ข้าวพอง กินแล้วตัวก็พองตาม เริ่ม: 12 Mar 2012 วันนี้: 2 May 2012 เส้นชัยเป้าหมายแรก: 17 May 2012 น้ำหนักเริ่มต้น 64 kg น้ำหนักเป้าหมายแรก 59 kg น้ำหนักเป้าหมายกลาง 54 kg น้ำหนักในฝัน 48 kg น้ำหนักวันนี้ day: 59.8 kg night: 60.4 kg ..........NOW........... 64 - 63 - 62 - 61 - (60 - 59) 58 - 57 - 56 - 55 - 54 53 - 52 - 51 - 50 - 49 48 มื้อเช้า: น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย กล้วย 1 ผล หั่นแว่น ไข่ต้ม 2 ลูก กินแต่ไข่ขาว มื้อกลางวัน: ข้าว 1 กับข้าว 2 อย่าง ระหว่างมื้อ: ข้าวพองตัด 3 ชิ้นใหญ่ (ทั้งน้ำตาล ทั้งแป้ง กินเข้าไปทำไมเนี่ย ) มื้อเย็น: น้ำมะพร้าว 3 อึก ขนมกัมมี่แบบเส้นรสสตอเบอร์รี่ strawberry lace 1/2 เส้น กับ ขนม jelly beans 2 เม็ด (แอบเจอตอนกะลังหาของในห้อง ) ขับถ่าย: ปกติ ออกกำลังกาย: วิ่ง 20 นาที (3 รอบ ประมาณ 4 กม.) เต้นฟรีสไตล์ 60 นาที บริหารต้นขาด้านใน Comments: เดี๋ยวนี้มื้อเช้าเรากินอะไรจริงจังมาก มาถึงที่ทำงาน ซัดไข่ต้มก่อนเลย แต่กินแต่ไข่ขาว แล้วก็ค่อยไปอุ่นน้ำเต้าหู้ใส่ข้าวโอ๊ต จัดการซอยกล้วยหอมตามลงไป คนให้เข้ากันเล็กน้อย จากนั้นก็โซ้ยแหลกกกกกก พอกินหมดก็อิ่มสิคะ อิ่มยาวไปถึงกลางวัน มื้อกลางวันก็กินที่โรงอาหาร หรือถ้าขยัน ก็ทำมากินเอง กินเสร็จ ไม่ทันไรก็หิวอีก ก็ซัดของว่างยามบ่ายตามลงไป ข้าวพอง กินแล้วตัวก็พองตาม ไม่น่าหลงซื้อมาเลย จะทิ้งก็เสียดาย แต่ตอนกินก็อร่อยดีนะ (ประจำ) คราวหน้า อย่าหลงซื้อมาอีกล่ะ ข้าวพองเนี่ย แต่รู้สึกว่าร่างกายเราเดี๋ยวนี้มีระบบของเค้าเอง ดูๆ ไปก็คล้ายๆ fast 5 แต่เราไม่ได้ไปกำหนดอะไร เหมือนร่างกายเป็นไปเอง ระยะเวลากิน เริ่มตั้งแต่เก้าโมงครึ่ง กินๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนถึงสามโมงเย็น จากนั้นเหมือนปิดสวิตซ์ ไม่หิว ไม่โหย ไม่อยากอะไรใดๆ เหมือนรู้เองว่า ถ้ากินหลังสามโมง พอไปวิ่งแล้วจุกนะ หรือถ้าซ้ำร้าย กินเยอะเกิน ย่อยไม่ทัน ก็ไม่ต้องวิ่งกันพอดี พอวิ่งเสร็จก็พัก พักให้หายเหนื่อย แล้วก็เปิดเพลงเต้นต่อ เต้นเสร็จ ก็พักอีกรอบ ให้เหงื่อแห้ง เพราะว่าเต้นในห้อง เหงื่อโชกเลย จะไปเต้นตรงระเบียงก็กระไรอยู่ เพราะอิชั้นใส่บิกินี่เต้นเจ้าค่ะ ฮ่าๆๆ วันก่อนรูมเมทกลับมาระหว่างเราเต้นอยู่ แต่เราดันล็อคประตูหลัก เค้าเลยเข้าไม่ได้ เราก็เลยพันผ้าเช็ดตัวแล้วเดินไปเปิดประตูให้เค้า เค้าถามว่า ยูว่ายน้ำหรอ ก็ถ้าในห้องมีสระว่ายน้ำส่วนตัว เดี๊ยนก็คงว่ายไปแล้วอ่ะค่ะ (ฮาาา) แต่สองสามวันมานี้รู้สึกปวดเอ็นข้างหัวเข่าซ้ายตอนวิ่ง วันจันทร์ ฝนตก เลยต้องออกไปวิ่งริมถนน รอบใหญ่ แล้วด้วยความบ้าพลัง อิชั้นก็ซัดไปซะ 2 รอบ รอบละ 1.5 กม. (ปกติจะวิ่งรอบใน 4 รอบ ประมาณ 3 กม.) ครบรอบแรกก็หยุด แต่คิดว่ายังไหว ก็เลยวิ่งต่อรอบสอง แต่มันยางมะตอยล้วนๆ ทั้งเสียด ทั้งทาน หลังวิ่งก็ปวดจี๊ดๆ แต่คิดว่าเดี๋ยวคงหาย ตอนนี้เกิดอาการวิ่งไม่ออก วิ่งไปเจ็บแปล๊บไป ไม่ได้เหนื่อยอะไร แต่วิ่งต่อไม่ไหวเพราะปวด แต่ตอนเต้น กลับไม่ปวดอะไร แปลก ไว้เย็นนี้จะลองอีกรอบ ถ้ายังปวดอยู่ คงต้องไปหาซื้อที่พันเข้่ามาสวมซะแล้ว "There's a great empowerment that I get from running, not only from the endorphins . . . Being a runner, to me, has made being depressed impossible. If ever I'm going through something emotional and just go outside for a run, you can rest assured that I'll come back with clarity and empowerment." Alanis Morissette shares how running has made her a happier person. พูดให้เข้าใจง่ายๆ เป็นภาษาชาวบ้านก็คือ วิ่งแล้วหายบ้า นั่นเอง เอิ๊กๆๆ สุดยอดมากเ้ลยค่ะ ช่วงนี้เราก็กำลังลดอยุ๋ เอาใจช่วยนะคะ
โดย: Yingforyou วันที่: 7 พฤษภาคม 2555 เวลา:11:33:38 น.
|
สมองกลับ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] กลับมาลดน้ำหนักอีกรอบ พร้อมกับต้องมุ่งมั่นวิ่งมินิให้ได้ก่อนสิ้นปี!!! น้ำหนักเริ่ม 64 kg น้ำหนักเป้าหมายแรก 59 kg น้ำหนักเป้าหมายกลาง 54 kg น้ำหนักในฝัน 48 kg เริ่ม (2012): 12 Mar 2012 - 64.3 kg เริ่ม (2013): 20 May 2013 - 55.8 kg ..........NOW........... 64 - 63 - 62 - 61 - 60 - 59 58 - 57 - 56 - (55) - 54 53 - 52 - 51 - 50 - 49 48 All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ระเบียงก็ดีนะค่ะรับลมเพลินๆ