ย่ำแดนมหัศจรรย์น้ำตกแห่งลาวใต้ (ตาดขมึด ตาดเสือ ตาดเยือง) ตอนที่ 2/3
เช้าวันใหม่ณ ด่านใหญ่เราห่างเมืองไทยมาได้ 33ชม.แล้ว ฝนตกตลอดคืนจนเพิงพักมีน้ำขังเป็นหย่อมๆ บางคนที่นอนปลาทูบ่นๆว่านอนในน้ำ ส่วนผมรอดตัวเพราะได้ที่ดอนและนอนหลับสบายทั้งคืน เช้าวันนี้ฝนยังไม่มีทีท่าจะหยุด ยังคงทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องแต่ซาลงเล็กน้อย ไม่จำต้องรอให้ขาดเม็ดครับเพราะอาจไม่มี คว้ากล้องออกท่องทุ่งหญ้าป่าสนชมดอกเปราะภูกันเลยดีกว่า
เปราะภูบานน้อยไปนิดความจริงที่มาทริปเข้าพรรษานี้เพราะตั้งใจมาเจอเปราะภูบานทะโร่โท่เต็มทุ่ง แต่แล้วปีนี้พลิกล็อกเปราะภูบานเบ่งก่อนเวลาไปหน่อย กลายเป็นว่าเรามาถึงในสัปดาห์ที่เค้าทยอยร่วงโรย โอย ผิดแผนไปนิด แต่ก็ยังดียังมีให้เห็นอยู่เต็มทุ่งพอสมควรแม้จะไม่ดกดื่น เอาล่ะแม้จะบานน้อยไปหน่อยแต่หมอกเยอะก็โอเคล่ะ มีป่าสน มีสายหมอก มีดอกเปราะภู เท่านี้ก็ครบสูตรบรรยากาศป่าชวนฝันแล้ว
ฝนเฮลงมาอีกคราหนึ่ง
กับข้าวกับปลากินกันจนอิ่มหนำแล้ว นั่งรอเวลาฝนซาจะได้เริ่มคว้าฝันออกเดินทางลงพิชิตน้ำตกใหญ่ทั้งสามซะที เป้าหลักทริปนี้คือน้ำตกตาดเสือ ตาดขมึด และตาดตาเก็ด อันหลังนี่คือน้ำตกใหญ่ยักษ์พี่บิ๊กแห่งป่าลาวแถบนี้ จนแล้วจนรอดฝนก็ไม่มีทีท่าจะหยุด หนำซ้ำแม่ยิ่งตกยิ่งหนัก เง้อ นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเจียนสิบโมง หัวหน้าคณะมัคคุเทศก์ท้องถิ่นเริ่มแนะนำว่าควรตัดตาดตาเก็ดออก เพราะฝนตกติดต่อกันหลายวันข้ามห้วยจะอันตรายเกินไป และ! ควรเริ่มออกเดินทางได้แล้วด้วย ไม่งั้นเวลาก็จะไม่พอให้ไปตาดเสือกับตาดขมึด จะมืดค่ำกลางทางตอนกลับเสียก่อนลำบากอีก
สรุปว่าเราจำเป็นต้องเก็บตาดตาเก็ดไว้ในฝันก่อน รอโอกาสในวันข้างหน้าถ้ามี เมื่อเแผนเปลี่ยน ที่แค้มป์คืนที่สองก็เปลี่ยนด้วย ไม่มีความจำเป็นต้องย้ายแค้มป์ไปริมห้วยตวยบนเส้นทางมุ่งตาดตาเก็ดแล้ว มติเอกฉันท์เราจะปักหลักที่ด่านใหญ่นี้อีกคืน ดีเหมือนกันอยู่บนป่าสนเนี่ยแหละงามแระ
ว่าแล้วไกด์ตาเอกหัวหน้าลูกหมูก็ปรับชัยภูมิแค้มป์ใหม่ ขุดลอกคูคลองร่องน้ำรับมือปริมาณน้ำฝนที่อาจมามาก เพื่อว่าค่ำคืนวันที่สองจะได้นอนหลังแห้งๆ ช่วยกันคนละไม้คนละมือแป๊บเดียวคลองซูเอชของเราก็เสร็จ รวดเร็วดั่งเนรมิต ฤกษ์งามยามดีหัวหน้าลูกหมูเป่านกหวีด ปี๊ด ส่งสัญญาณให้เตรียมตัวออกเดินทาง ณ บัดนาว ท่ามกลางสายฝนที่ยังเทกระหน่ำ นายน้ำฟ้าเห็นฝนแบบนี้ก็ขอเก็บกล้องใหญ่ไว้ในโอเชี่ยนแบ๊กก่อนล่ะ แล้วก็คว้ากล้องคอมแพ็คกันน้ำที่คุณภาพภาพพอทนออกรับภารกิจหลักแทน
ขอแนะนำ แค้มป์ลูกหมูwww.CampLoogMooTravel.comใครติดตามบล็อกเรื่องราวเดินป่าของนายน้ำฟ้ามาตลอดคงคุ้นเคยใบหน้าไกด์ตาเอก พรานไพรคู่ใจนายน้ำฟ้ากันพอควร เนื่องด้วยนายน้ำฟ้าใช้บริการทัวร์ป่าของไกด์ตาเอกอยู่เป็นประจำ ขอใช้ย่อหน้านี้แนะนำพอสังเขป ตาเอกแกเป็นหนุ่มไม่ค่อยชอบเปลี่ยนเสื้อผ้ายามออกทริป ป๊าด มะช่าย แกหน่ะประสบการณ์เดินป่ามาสิบกว่าปี เคยเป็นสต๊าฟเก่า TKT ราวๆ6ปี พออิ่มตัวก็แยกมาทำเองตามวิถีไปเข้าหุ้นกับเพื่อนทำทริปในชื่อสะพายเป้ดอมคอมอีก2ปี แหน่ะ คุ้นใช่มะครับ และตอนนี้วิถีก็ขยับขยายมาเปิดทริปเป็นของตัวเองเต็มตัว พร้อมกับเปิดแถลงข่าวกันในทริปลาวนี้เลยในชื่อ"แค้มป์ลูกหมูทราเวล" เออ เอากะเค้า ทำไมต้องลูกหมูวะ ตาเอกกระชุ่นแถลงต่อ กาลครั้งหนึ่งยังมีกรุ๊บคนเดินป่าเก่งชนิดเก้งกวางเรียกพี่ คนเหล่านั้นรวมตัวกันในนามกลุ่มเท้ากีบ อย่ากระนั้นเลยลูกทัวร์ของตาเอกแค่ละคนก็นิยมไพรใจลุยแต่บางทีกายไม่ไหวหลายคนก็ป้ายแดง แค่อยากสัมผัสธรรมชาติลึกๆแสวงสุขหลีกลี้ผู้คน บางเวลาก็พอลุยโหดได้บ้าง จึงขอเป็นลูกหมู เพราะลูกหมูนั้นก็มีเท้ากีบเหมือนเก้งกวางเลียงผานะค้าบ โอ้ว นี่แหละที่ไปที่มาของชื่อ น่าทึ่งมว้าก
10 โมงตรงเป๊ง! ได้เวลาล่าฝันเราเริ่มออกเดินย้อนทางเดิมที่ใช้มาจากบ้านหนองหลวงเมื่อวานนี้ ฝ่าสายฝนหมอกหนาทุ่งหญ้า ย้อนทางเดิมมาได้ราวครึ่งกิโลเมตรก็มุดป่าแยกซ้ายเริ่มเทรลเดินลงสู่น้ำตกใหญ่ทันที สภาพเส้นทางเรียกว่าดำดิ่งเปลี่ยนระดับความสูงลงเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องกันเลยทีเดียว เอาล่ะครับ ได้เรื่องแล้ว ขาที่ถูกเปิดแผลมาเมื่อวานนี้พอเริ่มต้นเทรลน้ำตก ก็เริ่มส่อแววเจ็บกันล่ะครับ อูย
แค้มป์ - น้ำตก ระยะทาง 3.5กิโลเมตร ครึ่งโลทางราบ สามโลดำดิ่ง
เส้นทางเปลี่ยนระดับจากทุ่งหญ้าป่าสนที่ความสูงราว 1300เมตรจากระดับน้ำทะเล ผ่านเส้นพันสอง พันหนึ่ง หนึ่งพัน อย่างรวดเร็ว ชนิดที่เรียกว่าดำดิ่ง ยิ่งเดินก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเราแค้มป์อยู่บนยอดภูสักยอดนึงและกำลังลงภูไปดูน้ำตกที่เชิงภู มันช่าง ลง ลง ลง และลง เสียนี่กระไร สงสัยไปตลอดทางว่านี่ขากลับตรูจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไต่กลับขึ้นมาล่ะเนี่ย
สองชั่วโมงเราก็ลงมาถึงสิ่งก่อสร้าง! กลางป่า! ใช่แล้วครับ เรามาป๊ะกับทางเดินไม้อย่างดี ทอดยาว มีแยกซ้ายแยกขวาด้วย สอบถามไกด์ตาเอกได้ความว่าแยกซ้ายนั้นคือทางเลาะหวยตวยสู่เส้นทางตาดตาเก็ด หวยตวยที่ว่าคือลำห้วยหางน้ำตกของตาดขมึดกับตาดเสือที่ไหลมารวมกัน ทางเดินนี้เป็นของรีสอร์ทแห่งหนึ่งบริเวณนี้ที่สร้างไว้กลางป่า น่าจะบริการลูกค้าฝรั่งผู้รักการผจญภัยป่ายปีนเป็นหลัก บ้านพักสไตล์บ้านทาร์ซาน และมีสะพานสลิงเป็นจุดๆ นักท่องเที่ยวพวกนี้เดินทางออกจากบ้านหนองหลวงมาอีกฟากหนึ่งของน้ำตกด้วยรถ น่าจะรถอีแต็กล่ะ แล้วตัดป่ามาด้วยระยะทางสั้นๆ มาโหนสลิงลอยกลางเวหาเข้ามาสู่รีสอร์ทแห่งนี้ ฟังดูน่าตื่นเต้นตื่นตามาก ผมมีลิงค์รีสอร์ทแห่งนี้มาฝากสนใจแวะไปเยี่ยมมองได้ คลิก เราพักเหนื่อยกันจากนั้นก็ใช้ทางเดินนี้แยกขวามุ่งหน้าต่อ อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว เย้
ในที่สุดก็... ถึงหน่ะสิครับ
เดินซะขนาดนี้ถ้าไม่ถึงก็ทนไม่ไหวแล้ว จะทิ้งตัวลงนอนยอมจำนน เพราะเหนื่อย 555 หูยยย เจ้าประคู๊ณเส้นทางทรมานคนแก่จริงเชียว มองดูสะพานสลิงซะหน่อย ลองขึ้นไปเขย่าๆเซิ๊พๆดู โอ้ว ม่าย ใครจะข้ามก็ข้ามไปเหอะ นายน้ำฟ้าตัวกระจิ๊ดริดเทียบกับช่องห่างระหว่างเชือกนั่น กว้างชนิดช้างรอดได้ ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวตกไปไม่มีใครตามลงไปเก็บ
เอ๊ะนั่น มีศาลาขนาดใหญ่ ผู้คนหลายคณะรวมตัวขวักไขว่กันอยู่ตรงนี้ แลไปเห็นชุดที่ล่วงหน้ามาถึงก่อนกำลังสาละวนตั้งกล้องถ่ายอะไรสักอย่าง แน่นอนเลยเป็นอื่นไปไม่ได้ เสียงน้ำคำรามกึกก้องกัมปนาทยืนยันชัดว่าพวกเค้ากำลังส่องน้ำตกอยู่ ผมยังไม่เห็นตัวน้ำตก เพื่อนบางคนตะโกนเรียกให้เดินต่อไปให้สุดทาง ไปชมน้ำตกระยะกระชั้นชิด! กัน
บอกคำเดียว ตะลึง!
จนพ้นโค้งสุดท้ายปลายทางเดินจึงจะได้เห็นตาดเสือ เห็นเข้าก็ถึงกับตะลึง ตาดเสือ ใกล้มากตรงหน้า สายน้ำโจนทะยานยังกะท่อทางด่วนพุ่งตรงโถมเข้าหาราวกับภาพยนต์3D พอจวนเจียนตัวก็ทิ้งโครมลงแผ่นหินเบื้องหน้าเลี้ยวหายไปทางกาบซ้าย เหลียวมองตามก็ต้องนะจังงัง! ตะลึงเป็นหนสองกับ ตาดขมึด ม่านน้ำมหึมาแผ่คลุมไปทั่วผากว้าง อ่อนช้อยสวยงามขัดแย้งกับตาดเสือที่ดุดันที่สุด ที่ยิ่งไปกว่าอะไรทั้งหมดเลยคือผมไม่ล่วงรู้มาก่อนว่าสองตาดนี้เค้าจะอยู่ประชิดติดกันแบบนี้ และนี่คือความตะลึงหนที่สาม
ถึงเวลาควักกล้องตัวหลักออกจากถุงโอเชี่ยนแบ๊ก น้ำตกถ่ายยากมาก เวลาน้ีแยกไม่ออกระหว่างละอองกระเซ็นจากน้ำตกกับละอองฝนจากฟากฟ้า และนาทีนี้ก็ต้องบอกว่าพังเป็นพังกันครับ ขอให้ได้สักช็อทจากกล้องใหญ่เถอะ เพราะหวังภาพสวยๆจากคอมแพ๊คกันน้ำยากเหลือ ผมพยายามหลบมุมก้มหน้าเซ็ตค่ากล้องต่างๆให้เรียบร้อยที่สุด หันหน้ากลับไปเล็งมุมเมื่อพร้อมก็ส่ายกล้องกลับไป ยก แช๊ะๆๆๆๆๆ รัวพานอก่อนเลยครับ เปียก! แหม่ม เรียบร้อยครับพี่น้อง ยกกล้องคราวเดียวเลิกเลยกล้องเกลิ้ง เลนส์เลิน เปียกหมดแระ เก็บกล้องลงกระเป๋ายืนชื่นชมตาดเสือด้วยตาเปล่าสักพักก็ถอยทัพ
มาตั้งหลักที่ศาลาชมวิวของทางรีสอร์ทที่นับเป็นจุดชมตาดขมึดที่งามหลาย เสียดายตาดเสือหลบมุมไปแล้ว มีชานกว้างขวางใครมีขาตั้งก็ใช้กันคุ้มเหนื่อยกับที่แบกลงมาล่ะ ส่วนผมทิ้งทั้งขาตั้งทั้งเลนส์เกือบทั้งหมดไว้ที่แค้มป์ เง้อ ติดมาแต่มุมกว้างตัวเดียว เอาหน่ะ ยังดีหน่อยที่มีราวระเบีียงให้ประทับกล้อง
ตอนนี้ร่างกายล้าเต็มทนหมดแรงเดินสำรวจให้ทั่ว ได้แต่เก็บแรงชาร์ตพลังไว้ขากลับเท่านั้น มองดูรีสอร์ทกลางป่าแห่งนี้อารมณ์เหมือนพวกเราโผล่ออกจากป่าลึกอันไกลโพ้นมาชมน้ำตกในเมืองที่มนุษย์มนาอื่นๆเค้าเข้ามาถึงง่ายๆโดยเฉพาะพวกนักผจญภัยชาวฝรั่งที่เล่นโหนสลิงกันเข้ามา มื้อเที่ยงเมนูข้าวผัดที่แบกใส่หลังลูกหาบลงมาถูกนำไปอุ่นอีกครั้งในครัวที่ทางรีสอร์ทจัดเครื่องครัวไว้ให้หยิบยืม ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ กลางศาลาลอยฟ้านี้ยังมีโซนกองไฟให้ล้อมวงด้วย แหม่ อุ่นร่างกายผิงอุปกรณ์กันเพลินเลย โอ้ว แถมผมยังได้จัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำของที่นี่ด้วย สุขีสโมสรล่ะทีนี้ ไม่เสียทีอั้นมาหลายวัน
ได้เวลาเดินทางกลับแค้มป์
หนึ่งชั่วโมงกว่าๆกับการพักผ่อนชมความงามของตาดขมึดและตาดเสือ ได้เวลาเดินถึกเป็นรถถังไต่เขากันอีกแล้ว เหนื่อยกันอีกรอบกับหนทางสามกิโลเต็มๆไต่ทางสุดชันกลับขึ้นไปบนป่าสนด่านใหญ่ที่ตั้งแค้มป์ของเรา ฝนเบาลงบ้างแล้ว สภาพเส้นทางแบบว่าจูราสสิคปาร์คมากๆ 555 บางช่วงตอนเส้นทางเดินกลายเป็นทางน้ำไหล ป่าฉุ่มช่ำ ไต่บันไดลิงบ้าง ผ่านโตรกหินแคบบ้าง ทุกคนทรหดอดทนกันดีเลิศ เหนื่อยก็พักรอกัน ค่อยๆคืบกันขึ้นไปเดี๋ยวก็ต้องถึง
ตาดเสือด้านบน
ไต่มาได้ 2กิโลเมตรไกด์ตาเอกชี้ให้ดูทางแยกเล็กๆแนะให้เข้าไปชมหัวน้ำตกตาดเสือ ฝนหยุดแล้ว แรงยังเหลือพอเลยขอย่างเข้าไปชมเสียหน่อย ตาดเสือตรงนี้อยู่บนเส้นระดับ 1160เมตรจากระดับน้ำทะเล ทิ้งตัวลงหน้าผาชันก่อนไหลอย่างรุนแรงลงสู่จุดชมตาดเสือข้างล่างที่ระดับเพียง 940เมตร เหนือตาดเสือขึ้นไปบนอากาศ บร๊ะเจ้า ใครนะช่างทำสะพานสลิงไว้บนนั้น เห็นแล้วขาสั่น
กลับสู่แค้มป์ด่านใหญ่
ฝนหายฟ้าเปิด หมอกยังอบอวลอยู่ สามชั่วโมงกับการเดินทางกลับแค้มป์ เหนื่อยชิกไห ^^" ฟ้าจางฝนแบบนี้ก็ต้องเดินไปแค้มป์คว้าขาตั้งแบกขาหามุมถ่ายทุ่งหญ้าป่าสนกันต่อล่ะครับ เรียกว่าไม่ปล่อยให้เวลามีค่าหลุดลอยไปอย่างเสียเปล่าเดี๋ยวค่อยพักตอนฟ้ามืด
ทอดน่องชมดอกไม้นอกจากดอกเปราะภูราชินีที่ครองพื้นที่เด่นสุดยามนี้แล้วยังมีดอกไม้รองๆชนิดอื่น กระดุมเงินกองามๆก็มีเยอะ หญ้าข้าวก่ำสีม่วงก็บานเป็นกอดกๆอยู่หลายแห่ง ดอกเหลืองๆจำชื่อไม่ได้ หม้อข้าวหม้อแกงลิงก็เยอะ นอกจากนี้บางแห่งตามพื้นยังปกคลุมด้วยหญ้าแปลกตาม้วนหางกันสวยงามเรียกชื่อไม่ถูกเหมือนกัน จวนเวลาพลบค่ำแล้วผมเดินกลับมาถ่ายเปราะภูกอเล็กๆหน้าแค้มป์นี่เอง ก่อนจะรีบใช้เวลานี้ไปอาบน้ำให้สบายตัวที่ลำธารห่างเข้าไปในป่าราวๆร้อยเมตร หมกตัวกันมาตั้งแต่เริ่มต้นทริปไม่อาบไม่ไหวแล้วล่ะ เหม็น
ข้างขึ้นเดือนหงาย 15ค่ำ วันอาสาฬหบูชาคืนนี้ไม่มีพระจันทร์เพราะเมฆบดบังหมด และคืนนี้ก็ยังไม่เข้าพรรษาต้องคืนพรุ่งนี้ หลังดินเนอร์กันอิ่มหน่ำก็ได้เวลาร่ำสุราดอยท่ามกลางอากาศเย็นนิดๆกันล่ะ 40ชั่วโมงเต็มนับจากกรุงเทพจนได้ไปยืนอยู่เบื้องหน้าสองตาดนับเป็นการดั้นด้นที่ยาวนานทีเดียวทริปพิชิตสามตาดแห่งลาวใต้เพิ่งผ่านพ้นไปสองตาด และจำต้องทิ้งตาดใหญ่สุดนามตาดตาเก็ดไป ไกด์ตาเอกบอกว่ายังไงก็ต้องเอาให้ครบสามตาด จะเป็นตาดใดต่อไปจั่วหัวไว้ในชื่อตอนแล้ว นั่นคือตาดเยือง โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ ขอขอบคุณ แค้มป์ลูกหมูทราเวลดอทคอมสนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ เดิมทีตั้งใจจะเขียนให้จบในสองตอนแต่จบไม่ลง พบกันใหม่ตอนหน้าตอน 3/3 ครับ โย่ว
ย้ำแดนมหัศจรรย์น้ำตกแห่งลาวใต้ ตอนแรก ย้ำแดนมหัศจรรย์น้ำตกแห่งลาวใต้ ตอน3/3
Create Date : 15 สิงหาคม 2556 |
|
45 comments |
Last Update : 16 มิถุนายน 2559 9:56:06 น. |
Counter : 9992 Pageviews. |
|
|
|
..ชุ่มชื่นชุ่มฉ่ำน่าดูชม ดอกเปราะภูมีน้อยจัง
..เจ๋งเนอะกางร่มถ่ายรูป
..อยากไปนอนบ้านพักกลางป่า Tree Top Explorer and Jungle Hotel Paksong น่าไปมาก เค้าจะไปข้ามสะพานสลิงให้ดู 555
..ตั้งขาไกลขนาดนี้ยังมีละอองน้ำกระเซ็น น้ำต้องแรงมากๆ ตาดขมึดยิ่งใหญ่มาก ตาดเสือก็สวยงาม
..อยากไปเที่ยวเก็บน้ำตกที่ลาวใต้ แค้มป์ลูกหมู จัดเป่า จ๊ะพ่อเอก
..รอชมตอนต่อไปคร๊าบบบบ