Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2552
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
27 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 

สะบายดี หลวงพระบาง 2552






Free TextEditor

ทริปนี้ เป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก เนื่องจากเรา(ทั้ง 8 ชีวิต) เดินทางโดยรถไฟ หลังจากตกลงนัดหมายกันเสร็จเรียบร้อย เราก้อได้วันดีคือค่ำคืนของ วันที่ 6 พ.ค. 2552 (ที่เลือกวันนี้เพราะพวกเราตั้งใจจะไปให้ทันวันวิสาขบูชาที่หลวงพระบาง) พวกเราจึงเริ่มสะพายเป้ขึ้นบ่า เดินทางไปขึ้นรถไฟที่สถานีหัวลำโพง รถไฟออกเวลา 18.30 น.



ถึง หนองคาย เวลา 05.30 น. หลังจากล้างหน้า ล้างตาที่สถานีรถไฟเป็นที่เรียบร้อย พวกเราก้อได้อาศัยรถสามล้อเครื่อง จากหน้าสถานีรถไฟไปยังสะพาน ไทย-ลาว เพื่อทำเรื่องผ่านแดน เนื่องจากทริปนี้ พวกเราตั้งใจที่จะไปกันหลายวัน เลยต้องใช้พาสปอร์ตแทนบัตรประชาชน พอทำเรื่องเสร็จก้อไปนั่งรอรถที่จะพาเราข้ามสะพานไปยังฝั่งลาว แล้วเราก้อจับจองที่นั่งบนรถเรียบร้อย ตื่นเต้นมากก ระหว่างทางเลยได้วิว สวยๆ มาฝาก 







ข้ามมาถึงแล้วจ้า ขอทำเรื่องเข้าประเทศสาธารณะรัฐประชาชนลาวก่อนนะคะ



Free TextEditor



กรอกเอกสารเรียบร้อยแล้ว ไปดูรอบๆ ด่านดีกว่านะคะ เก๋มากเลยค่ะ ป้ายห้องน้ำค่ะ



Free TextEditor







ตู้ ATM ค่ะ แต่ไม่กล้ากด กลัวนับเงินไม่ถูกค่ะ



Free TextEditor





รถแท๊กซี่ของเขาค่ะ เดินทางต่อกันนะคะ วันนี้เราต้องเดินทางให้ถึงหลวงพระบาง หลังจากได้รถที่จะพาพวกเราไปแล้ว เริ่มเดินทางระยะยาว อีกหนึ่งรอบ จากกรุงเวียงจันทน์ สู่เมือง วังเวียง ระยะทาง 156 กิโลเมตร สภาพเส้นทางก็โอเค ภูเขามีนิดหน่อย... จากเมืองวังเวียง สู่ หลวงพระบาง ระยะทางประมาณ 210 กิโลเมตร สภาพเส้นทางภูเขาเยอะหน่อย โดยผ่านเมืองกาสี เมืองพูคูน และเมืองกิ่วกระจำ สภาพเส้นทางเริ่มคดโค้งขึ้นเรื่อยๆ และภูเขาก็มากขึ้นตามลำดับ แต่คุ้มค่ะ วิวระหว่างทางสวยมากๆ ไปดูกัน









ภาพนี้ไกด์ (คนขับรถ) บอกว่าเป็นผาตั้งค่ะ สวยมากๆ น้ำใส่ เด็กๆ เล่นน้ำกันน่าสนุก





ตลอดทางเราจะเห็นสีเขียวของต้นไม้ ดูแล้วสดชื่นดีจัง















ภาพนี้เห็นแล้วชอบมาก ดูเป็นธรรมชาติดี
บ้านเราหาดูยากส์มาก สาว 2 คน ปั่นจักรยาน ดูแล้วระยะทางไกลน่าดู





จุดชมวิวอีกจุด กับรถคู่ชีพที่พาพวกเราเที่ยวในทริปนี้





ภาพที่เห็นจากจุดชมวิวค่ะ






ภาพนี้ชอบส่วนตัวจ๊ะ อิอิ







โอ้แม่ดอกหญ้าเอ๋ย หนาวลมพัดเชย แล้วเจ้า
จะบินไปไหน เจ้าลอยสู่ฟ้าแสนไกล แล้วจะมีใครเขาเอื้อมมือไปใฝ่ถึง หรือเจ้าอยากเป็นดอกฟ้า หาคู่เทวา ชั้นดาวดึงส์ สุดฟ้าไกล พี่คงไป
ไม่ถึง จะเอื้อมคว้าดึงเจ้ามาเป็นดวงใจ.......









เดินทางกันมาสักครู่ การเดินทางของพวกเราต้องหยุดชงัดลงชั่วคราวค่ะ
เนื่องจากอุบัติเหตุ ลงไปดูถึงได้รู้ว่ามีรถตกเขาค่ะ เขากำลังพยายาม
ที่จะนำรถคันดังกล่าวขึ้นมา โดยใช้รถอีกคันมาดึงค่ะ ถามคนที่มุงกันอยู่ เขาบอกว่าตกไปได้ 3 วันแล้ว คนในรถปลอดภัยทุกคน แต่สุดท้ายเขาก้อนำรถคันดังกล่าวขึ้นมาไม่ได้ค่ะ ต้องกลับไปคิดหาวิธีใหม่ ไกด์ที่พาพวกเราเที่ยวบอกว่าเกิดบ่อยค่ะ เหตุการณ์รถตกเขา แต่ไม่มีใครเป็นอะไรนะคะ อาจจะเป็นเพราะภูเขาของบ้านเค้าต้นไม้ใหญ่ๆ ยังหนาแน่นอยู่ ทำให้รถไม่ไถลลงไปมากกว่านั้น





ที่เห็นอยู่ลิบๆ นั้นเป็นเส้นทางที่พวกเราผ่านมาค่ะ ว้าววว มาได้งัยนี่





จะมองไปทางไหนก้อเห็นแต่ภูเขา ลูกเล็ก
ลูกน้อย ลูกใหญ่ เต็มไปหมด







ภาพนี้ชอบส่วนตัวอีกแล้วค่ะ สวยมากเลย











ถึงหลวงพระบางแล้วค่ะ
พวกเราเดินทางถึงก้อเย็นมากแล้ว ได้อาบน้ำให้สบายตัว ออกไปเดิน
หาของกิน ที่พักที่เราพักไม่ไกลจากไนท์พลาซ่าเท่าไร เลยถือโอกาสเดินช๊อปซะเลย





ผีเสื้อตัวนี้เห็นตอนเช้าช่วงที่พวกเราตื่นขึ้นมา รอใส่บาตรข้าวเหนียวกันค่ะ
ครั้งแรกนึกว่าของปลอม แต่ดูใกล้ๆแล้ว กลายเป็นของจริงค่ะ แปลกมากเค้าบินมาเกาะที่ กระติ๊บข้าวเหนียว เทียบให้พวกเราเห็นเลยว่าตัวใหญ่แค่ไหน







ที่หลวงพระบางเค้าจะใส่บาตรด้วยข้าวเหนียวค่ะ ขอบอกว่าใส่แถบไม่ทัน พระเยอะมากๆๆ ที่สำคัญท่านจะไม่ยืนอยู่กับที่เพื่อรับบาตรเหมือนบ้านเรานะคะ ท่านจะเดินไปเรื่อยๆ ด้วยความสงสัยเลยถามไกด์ว่าแล้วท่านนำข้าวเหนียวไปทานกับอะไร คำตอบคือจะมีผู้เฒ่าผู้แก่ไปทำกับข้าวให้ที่วัดค่ะ













สินค้าบางอย่างจากตลาดเช้าจ้า





ร้านกาแฟยอดนิยมในตลาดเช้า













วัดเชียงทอง ในบรรดาวัดวาอารามทั้งหมด ต้องยกให้วัดเชียงทอง เป็นวัดที่สำคัญ และสวยงามที่สุด และได้รับการมาเยี่ยมเยือนจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด







ถ้าความจำไม่สั้นจนเกินไป รูปปั้นที่เห็นน่าจะเป็นรูปปั้นของ พระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ ที่ตั้งมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรมและเป็นที่นับถือของประชาชน







ที่นี่เป็นพระราชวังเก่า และเป็นที่ประดิษฐานของพระบางค่ะ เสียดายที่เค้าไม่ให้นำกล้องเข้าไปถ่ายรูป เราเลยได้แต่ภาพด้านหน้ามาให้ดูกัน













เราไปต่อกันที่ ถ้ำติ่งค่ะ ตั้งอยู่ในภูเขาลูกใหญ่ตระหง่านอยู่ริมน้ำโขง การเดินทางต้องใช้เรือ เพื่อที่จะได้ชมทิวทัศน์สองฝากฝั่งลำน้ำโขง ขาไปเป็นการนั่งทวนน้ำใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง ขากลับจะล่องตามน้ำใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ

ถ้ำติ่งประกอบไปด้วย 2 ถ้ำ แยกขวาไปถ้ำติ่งลุ่ม(ล่าง) แยกซ้ายไป
ถ้ำติ่งเทิง(บน)
ถ้ำติ่งลุ่ม หรือถ้ำติ่งล่างนั้น สูง 60 เมตรจากพื้นน้ำมีลักษณะเป็นโพรงถ้ำตื้นๆ มีหินงอกหินย้อยเล็กน้อย เป็นถ้ำที่มีพระพุทธรูปจำนวนมากหลายขนาด

ส่วนใหญ่จะเป็นพระยืน มีทั้งปางประทานพร และปางห้ามญาติ

ความสำคัญของถ้ำติ่งในสมัยโบราณเป็นที่สักการะบ่วงสรวง
ดวงวิญญาณ ผีฟ้า ผีแถน เทวดาผาติ่ง

ออกจากถ้ำติ่งไปไม่ไกลนัก เราแวะไปเที่ยวที่นี่กันค่ะ บ้านม่วงแก้ว
ที่นี่ไม่มีรถจักรยาน ไม่มีรถมอเตอร์ไซด์ ไม่มีรถยนตร์ใช้ค่ะ ชาวบ้าน
เดินและใช้เรือเท่านั้น ที่นี่ชาวบ้านน่ารักค่ะ มีโรงเรียนด้วย
เป็นโรงเรียนประถม ชาวบ้านที่นี่เค้ามีอาชีพทอผ้าค่ะ









ท้าว(คำนำหน้าผู้ชาย) คนนี้เค้ามารำลึกถึงเมื่อครั้งยังเด็กเคยร่ำเรียนที่นี่ ห้องหนึ่งมีนักเรียนอยู่ประมาณ 10 คน ในหนึ่งห้องแบ่งเป็น 3 แถว คือ ป.1, ป.2 และ ป.3 มีครู 1 คน/font>






ที่นี่มีร้านค้าอยู่ที่เดียวค่ะ เป็นร้านค้าเล็กๆ




กลับกันได้แล้วค่ะ เราจะไปเที่ยวน้ำตก
ตาดกวางสีกันต่อ ที่นี่ขอบอกว่าสวยมากกมาย น้ำตกตาดกวางสี
หรือชาวบ้านเรียกว่าน้ำตกกวางสี เป็นน้ำตกหินปูน สูงราว 70 เมตร
มีสองชั้น สภาพป่าร่มรื่น มีสะพานและเส้นทางให้เดินชมรอบๆ น้ำตก เกือบจะไม่ได้ไปเนื่องจากเราไปเสียเวลาตอนนั่งเรือกลับจากถ้ำติ่งมาก เพราะเราพบกับเรือท่องเที่ยวเสีย หันไปเห็นเค้าโบกมือเรียกไกลๆ เลยให้เรือที่พาเราเที่ยวแวะไปดู และได้ทำความดีในการรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้กลับมาด้วย ส่วนมากเป็นฝรั่ง กับญี่ปุ่นค่ะ ได้ยินเค้าบอกว่ารอมา 3 ชั่วโมงแล้วโบกมือเรียกใครช่วยก้อไม่มีใครช่วยค่ะ แต่ยังไงพวกเราทั้ง 8 ชีวิตก้อได้เข้าไปชมน้ำตกจนได้ อันนี้ขอยกความดีให้กับผู้พาเราเที่ยวในทริปนี้ค่ะ เก่งจิงๆ


















เรารีบไปรอดูพระอาทิตย์ตกที่พระธาตุพูสีกันดีกว่าค่ะ"ไปเที่ยวหลวงพระบางแล้ว ไม่ได้ขึ้นพระธาตุพูสีถือว่า ไปไม่ถึงหลวงพระบางค่ะ"
พูสี เป็นยอดเขาที่มีความสูงราว 150 เมตร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง การได้เดินขึ้นไปบนยอดพูษีทำให้เห็นเมืองหลวงพระบางได้โดยรอบ และเห็นสายน้ำโขง มีบันไดขึ้นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือตรงข้ามพระราชวัง 328 ขั้น ตลอดทางขึ้นร่มรื่นไปด้วยต้นจำปา (ดอกไม้ประจำชาติลาว) หรือที่บ้านเราเรียกว่าต้นลั่นทม 


• พูสี มีความหมายว่า ภูเขาของพระฤาษี เดิมชื่อว่า ภูสรวง ครั้นเมื่อมีฤาษีไปอาศัยอยู่ชาวบ้านจึงเรียกว่าภูฤาษี หรือภูษีมาจนถึงปัจจุบัน แต่ยังมีนักโบราณคดีบางคนเชื่อว่าภูษี อาจหมายถึง พูสีซึ่งเป็นศรีของเมืองหลวงพระบาง


ช่วงที่พระธาตุนี้งดงามที่สุดคือช่วงตอนบ่ายแก่ๆแสงแดดจะกระทบองค์พระธาตุเป็นสีทองสุก

เสียดายที่ไม่มีแสงสุดท้ายบนขอบฟ้ามาให้เห็น เลยไม่มีภาพมาให้ดูกัน










แล้วพวกเราก้อต้องร่ำลาหลวงพระบางด้วย
ภาพคืนวันวิสาขบูชา สัญญาว่าจะกลับมาใหม่ สะบายดีหลวงพระบาง วันรุ่งขึ้นพวกเราจะเดินทางไปวังเวียงกันแล้ว









แล้วเราก้อต้องเดินทางกลับมายังถนนที่มีแค่
3 โค้ง คือโค้งซ้าย โค้งขวา และโค้งอันตรายยย
เมืองวังเวียง เป็นเมืองธรรมชาติสวยสดงดงาม อากาศเย็นสบาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวของลาว ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำซอง ล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูง มองเห็นสายน้ำกว้างสลับกับเนินทราย โดยมีเทือกเขา หินปูนเป็นฉากหลัง วังเวียงได้ฉายาว่า กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว
แวะชมถ้ำจัง ( ถ้ำสารพัดสี) ซึ่งหน้าถ้ำมีน้ำแร่ธรรมชาติให้เล่นด้วย
แต่พวกเราไม่สามารถเล่นได้ เพราะคนเยอะมาก อิอิ

สะพานข้ามไปชมถ้ำจังค่ะ





ทางเข้าถ้ำจังค่ะ





น้ำแร่ธรรมชาติหน้าถ้ำ และทางขึ้นถ้ำ เบาะๆ บันไดแค่ 147 ขั้น







ภาพภายในถ้ำบางส่วน เนื่องจากมีเวลาน้อยจึงต้องรีบกลับออกมาก่อนประตูจะปิด







ภาพจากปากทางออก สามารถมองเห็น เมืองวังเวียงได้รอบเมือง







จากด้านหลังที่พักจะเห็นลำน้ำซอง กิจกรรมต่างๆจึงอยู่ริมน้ำซอง ไม่ว่าจะเป็น การนั่งเรือเที่ยวชม สองฝากฝั่งลำน้ำ
















ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ภายในที่พักก็สวย






อ้าววว คุยมาตั้งนาน ยังไม่ได้บอกเลยว่า
ที่พักสวยๆ ของพวกเราคือที่ไหน อิอิ ไปอ่านกันเองแล้วกันค่ะ





เวลาช่างเดินเร็วเหลือเกิน ถึงเวลาที่พวกเราต้องอำลาวังเวียงแล้วค่ะ วันนี้เราต้องเดินทางต่อไปที่เวียงจันทร์ เพื่อเก็บภาพที่พระธาตุหลวง

ระหว่างทางเราจะผ่านหมู่บ้านทำปลาขายค่ะ ไปดูกันดีกว่า







และดอกไม้สวยๆ ริมถนน ไม่รู้ต้นอะไรนะคะ เห็นดอกสวยมาก คล้ายๆกับหางนกยูง แต่ดอกใหญ่กว่า มีให้เห็นไม่มากเท่าไร แต่ที่สำคัญไม่เคยเห็นในบ้านของเรา เลยขอนำมาให้ดูใครรู้ว่าชื่อต้นอะไร ช่วยบอกด้วยนะคะ







และพวกเราก็ได้ไปเดินช๊อปปิ้งสิ่งของต่างๆ ที่เวียงจันทร์ ระหว่างที่กำลังซื้อของก็หันไปเห็นป้ายนี้เข้าค่ะ ลองเดาดูนะคะว่าเค้าทำธุรกิจอะไร





พระธาตุหลวงแห่งนี้ถือเป็นศาสนสถาน ที่สำคัญที่สุดของประเทศลาว เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติและยังแทนความเป็นเอกราชและอำนาจอธิปไตยของประเทศลาวอีกด้วย













พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ตั้งอยู่บนฐานสูง พระหัตถ์ทรงถือพระแสงดาบวางพาดไว้บนพระเพลา เล่ากันว่า พระแสงดาบเล่มนี้ทำหน้าที่ปกป้องพระธาตุหลวงซึ่งได้ถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวลาวทุกคน





ถ่ายรูปกันอยู่ได้สักพักใหญ่ๆ ก้อหันไปเห็นภาพนี้ค่ะ









แล้วก้อได้เวลาอำลาพระธาตุหลวง เพื่อไป ถ่ายรูปที่ประตูชัยต่อแล้วค่ะ





ประตูชัย เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้เสียสละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ประตูชัยแห่งนี้มี ชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า รันเวย์แนวตั้ง เพราะการก่อสร้างประตูชัยแห่งนี้ ใช้ปูนที่อเมริกาซื้อเพื่อนำมาสร้างสนามบินใหม่ในนครเวียงจันทน์ในระหว่างสงครามอินโดจีน แต่ไม่ทันได้สร้าง เพราะอเมริกาแพ้สงครามในอินโดจีนเสียก่อน จึงนำปูนซีเมนต์มาสร้างประตูชัยแทน ลักษณะสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลของประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เจ้าอาณานิคมในสมัยนั้น แต่ลักษณะสถาปัตยกรรมก็ยังมีเอกลักษณ์ของลาวปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปศิลปะลาว ภาพเรื่องราว มหากาพย์รามายณะ แบบปูนปั้นใต้ซุ้มประตูโค้งของประตูชัย บันไดวนให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์ของนครเวียงจันทน์ บนยอดของประตูชัยอีกด้วย

















ขออำลาประเทศลาว ด้วยภาพประตูชัย ยามค่ำคืน สวยงามมาก สมกับที่พวกเราตั้งตารอเวลานี้มาเลย ไว้มีโอกาส จะกลับมาเยือนอีกแน่นอน รักประเทศลาวจัง ขอบคุณในน้ำใจ ที่ได้รับจากพี่ๆน้องๆ ชาวลาว และไกด์ที่น่ารักประจำทริปนี้ของเรา คุณจ่อย ที่อำนวยความสะดวก และหาอาหารอร่อยๆ ให้ทาน ตลอดระยะการเดินทาง แล้วเจอกันอีกแน่นอนในทริปหน้า





และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับทริปนี้ คือสิ่งนี้ค่ะ








 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2552
0 comments
Last Update : 23 มิถุนายน 2552 2:01:36 น.
Counter : 3177 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ไออุ่นกลางสายลมหนาว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฉันคือดอกหญ้าที่อยากจะทำอะไรให้กับแผ่นดิน

ยินดีต้อนรับสู่บล๊อค "ไออุ่นกลางสายลมหนาว"

ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน

Friends' blogs
[Add ไออุ่นกลางสายลมหนาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.