช่วงเช้าจะเป็นสีเหลือง ช่วงเที่ยงจะเป็นสีขาว และช่วงเย็นจะเป็นสีส้ม หรือสีของแสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์จะแตกต่างจากสีของแสงไฟจากหลอดไส้ ทั้งหมดนี้คือสีที่เราสังเกตได้ด้วยตาเปล่า แต่หน่วยที่ใช้ระบุค่าสีของแสง เรียกเป็นอุณหภูมิสี มีหน่วยเป็นองศาเคลวิน (Kelvin) เป็นการวัดคลื่นความถี่ของแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงที่ตาคนเราสามารถมองเห็นได้ โดยเทียบกับการแผ่รังสีของวัตถุดำซึ่งเป็นวัตถุที่มีคุณสมบัติในการดูดกลืนพลังงานที่จ่ายให้กับตัวมันไว้ทั้งหมด และวัตถุดำจะเปลี่ยนสีไปตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น จากแดง เป็น ส้ม เหลือง ฟ้า และ ขาว ตามลำดับ ในช่วงอุณหภูมิสีต่ำ (2700–3000 K) สีของแสงจะเป็นโทนอบอุ่น (Warm Light) เช่นเดียวกับสีของเปลวไฟ และในช่วงอุณหภูมิสีสูง (3600–5500 K) สีของแสงจะเป็นโทนเย็น (Cool Light) เช่นเดียวกับสีของท้องฟ้า สำหรับการใช้งานแล้วแสงในโทนอบอุ่น เหมาะที่จะใช้ในบริเวณพักผ่อน และแสงในโทนเย็นจะเหมาะกับการใช้ในบริเวณส่วนทำงาน ความถูกต้องของสีที่ปรากฏภายในแหล่งกำเนิดแสง ถือเป็นส่วนสำคัญยิ่งอีกประการหนึ่ง วัตถุแทบทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกล้วนมีมากกว่าหนึ่งสี แหล่งกำเนิดแสงที่ให้คุณภาพของแสงที่ดีควรจะให้สีของวัตถุไม่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ค่าที่ใช้บ่งบอกความถูกต้อง หรือความผิดเพี้ยนของสี เรียกว่า The Color Rendition Index (CRI) ซึ่งจะมีค่าระหว่าง 1-100 CRI ได้จากการนำแหล่งกำเนิดแสงแต่ละตัวมาทดสอบเทียบกับแหล่งกำเนิดแสงมาตรฐาน หากตำแหน่งสีของแผ่นตัวอย่างสีเมื่อถูกส่องสว่างด้วยแหล่งกำเนิดทั้งสองไม่ต่างกันเลย แสดงว่าไม่มีความเพี้ยนของสีเกิดขึ้น แหล่งกำเนิดแสงที่ให้ค่า CRI ที่เหมาะสมกับการใช้งานในที่พักอาศัย จะมีค่าตั้งแต่ 80 ขึ้นไป คุณภาพของแสงอีกประการหนึ่งคือแสงบาดตา ความสว่างที่มาจากแหล่งกำเนิดแสงโดยตรง จะก่อให้เกิดความยากลำบากในการมองสิ่งต่างๆ เช่นวัตถุที่มีความสว่างมากอยู่ในตำแหน่งด้านหน้าของวัตถุที่สว่างน้อยกว่าจะทำให้เกิดแสงบาดตา แสงสะท้อนจากโทรทัศน์หรือจอภาพคอมพิวเตอร์ หรือแสงจากดวงโคมที่กระทบดวงตาโดยตรง ก็ทำให้เกิดแสงบาดตาได้เช่นกัน อย่างไรก็ดีการมองเห็นแสงบาดตา จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของแหล่งกำเนิดแสงและตำแหน่งของวัตถุ ....ยังมีต่อ.... |
NooNok [MiChiYo]
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] NooNok [MiChiYo] :: hApPy EvErYdAy เป็นมัณฑนากรโดยการศึกษา เป็นคนสอนหนังสือโดยอาชีพ เป็นตากล้องฝึกหัด เป็นแม่ครัวจำเป็น เป็นพี่เลี้ยงเด็กจำยอม .. เป็นอะไรหลายๆ อย่าง ทำบลอกเป็นงานหลัก .. .. .. และ พยายามทำให้ทุกวันเป็นวันสุขค่ะ .. .. บลอกนี้ใช้ฟอนต์ 4803_Kwang_MD โหลดฟอนต์อื่นได้จากเว็บ ค่ะ BG สวยๆ จากบลอก ของ คุณเนยสีฟ้า ค่ะ Tanapon Worachat Create Your Badge หมายเหตุ บลอกนี้จะแสดงผลได้ดีที่สุด เมื่อเปิดจาก Notebook ความละเอียด 1280 x 800 ค่ะ ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย.
|