ที่หน้าบ้าน
น่าน 2551
เช้าวันทำงานวันแรกของปี วันที่ 2 มกราคม 2551 ผมออกมานั่งที่เก้าอี้หวายหน้าประตูบ้าน เพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯพร้อมกับเพื่อนที่จะมาแวะรับที่บ้าน เช้าวันนี้อากาศเย็นจัดกว่าทุกวัน หมอกลงหนา นักเรียนไปโรงเรียนด้วยชุดวอร์มครบชุด คนทำงานหลายๆคนที่ต้องไปทำงานด้วยมอเตอร์ไซค์ต่างหลบตัวเองหลังเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ ถุงมือ หมวกและกางเกงขายาว บางคนมีผ้าเช็ดหน้าผืนนุ่มปิดหน้าตั้งแต่ครึ่งจมูกลงมา หลายๆคนที่ไม่สวมหมวก ผมจะเปียกเหมือนได้สระผมตอนเช้าก่อนมาทำงาน
ผมนั่งนิ่งๆคิดถึงวันเก่าๆ ตอนที่ถนนหน้าบ้านยังคงเป็น 2 เลนเล็กๆ ตอนนั้น ผมก็ชอบมานั่งหน้าบ้าน ทักทายผู้คนที่รู้จักที่ผ่านไปมา นั่งมองดอกไม้ ต้นไม้ที่แม่ปลูกเอาไว้หน้าบ้าน ช่วงสงกรานต์ก็ขนถังน้ำออกมาสาดคนที่ผ่านไปมาใต้ต้นขี้เหล็กใหญ่ที่หน้าบ้านป้าข้างๆบ้าน บ่ายๆในวันปิดภาคเรียน ก็วิ่งข้ามถนนไปปีนต้นมะม่วง ต้นที่อยู่ในสวนตรงข้ามบ้านอีกฝั่งของถนน นั่งทานมะม่วง นั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้จนเย็นจนค่ำ แม่ต้องตะโกนข้ามถนนมาเรียกกลับบ้านนั้นแหละ เป็นได้ลุกจากมา
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ถนนกลายเป็น 4 เลน กว้างขวางและสวยงาม ถนนหน้าบ้านจากเดิมที่เป็นเนินสูงและโค้งนิดๆ ก็ถูกปรับให้เรียบและตรงขึ้น รถที่สัญจรผ่านไปมาก็วิ่งเร็วขึ้นมาก แต่ตรงกันข้ามกับคนแก่กลับข้ามถนนได้น้อยลง เพราะข้ามยากขึ้น ขี้เหล็กต้นใหญ่หายไป รวมถึงต้นสะเดาที่ปลูกเรียงเป็นแถวริมถนนก็หายไป สวนเล็กๆหน้าบ้านของผมหดเล็กลง ต้นไม้ของแม่หลายๆต้นต้องโยกย้ายไปอยู่ที่ระเบียงชั้น 2 เพราะถนนได้รุกเข้ามาใกล้บ้านมากขึ้น
การนั่งเล่นหน้าบ้านไม่สุขใจเหมือนแต่ก่อนแล้ว รถยนต์วิ่งเร็วและส่งเสียงดังเกินกว่าที่เราจะยืนชื่นชมได้ ผมเลยต้องเปลี่ยนไปอยู่ทางด้านหลังบ้านมากกว่าเดิม ซึ่งก็สุขใจได้ไม่แพ้กัน หันไปทักทายกับญาติบ้านติดๆกัน และเล่นกับเจ้าเหมียวแมวของพ่อแทน
และจะด้วยความที่เป็นเมืองเล็กมาก จึงเป็นโชคดีว่า ตอนกลางคืน บ้านเราจะได้พักหูจากสรรพเสียง กลับสู่เสียงธรรมชาติ ได้นอนหลับกันอย่างมีความสุข ข้อนี้อาจจะดีกว่าชาวบ้านแถบสุวรรณภูมินะ เคยถามใจตัวเองว่า ในเมื่ออยู่ได้ยากขึ้น เราจะย้ายไปที่อื่นหรือเปล่า หรือรื้อทิ้งและปลูกใหม่ในที่ดินที่อยู่ถัดไปข้างใน แต่ใจก็ไม่สามารถทำได้ เพราะว่าบ้านหลังนี้มีประวัติมากมายที่เกี่ยวพันกับชีวิตของผม ของครอบครัว เป็นบ้านหลังแรกที่พ่อสร้างขึ้นมาโดยน้ำพักน้ำแรง และออกแบบร่วมกับอาและลุง เป็นบ้านที่ผมได้เกิดที่นี่(ไม่ได้ไปโรงพยาบาล) เป็นบ้านที่แม่ได้ก่อร่างสร้างธุรกิจจนเติบโตส่งลูกเรียนจนจบได้ เป็นบ้านที่มีความหมายสำหรับพวกเราทุกคนมากๆ และคิดว่าพวกเราจะทะนุถนอมให้บ้านหลังนี้อยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน ส่วนเสียงต่างๆนาๆที่ดังอยู่นั้น เราอาจต้องปรับให้ชิน หรือไม่ก็ต้องทนให้ได้ต่อไป ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร เพราะเราทำเพื่อบ้านที่เรารักนั้นเอง
ปล. 1 ภาพบ้านหลังแรกที่เห็น ไม่ใช่บ้านผมนะ เป็นบ้านของคนข้างบ้าน
ปล. 2 ตอนนี้ แม่เริ่มมายุ่งกับสวนหลังบ้านแล้ว เรามีแผนการที่จะปรับเป็นสวนครัว สวนดอกไม้ ศาลาพักผ่อน หวังว่าคงจะไม่มีใครตัดถนนผ่านหลังบ้านนะ
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2551 |
|
23 comments |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 20:01:17 น. |
Counter : 908 Pageviews. |
|
|
|