2เท้าจะก้าวไปเดินทอดน่องย่องภูกระดึง .. ตอนที่5 ให้มันได้อย่างนี้สิฟ้า!
ตีสี่ครึ่ง ตี่ตี่ตีตีตี๊ตี๊ตี ตื่น!!!
555 ในที่สุดผมก็มาตื่นไหวในเช้าวันที่สอง ทั้งที่เพิ่งนอนหลับเป็นตายไปเมื่อตอนห้าทุ่มหลังจากเดินสุดอึด 18กิโลไปกลับผาหล่มสักไม่ได้โม้ เรียกว่ามุดเต๊นท์ได้ก็ทิ้งตัวนอนเลยด้วยความเพลีย ตีห้าตรง ณ ศูนย์ฯวังกวางผู้คนมาจับกลุ่มรอจนท.ออกนำทางไปรอพระอาทิตย์ขึ้น ออกเดินกันค่อนข้างตรงเวลามาก ใครมาช้าก็ตกขบวน ไม่อนุญาตให้เดินกันไปตามลำพังด้วย แม้ทางจะสะดวกเดินง่ายแต่เดินไปเองแล้วเจอช้างป่าล่ะก็! ตัวใครตัวมัน
2กิโลเมตร เดิน 30นาที เราก็มาถึงผานกแอ่นกันแล้ว ดูเวลาก็ยังแค่ตีห้ากว่า จีพีเอสบนมือบอกว่าตาวันจะโผล่เวลา 06:14 น. รอกันนานโขล่ะ ระหว่างนี้ก็มีกาแฟร้อนๆ บริการจากจนท.ที่มาตั้งโต๊ะเล็กๆ ฟรี! ไม่ครับไม่ฟรี ของซื้อของขายนะครัช อิอิ กินกาแฟเสร็จก็ตุ้ยๆกันเป็นแถว ตรงนี้มีห้องน้ำไว้บริการ ฟรี! 555 ฟรีครับฟรี แหม่ อากาศตอนนี้สิบกว่าองศา เย็นๆหนาวๆ ส่วนท้องฟ้า ว้ากกกก! ไหง๋เมฆมันเยอะเยี่ยงนี้
ผิดหวังกันตามระเบียบหลังจากเมื่อวานอกหักอย่างจังที่ผาหล่มสักแล้ว เช้าวันนี้ก็ต้องผิดหวังคำรบสองกับผานกแอ่น นี่เป็นผลจากมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากจีนที่แผ่ลงมาปะทะกับอากาศร้อนเจ้าถิ่น อีกวันสองวันอากาศจะหนาวลงอีกหลายองศา แต่เพลานี้ตรูรับมวลเมฆเต็มๆไปก่อน กำแล้วเราวันนี้คงต้องลุ้นฟ้ากันตลอดวันยันเย็นโน่น แล้วพรุ่งนี้หากมีแรงเหลือก่อนเดินลงภูจะขอมาลุ้นฟ้า ณ ผานกแอ่นนี่อีกครั้ง
แต่ว่าแต่กราบขอพรพระ ณ ลานวัดพระแก้ว ก่อนดีกว่า เจ้าประคู๊นนนน ขอให้ลูกนกลูกกาได้เจอฟ้างามๆด้วยเถอะ เพี้ยง!
ขากลับนี้เราย้อนทางเก่ามาเล็กน้อยแล้วแยกกลับอีกทางครับ ทางเส้นนี้ไกลกว่าเล็กน้อย แต่ได้ผ่านลานหินที่มีองค์พระตั้งอยู่ชื่อลานวัดพระแก้ว
แผนที่ประกอบ เส้นทางจากศูนย์บริการฯวังกวางสู่ผานกแอ่นมีสองเส้น
เดินอ้อมขึ้นด้านบนสองโลสี่ เดินวนลงข้างล่างสองโลถ้วน
สภาพทางด้านบนเส้นที่ผ่านลานวัดพระแก้วเส้นนี้เป็นทุ่งสนผสมป่า เพราะว่าเราเดินเลาะขอบป่าดงดิบที่อยู่ด้านทิศเหนือ เส้นนี้ใช้เดินกลับได้แต่ขามาตอนเช้ามืดห้ามเข้าเด็ดขาดครับ อันตรายอย่างไรอ่านดูได้จากสองป้ายด้านล่าง
9โมงเป๊ง! เราก็กลับมาเดินโต๋เต๋อยู่แถวที่พัก ใครจะไปอาบน้ำก็เชิญ นายน้ำฟ้าขอเก็บกลิ่นอายธรรมชาติไว้กับตัวให้นานแสนนานก่อน 5555 หนาวนี่
ระหว่างนี้ก็เอื่อยเฉื่อยอีกวันครับ เฉื่อยซะยิ่งกว่าวันแรกอีก เพราะว่ากำหนดการวันนี้ไม่ได้เดินทางไปไหนไกล ตั้งใจแค่ไป สระอโนดาต เท่านั้น ห่างจากนี่ไปกลับแค่เจ็ดโลเอง น้อยกว่าไปผาหล่มสักเมื่อวานนี้ตั้งเยอะ อิอิ เดี๋ยวค่อยออกเดินกันหลังเที่ยง ตอนนี้ก็เดินรับแดดอุ่นคลายหนาวและกอดต้นสนเล่นกันก่อนนะค้าบ โย่ว
ใส่เสื้อยืด T-shirt กิ๊บเก๋ที่ซื้อจากบนนี้เสียหน่อย ไม่ใช่อะไร ไม่ได้เตรียมเสื้อมาหน่ะ ตั้งใจมาหาเอาข้างหน้าอยู่แล้ว เสื้อทุกตัวที่ผมซื้อมา (ซื้อมาหลายตัวงัย) ผลิกด้านหลังจะสกรีนแผนที่เดินเท้าคร่าวๆ จุดสนใจน่าแวะบนภูไว้ครบครัน เรียกว่ามีผาครบทุกผา น้ำตกดังๆครบทุกแห่งล่ะครับ เอนกประสงค์ว่างั้น ไม่ต้องกลัวหลงทาง 555 ว่าแล้วก็ยืนจุ๊ยอวดแผนที่หลังเสื้อเสียหน่อย เวลาเดินไม่แน่ใจทางก็ถอดเสื้อมาดูเลย แต่ว่านายน้ำฟ้ามีสาวๆเดินร่วมทางด้วยทำแบบนั้นไม่ได้ครับ ได้แต่ยืนหันหลังแล้วให้น้องๆ ขยับมาใกล้ๆสิจ้ะ มาเอานิ้วจิ้มๆเขี่ยๆตีความแผนที่กัน อิอิ
ผูกปิ่นโตร้านนี้ไม่ได้ค่าสปอนเซอร์อะไรนะครับ แต่แบบว่าหลังจากเลือกสักร้านนึงสำหรับมื้อเช้าแล้วเราได้ร้านนี้ พอสั่งปุ๊บเราก็รอ จนทุกคนได้ของตัวเองก็ลงมือตักกินพร้อมกัน โรแมนติกใช่มะล่า เท่านั้นล่ะครับอุทานพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย!!! หูย~~~ อร่อยว่ะ ป้าป้า ขออย่างนี้อีกจาน จริง อ่ะไม่เชื่อ ไม่เชื่อมีโอกาสขอท้าให้ลองได้ภาพนี้นายน้ำฟ้าขอถ่ายกับป้าทิพย์ หนึ่งในตำนานชาวภูกระดึงเชียวล่ะ ป้าขึ้นมาเปิดร้านบนนี้ตั้งแต่ประมาณปี 2525 นานเน้อะ
เอื่อยเฉื่อย 4 ชั่วโมงกว่า
บ่องตงนั่งๆนอนๆในร้านนี้สี่ชั่วโมงกว่าเลยครับ หลับไปตื่นใหญ่ๆ คือตื่นก็กินข้าวเที่ยงต่อเลย โหะๆๆ ถ่ายเมนูสารพัดอาหารให้ดูพร้อมสนนราคา ขออภัยภาพอาจเล็กไปหน่อย เรื่องของเรื่องเพราะขออาศัยปักหลักชาร์ตสารพัดอุปกรณ์ที่นี่ด้วย ป้าทิพย์ใจดีมีแผงเต้าเสียบไว้บริการฟรี เรียงเป็นตับ เราสามคนก็ขนทั้งโทรศัพท์มือถือ แบตกล้อง มาชาร์ตกันใหญ่ ชาร์ตกันจนกว่าจะเต็มล่ะครับ
ป้าทิพย์ใจดีอีกเอามะขามหวานมาแบ่งให้กินกันเล่นๆด้วยไม่คิดตังค์ แล้วผมก็ชวนให้ป้าเล่าเรื่องราวต่างๆในอดีตบนภูกระดึงนี้ให้ฟัง มนต์ขลังเชียวล่ะได้ฟังหนึ่งในตำนานเป็นผู้เล่า เนื้อที่ไม่พอจะถ่ายทอดต่อนะครับ แต่เรื่องราวที่ได้ฟังมาช่วยเสริมอรรถรสในการท่องเที่ยวครั้งนี้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งป้าแกเริ่มเตือนแล้วว่าหนูๆจะไปสระอโนดาตก็เตรียมตัวไปกันได้แล้วช้างป่าหลายปีหลังๆมานี่ไม่เหมือนสมัยก่อน ป่าแล้งขึ้นทำให้มันหากินไกลขึ้นและหากินกันแต่วัน เย็นเกินไปอาจจะเจอกันกลางทาง เวลาเดินให้มองไกลๆหูตาไวเข้าไว้ !!
ได้ฤกษ์ออกเดินทางต่ออีกครั้งบ่ายโมงกว่าเราก็เริ่มรู้ตัวว่าขืนไม่รีบออกเดินทางซะเห็นทีจะไม่ต้องคิดไปกันแล้ว เพราะระยะทางสามโลกว่าเนี่ยไปถึงก็คงเลยบ่ายสาม ช่วงเวลาอันตรายที่ป้ายต่างๆแจ้งเตือนบอกว่าทางทีดีไม่ควรมีใครยังอยู่ในเส้นทางเหล่านั้น อาจเจอช้างป่าออกหากิน แล้วไหนจะต้องเดินย้อนกลับอีกล่ะ
แวะไหว้องค์พระพุทธเมตตากันอีกครั้งหลังจากนั้นก็เริ่มเดินกันอย่างจริงจัง เร่งฝีเท้าขึ้น ผ่านออกนอกแนวรั้วไฟฟ้า ที่ห้อยขวดพลาสติกให้เป็นแนวไว้สังเกต รั้วที่สร้างไว้สูงเลยหัวคนเพื่อป้องกันช้างป่าไม่ให้รุกล้ำเข้ามา แต่! พวกเราสิกำลังจะรุกล้ำเข้าไปในเขตของมัน กึ๋ย บรรยากาศเดินภูหนนี้มันเสียวๆยังไงชอบกล อย่างว่าล่ะดันเลือกมาวันธรรมดาคนโคตรน้อยนิ
เส้นทางเดินตัดทุ่งกลางภู
ทางสายนี้ นับว่าสวยงามมาก งามไปคนละแบบกับเส้นเลาะหน้าผาที่เราเดินกันเมื่อวาน ตัดผ่ากลางทุ่งหญ้าป่าสนกว้างใหญ่ไพศาล รู้สึกทันทีว่าป่าสนบนภูกระดึงนับเป็นป่าสนผืนใหญ่ที่สมบูรณ์จริงๆ เกินกว่าจะจินตนาการได้หากไม่ได้มาเดินทอดน่องด้วยตัวเอง
ตลอดทางยังคงมีป้ายเตือนอันตรายจากช้างป่าปักไว้เป็นระยะ เตือนให้ประสาทของเราตื่นตัวตลอดเวลา ให้ตายสิ นี่ถ้าเดินมาเป็นร้อยคนจะไม่กลัวเลย แต่ทุ่งหญ้าป่ากว้างกับคนเพียง 3ชีวิตเนี่ยอารมณ์มันไปอีกแบบจริงๆ พวกเราเรียกว่าแทบจะแบ่งทิศทางกันมองเลย คอยสังเกตไกลๆตามที่ป้าทิพย์แกแนะไว้
ท้องฟ้าทำท่าไม่เป็นใจ
เดินไปก็เห็นท้องฟ้าส่อแววไม่เป็นใจอีกครั้ง คล้ายเมื่อวานเลยคือตกบ่ายเป็นไม่ได้เมฆทำท่าจะก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆอีกแล้ว ดูสิ สระอโนดาตจะเป็นเยี่ยงไรน้าแบบนี้ฟ้าไม่แจ่มเอาเสียแล้วทริปนี้
สระอโนดาตพิกัดN16.876628E101.76026บ่ายสองห้าสิบ อีกสิบนาทีบ่ายสาม ถึงแล้วในที่สุด สระอโนดาตสวยน้อยกว่าจินตนาการไปนิดนึง หนึ่งเพราะเมฆทำพิษมันเยอะเกินไปแถมก่อกวนให้แสงแดดกระเจิงในลักษณะที่ห่วยไปหน่อย น้ำก็ค่อนข้างน้อยป่ารอบๆก็ยืนต้นตายแล้งๆ แต่ก็นะ ถือว่าได้มาถึงแล้วล่ะกับแหล่งแอ่งน้ำธรรมชาติที่เค้าว่ากันไว้ว่าสวยที่สุดบนภูกระดึงและว่ากันว่าพลาดไม่ได้
อันตราย ห้ามเข้าหลังเวลา 15:00 น. เนื่องจากช้างป่ากำลังออกหากิน
ซูมให้เห็นป้ายชัดๆปักอยู่ไกลๆดักตรงปากทางที่เป็นเส้นทางเดินต่อจากสระอโนดาตสู่ผาหล่มสัก ตรงนี้ยังเป็นชุมทางมีแยกตัดไปผาเหยียบเมฆได้ด้วย แต่เส้นที่อันตรายสุดคือเส้นต่อจากนี้ไปยังผาหล่มสักนั่นเอง สำหรับเราใช้เวลาเพียงสิบนาทีที่สระอโนดาตนี่แล้วก็หันหลังกลับปักเป้าหมายใหม่ไปยังผานาน้อย (อีกครั้ง) หลังจากปรึกษากันแล้วว่าไม่ขอย้อนทางเก่าตะกี้เนื่องจากมันชิดป่าเกินไปขอลัดทุ่งมุ่งใต้สู่ขอบผาน่าจะปลอดภัยกว่า ฮี่
สิ่งสวยงามในธรรมชาติ มักเป็นสิ่งเล็กๆ
ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ กว้างใหญ่ ให้ความรู้สึกอลังการและสร้างความรู้สึกให้เราว่าเป็นสิ่งมีชีวิตตัวกระจิ๊ดริด แต่รอบกายเราก็ยังมีชีวิตที่เล็กกว่า ที่ส่งความงามออกมา ถ้าเรารู้จักที่จะเดินไปสังเกตไป
ดอกเอนอ้า นี่พบเห็นเป็นนางเอกเลย มีอยู่ทั่วป่าเวลานี้ อยากจะเดินช้าๆสังเกตเยอะๆกว่านี้ แต่ใจลึกๆมันก็ยังร้อนๆหนาวๆ อยากจะไปให้พ้นๆเขตไม่น่าไว้วางใจนี้ก่อน
ตัดทุ่งมุ่งใต้ สู่ ผานาน้อย จากสระอโนดาตสู่ผานาน้อยระยะทางสองโลสี่ เดินเร็วๆก็สี่สิบห้านาทีถึง สองข้างทางเส้นนี้สัมผัสได้ถิ่นกลิ่นอายไฟป่า ที่ทำลายล้างป่าสนอย่างมโหฬารเมื่อกลางปีที่แล้ว หลักฐานความย่อยยับเป็นประจักษ์แก่สายตาตลอดสองข้างทาง เห็นแล้วใจหายจริงๆ ต้นสนทั้งต้นเล็กต้นใหญ่พากันยืนต้นตายสลอน
ปี นี้ก็ใช่ว่าจะวางใจได้ เมื่อคืนตอนเดินเลียบหน้าผากลับจากผาหล่มสักมองไปฐานภูเบื้องล่างไฟป่าที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ (ถามจากจนท.แล้ว) ถูกลักลอบจุดกินอาณาบริเวณเป็นกิโลๆ จนท.ดับไฟป่าทำงานกับหามรุ่งหามค่ำดับกันไม่ทันเลย เห็นใช้มอเตอร์ไซค์ตระเวนสังเกตการณ์และ ว. บอกสถานะการณ์กันอยู่ตามขอบผาด้วย
สนต้องไฟ
ไม่รู้ว่าตายแล้วตายเลยหรือเปล่านะครับเมื่อมันโดนไฟป่า แต่เคยได้ยินมาว่าสนสองใบเป็นไม้โตช้า และหมดไปด้วยภัยไฟป่าง่ายๆ ก็แปลว่าฟื้นยากนั่นเอง จำต้องปลูกใหม่หรือไม่ก็รอมันเกิดใหม่เองตามธรรมชาติ และรอระยะเวลาอีกยาวนานกว่าจะเติบใหญ่ อย่างต้นสองคนโอบที่พวกเราโอบกันเมื่อเช้านั่นอายุมันผมว่าเรียกคุณปู่ทวดได้เลยล่ะ
ฉับพลันนั้น!ข้างทางก็เกิดเสียงกระโจนของสัตว์ชนิดหนึ่ง เป็นอะไรไม่ทราบ ช้างป่าหรือเปล่าวะ นายน้ำฟ้ากระโดดเหยงอันที่จริงต่างคนต่างกระโดดเหยงมากกว่า ใจเต้นตุบๆ กวาง!! พุธโธ่ ทำเอาตกอกตกใจหมดนะเนี่ย ตัวนี้ไม่เชื่องคนแน่ ได้การล่ะ ทำยืนนิ่งๆเฉยๆเปลี่ยนเลนส์เป็นกระบอกโตแล้วค่อยๆบรรจงกดชัตเตอร์มาเงียบๆได้หลายใบ นำมาฝากกันครับ มองตัวนี้แล้วได้อารมณ์กว่ากวางป่าเชื่องๆที่เดินตื้อขอของกินอยู่แถวศูนย์บริการนะครับ
กวางป่าเคยได้ยินมาว่าช่วงธค.-กพ. จะเป็นช่วงที่สัตว์ป่าหลายชนิดเข้าฤดูผสมพันธุ์ หนึ่งในนั้นก็รวมกวางป่านี้ด้วย เค้าว่าป้อนอาหารให้มันช่วงนี้ต้องระวัง อาจโดนมันขวิดหรือถีบหรือวิ่งชนเอาได้ อ้าว! นี่มันปลายกุมภานี่หว่า อย่าไปยุ่งก๊ะมันเลยเน้อะ เห็นใกล้ๆแบบนี้ความจริงยืนห่างกันไกลอยู่ ใกล้ได้เพราะใช้เลนส์กระบอกโตถ่ายจ้า
แดดร่มลมตกอีกครา เพราะว่าเวลาปาไปสี่โมงเย็นแล้ว เจอกับแม่ค้าเจ้าเก่าร้านเดิมที่เมื่อวานเรามาอุดหนุนมื้อเที่ยง แม่ค้าก็ยังคงนั่งเหงาหาวฟอด แต่ก็หายง่วงทันทีเมื่อพวกเราโผล่มา 555 อ่ะ เจอร้านค้าอย่างนี้ก็ถือว่าเข้าสู่เขตปลอดภัยแล้ว แม่ค้าบอกว่าเจ้ากวางตัวนั้นมันขาประจำ มันย่องมาแอบกินเศษอาหารที่โยนทิ้งหลังร้านเสมอ ไม่เชื่องคน ขยับทำท่าจะเข้าใกล้มันก็กระโดดเผ่นแนบแล้วล่ะ เอาล่ะครับได้เวลาหิวกันอีกทีแม่ค้ามีไข่ปิ้งกำลังส่งกลิ่นหอมฉุย เยาะซอสกินอร่อยเหาะนะ ส่วนนายน้ำฟ้าก็ตามฟอร์มแอบเดินไปกระซิบข้างหูถามหาเบียร์ป๋องมีซุกไว้ในตู้เย็นหรือเปล่าแบ่งให้กินซักป๋องสิแม่ค้า นะ นะ จากนั้นเราก็เดินทางเพื่อไปพักต่อยาวๆที่ผาถัดไปนั่นคือผาจำศีล
ผาจำศีลพิกัด N16.864636 E101.7847ผาที่มีกิ่งสนงามอีกแห่งโค้งสนแผ่กว้างเป็นฉากหน้างเต็มผางามตาซะขนาดนี้หาได้ที่นี่ที่เดียวล่ะครับ ผาจำศีลอยู่ถัดจากผานาน้อยมาทางเดียวกับที่จะตรงไปผาหมากดูกเพียง 600เมตรเท่านั้นเอง กึ่งกลางทางระหว่างผานาน้อยกับหมากดูกเลย
ผาจำศีล
จาก่ตรงนี้ไปมองเห็นเหลี่ยมภูผาหมากดูอยู่เบื้องหน้าฟากทิศตะวันออกใกล้ๆนี้แล้ว ชัดแจ๋วเมื่อมองจากตรงนี้ เพราะว่าห่างออกไปอีกเพียงหกร้อยเมตรเท่านั้นเอง นั่นคือปลายทางสำหรับเราสามคนในวันนี้ ที่ที่จะไปเฝ้าลุ้นรอถ่ายภาพดวงตะวันลับฟ้ากันอีกครั้งด้วยความหวังว่าฟ้าจ๋าฟ้าจะเลิกเล่นตลก อย่าส่งมวลมหาประชาเมฆมาบดบังกันอีกเลยเหมือนอย่างที่ต้องผิดหวังมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ที่ผาหล่มสักยันยามเช้านี้ที่ผ่านมาที่ผานแอ่น นะจ๊ะนะจ๊ะฟ้าจ๋า please
ติดตามต่อไปตอนหน้าจ้า ตอนหน้าเป็นตอนจบแระ หลังจากยืดเยื้อมานาน อิอิ
ฝากคอมเมนท์ไว้เป็นกำลังใจหรือทิ้งร่องรอยว่าท่านมาเยี่ยมเยือนเรา นายน้ำฟ้า ด้วยนะครับ ... โย่ว
บล็อกนี้อยู่ในหมวด Travel Blog ท่องเที่ยวและการเดินทาง
ลิงค์ตอนที่ 1 ลิงค์ตอนที่ 2 ลิงค์ตอนที่ 3 ลิงค์ตอนที่ 4 ... ลิงค์ตอนที่ 6
Create Date : 29 มีนาคม 2557 |
|
111 comments |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2557 10:07:11 น. |
Counter : 7228 Pageviews. |
|
|
|