ทริบนี้ของเรากึ่ง ๆ เป็น one day trip ความที่เป็นอุทยานแห่งชาติที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯนัก ถือว่าใกล้สุดเลยก็ว่าได้ ใช้เวลาเดินทางแค่ชั่วโมงเดียวแบบขับรถสบาย ๆ ไม่ต้องรีบก็มาถึงแล้ว เดินทางกันช่วงเย็น ๆ แวะกินสเต๊กริมทางหน้าด่านเก็บค่าธรรมเนียม ชื่อร้าน"สเต๊กสามหลั่น" บรรยากาศดี ตกแต่งร้านน่านั่ง มีของโบราณหลายอย่างให้ชมด้วย กว่าจะอิ่มหนำสำราญ และเข้าสู่อุทยานฯ กางเต้นท์ เสร็จสรรพก็สามทุ่ม แสงจันทร์สว่างไสวมองเห็นบริเวณโดยรอบได้ไม่ยากเย็น
เช้าวันใหม่ได้พบกับธรรมชาติรอบข้างที่สวยงาม บึงน้ำขนาดใหญ่ตรงหน้า ลมพัดโชยยอดหญ้าพลิ้วปลิวไสว ความเหน็ดเนื่อยที่สะสมมาตลอดสัปดาห์ก็มลายหายไปทันที บึงน้ำขนาดใหญ่ตรงหน้าเรามีป้ายติดไว้ว่า "ห้ามลงเล่นน้ำก่อนได้รับอนุญาติ" ลองสอบถาม จนท.ดูจึงทราบว่าจริง ๆ เล่นน้ำได้นะ แต่ที่ห้ามไว้เพราะเคยมีอุบัติเหตุนักท่องเที่ยวเมาแล้วลงไปเล่น พยายามว่ายข้าม ตะคริวกิน คนช่วยกันไม่ทัน สักพักเราก็เห็นเด็ก ๆ มาโดดน้ำเล่นกันตูมตาม ยืนโผล่พ้นน้ำมาครึ่งตัว หง่า น้ำไม่ลึกนี่นา บึงน้ำนี้ยามเข้าหน้าหนาว น้ำแล้ง จะพุดสนามหญ้าลานกว้างขึ้นมาพ้นน้ำ เป็นสวรรค์นักกางเต้นท์เชียว จนท.ว่าอุทณภูมิต่ำสิบเลยแหละ น่าสนใจมาก แต่ความตั้งใจหนนี้ของเราคือมาชมน้ำตกสามหลั่น อุทยานฯแห่งนี้เราได้แต่ขับรถผ่านเลยไป ไม่เคยเหลียวมอง ไม่เคยอยู่ในแผนท่องเที่ยวของเราเลยสักครั้งเดียว ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีแล้ว น้ำมันแพง เที่ยวใกล้ ๆ เนี่ยแหละ ทริบนี้ของเราโชคดีเพราะมีฝนหนักมาก่อนหน้านี้เมื่อสองสามวันก่อน ทำให้เราได้เจอกับน้ำตกสามหลั่นที่ชุ่มฉ่ำ แม้จะไม่ถึงกับมากมายอะไร แต่ก็ดีกว่าน้ำตกที่เหือดแห้ง
|
คุณมาเรีย ณ ไกลบ้าน
คุณปางนู
คุณคนที่คุณไม่รู้ว่าเป็นใคร
ไม่ได้กดลบครับ แต่เป็นอุบัติเหตุระหว่างทำบล๊อค ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ แอบไปตอบขอบคุณหลังไมค์มาแล้ว และขอขอบคุณหน้าไมค์ตรงนี้อีกครั้งครับ