รวบอีก "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" 20 คนไทยใหญ่ เช่าบ้านหรูกลางเมืองชลบุรี หลอกเหยื่อโอนเงิน วันเดียวมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท...
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 พ.ค. พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผบช.สตม. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชาติชาย เอี่ยมแสง รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชยวุฒิ จันทร์สมบูรณ์ ผกก.1 บก.สส.สตม. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผกก.สตม.จ.ชลบุรี และ พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล ผบก.ภ.ชลบุรี พ.ต.ท.ภาคสุวัฒน์ ชมถนอม หน.ชุดข้ามชาติ ภ.จว.ชลบุรี ร่วมกันบุกเข้าค้นบ้านเลขที่ 56/48 ริมทางเลียบถนนทางรถไฟ หมู่ที่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง พร้อมหมายศาลจังหวัดพัทยา เลขที่ ค.181-2/2555 ลงวันที่ 4 พ.ค.55
หลังจากชุดสืบสวนทราบว่า มีแก๊งชาวจีนลักลอบใช้บ้านดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านขนาดใหญ่ 2 ชั้นมีบริเวณเนื้อที่กว่า 50 ตร.ว. หน้าบ้านมีสระว่ายน้ำอย่างดี มีรั้วรอบขอบชิด ประตูทางเข้าบ้านเป็นประตูไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปภายในได้ ต้องปีนเข้าไปแล้วเปิดบานเล็กจากข้างในเพื่อให้กำลังจากด้านนอกเข้าไปตรวจสอบ หลังจากที่ทั้งหมดเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็วิ่งหลบหนีกันจ้าละหวั่น แต่ก็ไม่สามารถขยับตัวได้เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกชาร์จถึงตัว ขณะที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์แยกกันนั่งตามโต๊ะต่างๆ บางคนกำลังโทรศัพท์เพื่อหลอกลวงเหยื่อชาวจีนด้วยกันเพื่อให้โอนเงินเข้าบัญชี ด้วยวิธีการเดิมๆ
จากการตรวจสอบ และจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่รายนี้ พบว่าเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่จำนวน 20 คน อายุระหว่าง 23-32 ปีเป็นชาย 18 หญิง 2 คน เป็นชาวไทยใหญ่หญิง 1 คน ชาย 1 คน รวมเป็น 22 คน จากการสอบสวนนายอาจือ แซ่จู อายุ 32 ปี และนางโลว แซ่จู อายุ 35 ปี สองสามีภรรยา ชาวไทยใหญ่ กล่าวว่า ได้เข้ามาทำงานกับชาวจีนเหล่านี้เมื่อ 15 วันที่ผ่านมา ซึ่งไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันเพียงแต่เห็นโทรศัพท์กันทั้งวัน จากนั้นได้สอบสวนนายหลิว เจียน อายุ 32 ปี ที่เป็นหัวหน้าทีม กล่าวผ่านล่ามว่า ตนพร้อมพวกได้เข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 มี.ค. พร้อมทั้งมาเช่าบ้านหลังดังกล่าวเพื่อใช้โทรศัพท์หลอกลวงชาวจีนที่ประเทศจีน
นอกจากนี้ ได้ตรวจสอบพบของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 3 เครื่อง โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ 22 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง อุปกรณ์สัญญาณอินเทอร์เน็ต โมเด็ม และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงอีกจำนวนมาก ตำรวจจึงยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สตม.จ.ชลบุรี
พ.ต.อ.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบก.สส.สตม. เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่พบหลักฐานว่ากลุ่มผู้ต้องหาแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน แบ่งกะเวลาเข้าทำงาน มีสคริปต์ในการพูดหลอกลวงเหยื่อชัดเจน แบ่งหน้าที่ด้วยการจะมีคนที่ 1 โทรศัพท์ไปหลอกลวงเหยื่อว่า บัญชีธนาคารของเหยื่อมีปัญหา เช่น เกี่ยวข้องกับการโกงเงิน หรืออาชญากรรมต่างๆ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะโอนสายไปให้คุยกับ ผู้ต้องหาคนที่ 2 ที่จะอ้างตัวว่าเป็นตำรวจ
จากนั้นจะแจ้งเหยื่อว่าบัญชีเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจริงถ้าเหยื่อต้องการพิสูจน์ว่าไม่เกี่ยวข้องก็จะโอนสายไปยังคนที่ 3 ที่จะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร ก่อนจะหลอกเหยื่อให้ไปโอนเงินที่เอทีเอ็ม ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าแก๊งนี้มีบัญชีอยู่ทั้งหมดหลายบัญชี หากเหยื่อรายไหนไหวตัวทันก็อาจจะระงับการทำธุรกรรมได้ทัน แต่หากไม่ทันก็จะถูกคนของแก๊งนี้ คอยไปกดเงินออกจากเอทีเอ็มที่ประเทศจีนทันที และจะได้เงินส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ จากจำนวนเงินที่หลอกลวงเหยื่อไปได้
จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาแก๊งนี้พบว่า เดินทางเข้ามาประเทศในฐานะนักท่องเที่ยว สามารถอยู่ในประเทศได้ 90 วัน โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้เข้ามาเช่าบ้านหลังดังกล่าวไว้เป็นฐาน ทั้งนี้กลุ่มผู้ต้องหาแก๊งนี้จะเก็บตัวอยู่ในบ้านตลอดเวลาไม่ออกมาเด็ดขาด โดยจะมีคนคอยเข้าไปส่งข้าวส่งน้ำ ในขณะเดียวกันพบว่าแก๊งนี้ต่อวันสามารถหลอกลวงเงินเหยื่อแล้วกว่า 200 ล้านบาท เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาทำงานในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะผลักดันออกนอกประเทศ พร้อมทั้งขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาประเทศไทยต่อไป.
ที่มา ไทยรัฐ
ศูนย์รวมอุปกรณ์เลี้ยงปลาสวยงามราคาถูก "บ้านปลา.คอม"