Group Blog
มีนาคม 2552

1
2
3
5
6
7
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
 
 
All Blog
มาเติมความสดชื่นให้ชีวิตกัน
ทุกวันนี้เครื่องดื่มบำรุงกำลังผุดยี่ห้อใหม่ๆ ออกมามากมาย แต่ละยี่ห้อก็อวดอ้างสรรพคุณไปต่างๆ ด้วยสารอาหารนานาชนิด แต่ถ้าคุณดื่มเข้าไปขวดนึง สองขวด (ห้ามเกินกว่านี้นะโฆษณาบอก) จะให้ความสดชื่นพร้อมลุยงานต่อคุณแค่ไหน? ลองมารู้จักวิธีพิชิตความอิดโรยแล้วเติมความสดชื่นที่ถูกต้องกันดีกว่า

เริ่มที่การตั้งและเรียนรู้นาฬิกาชีวิตของคุณก่อน เคยสงสัยกันใช่ไหมว่า เมื่อคืนอุตส่าห์ไม่ดูบอลเพื่อนอนพักมากๆ แต่ทำไมวันนี้ยังง่วงอยู่อีก? ก็เพราะคุณมีนาฬิกาชีวิตอยู่ในตัวนั่นเอง คนทุกคนมีวงจรการตื่นการหลับ (ที่ไม่เหมือนกัน) ถ้าเข้านอน 5 ทุ่ม-เที่ยงคืน จะกระปรี้กระเปร่าที่สุดตอน 10-11 โมง และกลับไปง่วงช่วงบ่าย

การตั้งนาฬิกาในตัวคุณนั้นต้องมาเรียนรู้ก่อนว่า ที่ต้องนอนตอนกลางคืน เพราะแสงสว่างมีอิทธิพลต่อความกระฉับระเฉงในร่างกาย เช่นเดียวกับกิจกรรมที่ทำอยู่ การออกแรงหรือการพูดคุยกับคนอื่นช่วยให้ร่างกายสดชื่นและไม่ง่วงได้ ลองจัดกิจกรรมในแต่ละวัน ให้ช่วงบ่ายใช้สำหรับงานที่ต้องวิ่งเต้น ติดต่อผู้อื่นหรือพาลูกไปสนามเด็กเล่น ตอนเช้าๆ ที่สดชื่นให้เวลากับงานที่ใช้สมอง ใช้สมาธิ



จากนั้นก็มาดูเรื่อง อาหารการกิน ลืมโฆษณาห้ามดื่มวันละ 2 ขวดเหล่านั้นให้หมด มาทานอะไรที่มีประโยชน์ดีกว่า เริ่มจากอาหารหลักกันเลย คาร์โบไฮเดรตจำพวกแป้งสามารถผลิตสารเซโรโทนินได้ สารหลั่งจากสมองชนิดนี้จะช่วยให้เกิดการนอนได้ อาหารมื้อเที่ยงน่ะงดไปได้เลยกับพวกแป้ง ไม่งั้นช่วงบ่ายจะกลายเป็นเวลาแห่งการนอนไป

ไขมันก็เช่นกัน แต่ปัญหาของไขมัน คือ ต้องการเวลาในการย่อยมาก สมองและกล้ามเนื้อจึงขาดสารอาหารไปเลี้ยงอย่างพอเพียง เมนูเด็ดของมื้อเที่ยงจึงควรเน้นไปที่โปรตีนจะดีกว่า โดยมีส่วนผสมของแป้งและไขมันได้บ้าง ส่วนผักผลไม้นั้นควรทานมากๆ อยู่แล้วเพื่อรักษาแร่ธาตุในร่างกายไม่ให้ลดลง มิเช่นนั้นร่างกายอาจอ่อนเพลียได้

มีการวิจัยกันว่าโบรอน เกลือแร่ที่มีในบรอกโคลี่ แครอท แอปเปิ้ล องุ่นและถั่วต่างๆ มีส่วนสำคัญต่อพลังงานในร่างกายมากทีเดียว การศึกษาที่แล้วๆ มาระบุชัดได้ว่า ผู้ที่ทานอาหารที่มีแร่ธาตุนี้ต่ำ สมองจะทำงานช้าลง สมาธิก็ลดลงด้วย

ทานทีละน้อยๆ แต่บ่อยๆ รักษาระดับน้ำตาลในเลือดช่วยให้พลังงานไหลเวียนตลอดวันจะดีกว่า เลี่ยงอาหารมื้อหนักก่อนงานที่ต้องการการตื่นตัว ถ้ารู้สึกระหว่างวันร่างกายเริ่มอ่อนเพลีย ท็อฟฟี่ไม่ได้ช่วยอะไร เปลี่ยนเป็นผลไม้จะสดชื่นได้นานกว่า ส่วนกาแฟต้องปริมาณพอเหมาะเท่านั้น (0.15-0.24 ลิตรจะให้กาเฟอีนที่กำลังเหมาะ)



การออกกำลังกายก็สำคัญ เคยไหมที่รู้สึกอ่อนระโหยแต่พอออกจากฟิตเนสกลับกลายเป็นกระปรี้กระเปร่า เป็นเพราะการออกกำลังกายไปกระตุ้นร่างกายผลิตสารอะดรีนาลีนให้สูงขึ้น เดินก้าวฉับๆ 30-45 นาที 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกายหนักๆ (วิ่ง/เต้นแอโรบิค) 30 นาที 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์จะสร้างความสดชื่นให้คุณได้

ถ้าวันนี้คุณยังไม่เคยออกกำลังกาย ลองไปทำดูสิ มีประโยชน์มากจริงๆ แต่อย่าเพิ่งหักโหมในช่วงเริ่มต้นนะค่อยเริ่มวันละนิด ควบคุมอัตราการเต้นของชีพจรด้วย โดยการเอาอายุของคุณไปลบออกจาก 220 ผลลัพธ์ที่ได้ไปคูณ 0.60 และ 0.85 วัดชีพจรของคุณต่อนาทีดู ถ้าได้เป็นตัวเลขระหว่างผลลัพธ์ที่คูณออกมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอเหมาะ

กิน นอน ออกกำลังอย่างที่แนะนำไปแล้วยังคงไม่สดชื่น ลองค้นหาดูว่าตอนนี้คุณมีปัญหาด้านจิตใจอย่างไรบ้าง? ความเครียด ความเศร้าซึม ความโกรธเป็นผลกระทบต่อจิตใจและดึงเอาความสดชื่นออกจากคุณได้เสมอ โดยเฉพาะถ้าคุณต้องเก็บกดความรู้สึกเหล่านั้นไว้ล่ะก็ ยิ่งต้องใช้พลังงานมากยิ่งขึ้นไปอีก

ลองศึกษาเคล็ดลับจากพวกนักกีฬาดูก็ดี เพราะพวกนี้ต้องรักษาพลังงานให้ไม่ตกระหว่างแข่งขัน มีเคล็ดลับหนึ่งมาฝากนั่นก็คือการควบคุมการหายใจ ลองหายใจลึก ๆ ช้า ๆ 3 ครั้ง แต่ละครั้งหายใจจนช่องท้องตอนล่างขยายตัวเต็มที่ (นับ 1 ถึง 4) กลั้นหายใจ (นับ 1 ถึง 8) ให้อากาศหมุนเวียน ผ่อนลมหายใจช้า ๆ จนท้องยุบ

ไม่ใช่แค่เพิ่มสมาธิและความสดชื่นได้ในเชิงกีฬาเท่านั้น แต่ในยามที่คุณกำลังเผชิญหน้ากับเจ้านายที่รอรายงานของคุณอย่างจดจ่อ หรือในยามที่เจ้าตัวเล็กอ้อนวอนขอให้คุณเล่านิทานเพิ่มอีกเรื่องก่อนนอนก็สามารถทำให้คุณสดชื่นพร้อมรับมือทุกสถานการณ์โดยไม่ประหวั่นพรั่นพรึง

//www.homeandi.com/lifestyle/contents/?c=65&p=6



Create Date : 04 มีนาคม 2552
Last Update : 4 มีนาคม 2552 22:15:50 น.
Counter : 745 Pageviews.

0 comments

Mimi-jaiko
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]