ออกจากพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง เราก็ไปร้านที่ขาย "บัวหิมะ" แต่เราจำชื่อไม่ได้ หัวหน้าไกด์ไทย ชื่อคุณอีน บอกว่า คนไทยรู้จัก บัวหิมะ มากขึ้น ตั้งแต่รถแก๊สระเบิดที่ถนนเพชรบุรี รัฐบาลจีนส่งมาช่วยคนที่โดนไฟลวก แล้วจะมีการรูดโซ่ให้ดูด้วย ตอนที่ฟังก็ งง อะไรคือ รูดโซ่คุณมุกเล่าเรื่องตลกให้ฟังตอนอยู่ในรถด้วยนะ เรื่อง มาม่าแข็ง 555555 คือในร้านที่ขายบัวหิมะ จะมีพวกยาสมุนไพร ขายเยอะมาก มีสรรพคุณหลายอย่าง อย่างนึงคือเบอร์ 12 จะช่วยให้ของคุณผู้ชายทำงานได้ ก็จะมีคนที่ไปฟังเค้าบรรยายเยอะมาก เหมือนที่เราไปกัน แล้วจะมี ผู้หญิงคนนึง ได้ฟังแล้วสนใจ อยากได้ไปให้สามีมาก แต่อายไม่อยากให้คนอื่นรู้ พอทุกคนขึ้นรถแล้ว เค้าก็บอกจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วหายไปสักพัก ก็กลับมา พอตกกลางคืนก็ชวนสามีกินมาม่ากัน สามีก็บอก กินก็ได้ ภรรยาบอกให้ไปอาบน้ำรอเดี๋ยวจะต้มมาม่าให้ พอสามีไปอาบน้ำ ภรรยาก็เอามาม่าใส่น้ำ แล้วเอายาเบอร์ 12 ใส่ไปด้วย พอรอสักพัก ก็เปิดดูว่าเส้นนิ่มกินได้หรือยัง ปรากฎว่า มาม่าแข็ง 555555555555 แสดงว่า ยาเค้าได้ผลจริง ๆ หน้าร้านพอไปถึง เราก็ขึ้นไปชั้น 2 ก็จะมีห้องให้เข้าไปเหมือนห้องประชุม แล้วจะมีกระดาษเอกสารให้มาคนละ 1 ชุด พอเปิดดูก็จะมีรายการยาต่าง ๆ จะใส่ไว้เป็น ข้อ ๆ ถึงได้เข้าใจว่ายาเบอร์ 12 คืออะไร 5555555555คนนี้เป็นพิธีกร อธิบายรายการต่าง ๆ ใน ใบรายการที่ได้รับแจกมาตอนแรกเค้าบอกชื่อไทยคือ ลีลาวดี เค้าก็ถาม อยากดู รูดโซ่ ไหม พวกเราก็บอกอยากดู เค้าก็ไปจุดไฟ เอาโซ่ วางไว้บนไฟ พอเค้ามาอธิบายสรรพคุณยาสักพัก โซ่ก็ร้อน เราจะเห็นเป็นสีแดง ๆ เลย (เรานั่งหน้าสุดกับตัวเล็ก) แล้วก็จะมีพนักงานอีก 2 คนมาจับโซ่คนละด้าน แล้วคุณลีลาวดี เค้าก็มายืนด้านหน้า สีหน้าเค้าไม่ดีเลย เราก็ยังไม่เข้าใจว่าเค้าจะทำอะไร แล้วเค้าก็บอกว่า ทำใจก่อน แล้วก็ สูดลมหายใจลึก ๆ 2- 3 ครั้ง แล้วก็เอามือ ลูบโซ่ที่ร้อน ๆ แดง ๆ เราตกใจมาก ตอนที่ลูบมีเสียงดังมาก (เหมือนกะทะที่เราทำกับข้าว ร้อน ๆ แล้วเอาน้ำราดลงไปจะมีเสียง) แล้วเค้าก็เอาบัวหิมะทามือ แต่หน้าเค้าจะแสบ ร้อน มาก น้ำตาไหลเลย ตัวเล็กนั่งข้าง ๆ เรา หันมาบอกว่า " แม่ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเค้าจะทำได้ "เค้าบอก วันนึงอาจจะต้องทำ ถึง 3 รอบแล้วแต่ว่ามีพวกทัวร์เข้ามากน้อยแค่ไหนสักพัก ประมาณ 15 นาทีได้ เค้าก็เอาผ้าเช็ดบัวหิมะออก ที่มือเค้าไม่มีรอยอะไรเลย จากตอนแรกที่เราเห็นจะมีรอยไหม้ ๆ แต่ตอนนี้จะเป็นสีแดง ๆ เค้าบอกว่ายิ่งทานานยิ่งดี ถ้าโดนไฟ หรือน้ำร้อนลวก ก็ให้รีบทาเลย จะได้ผลเร็ว ไม่เป็นแผลเลยตอนที่แสดงนั้นเรามัวแต่ตะลึงเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยรูปบัวหิมะพอพวกเรากลับขึ้นรถก็คุยกัน บอกไม่น่าให้เค้าทำเลย สงสารมาก ๆ แต่ตอนแรกเราไม่รู้กันไง เลยอยากดูกัน น่าสงสารจริง ๆ แต่ได้ผลนะ พวกเราซื้อกันคนละ กระปุก 2 กระปุก สักพักเราก็ออกไปร้านอาหารกันดูแล้ว วันนี้รายการอาหารจะดีที่สุดอันนี้ชอบมาก อยากกินมาตั้งนานละ สมใจอยาก ปลาตัวนี้ก้างเยอะมาก ๆ ตักมา 1 คำ เจอก้างไป เกือบ 10 อันได้ พอกินกันไปสักพัก คุณอีน ก็เข้ามาบอกว่า มีเรื่องสำคัญ ทางสายการบินติดต่อมาด่วน ให้คนที่มีชื่อดังต่อไปนี้ ต้องกลับบ้านคืนนี้เลย แล้วเค้าก็เรียกชื่อ ไป 3 คนละ คนที่ 4 เป็นชื่อเรา คนที่ 5 ชื่อตัวเล็ก พ่อกับแม่ ตกใจใหญ่ เราก็ยัง งง ๆ แต่คิดว่าถ้าเรากลับกับตัวเล็ก เดี๋ยวตัวโต กลับพร้อมพ่อกับแม่ก็ได้ แต่พ่อเราเค้าคงตกใจมาก รีบบอก ถ้าเรากลับ แล้วลูก อีกคนจะทำยังไง คุณอีน รีบมากระซิบ บอกพ่อ เราก็ เอ๊ะ สงสัยจะมีอะไรซะละ พอเรากับตัวเล็ก ลุกออกไป เค้าก็เข็นรถ มีขนมเค้กมา เซอร์ไพส์ คนที่เกิดเดือน นี้มี 5 คน เล่นเอาตกอกตกใจ ไปตาม ๆ กัน แต่ก็ดีนะ ได้มาฉลองถึงปักกิ่งเลยเชียวนา ขนมเค้กไม่อร่อยเลย เหมือนขนมไข่ จืด ๆ แล้วโป๊ะครีม ครีมก็จืด ๆ เลี่ยน ๆ ที่บ้านเราอร่อยกว่าเยอะเลย หอม เนย นม ไข่ นึกแล้วก็อยากกิน ต้องไปหาซื้อมากินซะหน่อยละ แต่ตัวโตชอบแหะ กินไปตั้ง 2 ชิ้น แต่ปกติเวลาอยู่บ้านเค้าจะชอบกินเค้กเป็นของหวาน เราต้องซื้อติดตู้เย็นไว้ตลอด เวลาอยากกินก็หยิบได้เลย ตอนที่ไปไม่มีขนมหวาน ๆ ให้กินเลยพอเจอเค้กเลย เบิ้ล ซะเลย ออกจากร้านกลับถึงโรงแรม เราก็หาร้านขายของกัน พ่อจะไปดูเหล้าขวดเล็ก ๆ จะซื้อไปฝากเพื่อน ๆ เราก็จะไปดูขนม เลยเดินออกไปกัน พอเจอร้านขายของ จะเหมือนร้านขายของชำบ้านเรา แต่ไม่มีอะไรที่เราต้องการกันเลย เราซื้อพวกทอฟฟี่มา 2 อัน พ่อได้เหล้ามา 1 ขวด น้อง ก็ได้ขนมมาอย่าง 2 อย่าง ก็กลับกัน เดินมาเลยถ่ายรูปโรงแรมที่พักไว้ ถ่ายจากฝั่งตรงข้าม กำลังจะข้ามถนนกลับถึงโรงแรมก็เข้าห้อง พักผ่อนกัน เป็นอันจบวันที่ 3 เช้าวันที่ 4 ตื่นขึ้นมาเพราะมี โทร ปลุกเหมือนเคย ตื่นมาแล้วก็ รีบเก็บของกันเพราะ วันนี้ต้องเช็คเอ้าท์ เอากระเป๋าติดรถไปด้วยเลย พอเก็บของเสร็จเรียบร้อย ปลุก ลูก ๆ ให้อาบน้ำแต่งตัวกันแล้ว ก็ลงมากินอาหารเช้ากันเหมือนเดิม ข้าวของสัมภาระต่าง ๆ นี่ของที่ระลึกวันเกิดที่ เจ้าหน้าที่ของ york เอามาให้ ออกมาถ่ายหน้าโรงแรมเป็นที่ระลึกซะหน่อย ช่วงนี้ขนกระเป๋าขึ้นรถกันละ บางคนก็ขึ้นไปรอบนรถแล้ว เอ๊ะ คุ้น ๆ ออกจากโรงแรม เราจะไปที่ประตูชัยกัน คือเมื่อวานสมาชิกในรถ เสนอคุณมุกว่า อยากไปประตูชัย ช่วยดูให้ทีว่าจะไปกันได้ไหม คุณมุกก็อุตส่าห์ไปโทรถามทีประตูชัยว่า มีคิวว่างให้เข้าไปกันได้ไหม ผลคือไปกันได้ วันนี้เราก็จะไปกันร้านหนังสือฝั่งตรงข้ามกับประตูชัยเข้ามาในบริเวณละ มีแจกบัตรด้วยมีร้านขายของเยอะแยะเลยพวกเรามาหยุดรอกันตรงนี้ สมาชิกบางคนซื้อลูกโยนมา เลยเอามาเล่นรอเวลาและแล้วก็ได้เวลา เค้าคงจะรอให้ไกด์ว่าง ไกด์พูดภาษาจีน แล้วให้คุณมุกแปลเป็นไทยเวลาขึ้นบันได ให้ขึ้นทางขวามือ เป็นบันไดมังกร ทางซ้ายเป็นบันไดเสือ เอาไว้ลงอย่างเดียวด้านบนก็ยังมีปืนใหญ่อยู่เลยบริเวณด้านในประตูชัย คือประตูชัยชนะ สมัยก่อนจะมี ประตูเข้า ออก 9 ประตู ใช้งานแตกต่างกัน พอสมัยประธานเหมาเจ๋อตุง บอกให้ทำลายให้หมด เหลือประตูชัยไว้ที่เดียว ประตูชัย ไว้สำหรับให้นักรบที่จะไปรบ ออกทางประตูนี้ จะมี ปี่เซี้ยะ ไว้ให้เค้าลูบ เพื่อเป็นเคล็ด ให้รบชนะกลับมา ถ้ารบชนะก็กลับเข้ามาทางประตูนี้ได้ แต่ถ้าแพ้ก็ต้องเข้าทางประตูอื่นประตูจะใช้งานต่างกัน เช่น เวลาฮ่องเต้สร้างพระราชวัง ต้องใช้ไม้ ก็จะขนไม้เข้าทางประตูนึง น้ำก็จะขนทางประตูนึง พ่อค้าก็เข้าทางนึง พวกนางสนมก็จะใช้ประตูนึง ที่เหลือจำไม่ได้ละ แหะแหะ ขึ้นไปด้านบน เค้าไม่ให้ถ่ายรูป เลยไม่มีรูปให้ดูละ เข้าไปจะเป็นห้องที่มี ปี่เซี้ยะ ตัวใหญ่ ตั้งอยู่ เป็นของเก่า ที่ใช้กันมานานละ เค้าก็จะให้เราเข้าไปลูบกัน ให้อธิฐานก่อนลูบ พอลูบเสร็จให้เอามือเก็บใส่กระเป๋าเลย ก็จะเข้าไปลูบกันทุกคน แบบนี้พวกเราก็โชคดีกันหมดอะดิ แล้วก็ไปต่อกันอีกห้อง เป็นห้องที่เค้าไว้ขาย ปี่เซี้ยะ จะมีเก้าอี้ ตั้งไว้เต็มห้อง แล้วพวกเราก็นั่ง เค้าจะอธิบายว่า สีไหนใช้ เพื่ออะไร พอบอกครบ ก็ให้เราไปดูแล้วเลือกซื้อกันได้เลยน้องสะไภ้เรา ซื้อตัวใหญ่ 1 ตัวสีดำ เพื่อการค้าขายจะได้เจริญ ๆ แล้วได้แถม ตัวเล็ก 1 ตัว ตัวที่ใส่คอได้อีก 2 ตัว เราซื้อต่อ ตัวที่ใส่คอมา 1 ตัว อิอิ เผื่อจะโชคดีกับเค้ามั่งนะ พ่อก็ซื้อมา 1 ตัวเล็ก ได้แถม แบบห้อยคอ มา 2 ตัว น้องเราซื้อต่อไปอีกที รูปแบบที่ใส่คอ พอทุกคนเลือกซื้อกันเรียบร้อย ก็ออกเดินทางกันต่อ จะไปหอฟ้าเทียนถานกันต่อตอนหน้านะคะ ยาวละ