กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
8 กุมภาพันธ์ 2550

ปาฎิหาริย์แห่งการให้

การให้จะช่วยให้คนที่เคยโกรธเราหายโกรธหรือมีจิตใจอ่อนโอนลง เมื่อเริ่มคิดจะเป็นผู้ให้ จิตใจก็เริ่มผ่อนคลายจากความโกรธลงไปได้มากทีเดียว

อับราฮัม ลิงคอล์น เคยกล่าวถึงวิธีการทำลายศัตรูของท่านว่า

"วิธีกำจัดศัตรูที่ดีที่สุดในทัศนะของข้าพเจ้าก็คือ จงทำศัตรูให้กลายเป็นมิตรของท่านเสีย"

ในบรรดาวิธีแปรศัตรูให้เป็นมิตรนั้น การ"ให้" นับว่าเป็นกิจจกรรมที่ทำง่ายที่สุด แต่ก็มีผลยั่งยืนที่สุดเช่นกัน ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคท่านกล่าวถึงอานิสงค์ของการให้เอาไว้ว่า

"การให้
เป็นกุศโลบายในการฝึกคนที่ฝึกได้ยาก
การให้จิตใจก็เบิกบานด้วยกิจคือการให้นั้น
ฝ่ายผู้รับก็น้อมลงมาพบกับผ้ให้ด้วยปิยวาจา"


วิธีนี้เคยเห็นผู้ใหญ่ท่านใช้บ่อยๆ และดูเหมือนจะได้ผลมากทีเดียว ทั้งยังปฏิบัติได้ง่ายด้วย อาจจะลองดูก็ได้ หากโกรธใครหรือทะเลาะกับใครก็ตาม ลองซื้อหาอะไรสักอย่างหนึ่งไปให้เขาพร้อมทั้งกล่าวคำขอโทษ หรือหากไม่กล้าพูดต่อหน้าตรงๆ จะเขียนโน้ตแผ่นเล็กๆ แนบไปด้วยว่า "ขอโทษด้วยครับ/ค่ะ" ก็ได้

คำ "ขอโทษ" คำเดียวนี้แหละ หยุดสงครามก็ได้ ก่อสงครามก็ได้จะทำให้คนรักกันปานจะกลืนกิน หรือเกลียดกันปานจะกินเลือดกินเนื้อก็ยังได้ หรือแม้แต่จะให้คนสองฝ่ายโกรธกันถึงขั้นลุกฮือเปาบ้านเผาเมืองก็ยังได้ คำว่า"ขอโทษ" นี้มีปาฎิหาริย์มาก ถ้าใช้ให้เป็นเราจะเห็นปาฎิหาริย์ของคำนี้ด้วยตัวเองทีเดียว

ครั้งหนึ่ง เห็นโค้ชฝึกวอลเล่ย์บอลคนหนึ่งด่าผู้ฝึกซ้อมด้วยโทสะอย่างแรง ผู้ฝึกซ้อมเองก็โกรธจนหน้าแดงซ่าน แล้วก็เลยวิ่งออกจากสนามฝึกซ้อมไปเลย พอตกเย็นโค้ชจึงชนผู้ฝึกซ้อมทุกคนไปรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง แล้วโค้ชก็กล่าวคำขอโทษและบอกว่าค่ากับข้าวทั้งหมดนี้ โค้ชขอเป็นเจ้าภาพเอง พอหลังอาหารเย็นนัดกระชับมิตรมื้อนั้นแล้ว พบว่าทั้งโค้ชและผู้ฝึกซ้อมคนนั้นต่างก็หายโกรธกันและกลับมามองหน้ากันได้สนิทเหมือนเดิม จะเห็นว่าจากเหตุการณ์นี้มีการใช้อยู่สองขั้นตอนด้วยกัน

หนึ่ง โค้ชได้ขอโทษผู้ฝึกซ้อมและผู้ฝึกซ้อมก็ยินดีรับคำขอโทษ การที่โค้ชยอมขอโทษ และผู้ฝึกซ้อม ไม่ติดใจนี่ เท่ากับว่าต่างฝ่ายต่างก็ "ให้อภัย" ซึ่งกันและกัน

สอง โค้ชยินดีจ่ายค่าอาหารทั้งหมด อันเท่ากับว่าโค้ชได้ให้ "น้ำใจ" แก่ผู้ฝึกซ้อมทุกคนซึ่งรวมถึงผู้ฝึกซ้อมที่กำลังโกรธโค้ชอยู่ด้วย เมื่อต่างฝ่ายต่างก็ให้แก่กันและกันอยู่อย่างนี้ จิตใจที่อัดแน่นด้วยความโกรธก็ค่อยๆ คลายความตึงเครียดลงทีละน้อยๆ จนหายไปในที่สุด

การให้ยังมีปาฎิหาริย์อีกมากมายสุดที่จะพรรณนา จึงขอให้ทุกคนลองเป็นผู้ให้ดูบ่อยๆ แล้วคนที่เขา "ได้รับ" ไปจากเราจะโกรธเราน้อยลงหรือมองไม่เห็นสิ่งที่น่าโกรธในตัวเราเลย เพราะการให้นั้นทำให้ทั้งเราและเขากลายมาเป็นเพื่อที่ดีต่อกัน ศัตรูเลยกลายมาเป็นมิตร หรือมิเช่นนั้นก็เป็นเพราะว่า "ความดี" จากการให้ของเรานั้นมีน้ำหนักมากเกินกว่าที่จะทำให้เขาโกรธเราได้ลง ซึ่งก็คงเหมือนที่พ่อแม่ดุด่าเรา แต่เราไม่โกรธตอบท่าน เพราะเราตระหนักรู้อยู่เต็มอกว่าท่านมีพระคุณต่อตัวเรามากมายล้นฟ้านั่นเอง

ขอจบกุศโลบายคลายโกรธด้วยสุนทรพจน์ ดังนี้

มือของผู้ให้ อยู่สูงกว่ามือของผู้รับ
ชื่อของผู้ให้ น่าจดจำกว่าชื่อของผู้ขอ
เกียรติคุณของผู้ให้
กรุ่นหอมอยู่เหนือกาลสมัยยิ่งกว่าเกียรติศักดิ์ของนักรบและปวงวีรบุรุษ

การให้
แค่เพียงคิดจะทำให้ใจก็ยังเป็นสุข
ครั้นได้ให้แล้ว จิตใจก็แช่มชื่นเบิกบาน
เมื่อวันเวลาผ่านไป
หวนกลับไปรำลึกถึงดวงหน้าอันเปี่ยมสุขของผู้รับ
ความปีติสุขก็ย้อนกลับมาทำให้หัวใจอิ่มเอม

การให้
จึงเป็นความสุขแท้ทั้งเวลาก่อนแต่จะให้
ขณะที่ให้ และหลังจากได้ให้ไปแล้ว

การให้
มองเพียงผิวเผินเสมือนการเสีย
หากแท้จริงแล้วการให้นั่นแหละคือการได้รับ
จงเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้
แล้วเธอจะได้รับอย่างแท้จริง


ธรรมะหลับสบาย ว.วชิรเมธี



Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2550 20:25:21 น. 7 comments
Counter : 433 Pageviews.  

 
แล้วมีวิธีไม่ให้คิดมากไม๊ค่ะ


โดย: yame IP: 58.10.99.233 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:00:43 น.  

 
ตอบคุณ yame
เมื่อยินยอมตรอมตรมก็ซมเปล่า
ไม่รักเราเท่ากันไม่หวั่นไหว
เรื่องของเรื่องอยากเปลืองใจให้โทษใคร
ก็แค่ใจไม่ดูไม่รู้คลาย

ถ้าหวงทุกข์จะลุกเดินไม่เพลินแน่
ถ้าอยากแก้อย่าแพ้รักก็จักหาย
อย่ากอดทุกข์จงทิ้งขว้างให้ห่างกาย
ก็คลี่คลายเป็นสุขสนุกเอง

มีสุขมีทุกข์อยู่ที่ตัวเอง ถ้าคิดมากก็ลองฝึกสติดูใจตัวเองดูนะครับ


โดย: MrHuTo IP: 61.19.65.203 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:32:47 น.  

 
เห็นด้วยค่ะ ว่า
-คำขอโทษ
ทำให้เกิดสิ่งปาฏิหารย์ ทั้งผู้พูด และ ผู้ได้รับฟัง
เพราะทำให้ใจผู้พูด และผู้รับฟัง จิตใจที่อ่อนโยนลง

-การให้เป็นสิ่งที่ดี ถ้าไม่มีความคาดหวัง
ให้ด้วยใจที่ต้องการให้จริงๆ
ไม่หวังสิ่งตอบแทนกลับคืน ทั้งกาย ใจ สิ่งของ
ผู้ให้ก็เป็นสุขแล้ว จริงค่ะ

ขอบคุณนะคะที่มีบทความดีๆมาให้อ่านค่ะ


โดย: Mr.Bear's dream วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:06:58 น.  

 
คุณ Mr.Bear's dream
ดีใจที่คุณชอบนะครับ บทความที่ดี สิ่งที่ดีและสวยงาม ย่อมเข้าใกล้คนดีดีเสมอนะครับ


โดย: MrHuTo (HuTo ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:1:40:59 น.  

 
มือของผู้ให้ อยู่สูงกว่ามือของผู้รับ
ชื่อของผู้ให้ น่าจดจำกว่าชื่อของผู้ขอ
เกียรติคุณของผู้ให้
กรุ่นหอมอยู่เหนือกาลสมัยยิ่งกว่าเกียรติศักดิ์ของนักรบและปวงวีรบุรุษ

การให้
แค่เพียงคิดจะทำให้ใจก็ยังเป็นสุข
ครั้นได้ให้แล้ว จิตใจก็แช่มชื่นเบิกบาน
เมื่อวันเวลาผ่านไป
หวนกลับไปรำลึกถึงดวงหน้าอันเปี่ยมสุขของผู้รับ
ความปีติสุขก็ย้อนกลับมาทำให้หัวใจอิ่มเอม

การให้
จึงเป็นความสุขแท้ทั้งเวลาก่อนแต่จะให้
ขณะที่ให้ และหลังจากได้ให้ไปแล้ว

การให้
มองเพียงผิวเผินเสมือนการเสีย
หากแท้จริงแล้วการให้นั่นแหละคือการได้รับ
จงเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้
แล้วเธอจะได้รับอย่างแท้จริง

ชอบสุนทรพจน์นี้มากค่ะ
จะได้จำเอาไปปฏิบัติ


โดย: Moo Aui IP: 124.157.204.224 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:41:04 น.  

 
การให้เป็นความสุขที่สูงที่สุด และการให้ที่ดีที่สุดคือการ
ให้อภัย
มีความสุขมากๆ นะคะ


โดย: บัวริมบึง วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:13:01:34 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณ Mrhuto


แวะมาทักทาย ค่ะ
กำลังรออ่านเรื่องต่อไปนะคะ


โดย: Mr.Bear's dream วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:34:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

HuTo
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สำหรับเพื่อนเก่าทุกคน เพื่อนใหม่ทุกท่าน ที่เข้ามาพบปะ แนะนำในทุกๆ วัน นะครับ

เค้าว่ากันว่า "คนพูดไม่เก่ง มักจะเขียนเก่ง" คิดมากจริงๆ นะเนี่ย แล้วเราจะเลือก พูดเก่ง หรือ เขียนเก่ง ดีล่ะ
[Add HuTo's blog to your web]