เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
28 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 

แทนซาเนีย : Tarangire และ Lake Manyara ไปแล้วเก็บให้ครบ

เที่ยวเคนยาจนพูดได้เต็มปากว่าทั่วแล้ว นึกอยากจะเที่ยวส่งท้ายปี 2012 และส่งท้ายชีวิตในแอฟริกากับคุณสมสุดา ซึ่งอุตส่าข้ามน้ำข้ามทะเลมาเยี่ยมเยียนจากเมืองไทย วางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวแทนซาเนียกันแน่ๆ ล่ะ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นส่วนไหนของแทนซาเนีย ตอนแรกตั้งใจไปอุทยานแห่งชาติเซเร็งเกติ (Serengeti) ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องสัตว์ป่าซาฟารีไม่แพ้มาไซมาร่า ยิ่งช่วงเดือนธันวาคมเป็นหน้าพีกของเขาด้วย

แต่เมื่อได้เช็คราคาทัวร์และที่พักในอุทยานแล้วถึงกับถอดใจ เปลี่ยนแผนกันเป็นการด่วน ราคาที่พักแพงมาก คืนละเป็นหมื่นบาท แล้วไหนจะค่าตั๋วเครื่องบินและค่าโน่นค่านี่อีก ที่สำคัญ ถ้าจะต้องจ่ายแพงขนาดนี้แล้วได้เห็นอะไรที่อาจไม่แตกต่างกับมาไซมาร่าในเคนยามากนัก ก็ไม่รู้จะจ่ายแล้วมานั่งเสียดายเงินอยู่ทำไม

จึงเปลี่ยนใจมาจองทัวร์จากบริษัททัวร์ชื่อ Bramwel Safaris ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่เมืองอารูชา นาย Freddy เจ้าของเล่าให้ฟังว่าตั้งชื่อบริษัทตามชื่อแฟนเก่าที่เสียชีวิต จะได้มีความทรงจำทีดีเกี่ยวกับตัวเธอตลอดไป น่ารักดี ลืมบอกไปว่าพวกเราขับรถกันไปจากกรุงไนโรบีประเทศเคนยาครับ ผ่านด่านที่เมืองนามังกาและขับต่อเข้าไปในประเทศแทนซาเนียจนถึงเมืองอารูชาเป้าหมาย ใช้เวลาประมาณ 4.5 ชม.


วิวระหว่างทางจากไนโรบีไปอารูชาสวยงามดีครับ ถนนก็ดี เป็นอีกเส้นทางหนึ่งในแอฟริกาที่น่าขับรถชมวิว


จ่ายค่าทัวร์แบบเหมาจ่ายทุกอย่างไปคนละ 380 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10,000 บาท รวมค่าที่พัก อาหาร ค่าทัวร์ ค่ารถ ค่าไกด์ และค่าบริการต่างๆ ตลอดเวลา 3 คืน 2 วัน กับการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง ที่บริษัท Bramwel ได้คัดเลือกแล้วว่าน่าเที่ยวที่สุดในเมืองอารูชา ได้แก่ อุทยานแห่งชาติทารังกิเร (Tarangire National Park) และอุทยานแห่งชาติทะลเสาบมันยาร่า (Lake Manyara National Park)


คืนแรกในเมืองอารูชา บริษัทจัดให้เราพักที่โรงแรม Mc Elly’s เป็นโรงแรมกลางเมืองอารูชาที่พอจะพักค้างคืนได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องคิดว่าจะนอนสบาย ไม่ต้องหวังว่าบริการจะดีเลิศ ไม่ต้องฝันว่าอินเตอร์เน็ตจะเร็วปรื๊ดปร๊าด แต่หลับเป็นตายเพราะเหนื่อยจากการเดินทางและท่องเที่ยวในวันแรกของทัวร์แทนซาเนีย


รถทัวร์ซาฟารีแบบเปิดหลังคามารับที่โรงแรมตามเวลานัดหมายตอน 8 โมงเช้าและออกเดินทางจากเมืองอารูชากันทันที


พาเราขับรถกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงอุทยานแห่งชาติทารังกิเร ตอน 11 โมง ระยะทางแค่ร้อยกว่ากิโลเมตรใช้เวลาตั้ง 3 ชม. พวกผมกินลมชมวิวระหว่างทางกันจนอิ่มเลย


ถึงทางเข้า พนักงานขับรถและไกด์ในคนเดียวกันนามว่า Edward ได้ลงไปจัดการชำระค่าใช้จ่าย ระหว่างที่เราเข้าห้องน้ำที่ถือว่าสะอาดมากในมาตรฐานซาฟารีแอฟริกาและชมนิทรรศการเกี่ยวกับสัตว์ที่เจ้าหน้าที่เขาจัดแสดงไว้


เข้าไปในอุทยานได้ไม่นาน ไกด์ได้เล่าให้พวกเราฟังถึงจุดเด่นของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ว่ามีพืชและสัตว์ 2 ชนิดที่หาดูที่อุทยานแห่งชาติที่อื่นได้ยากนัก


พืช คือ ต้นบาวบาบ (Baobab) ซึ่งมีอยู่ทั่วไปเป็นสีสันและเอกลักษณ์ที่สำคัญของทารังกิเร


ตอนไปเที่ยวเมืองมอมบาซาในประเทศเคนยาก็เห็นมีอยู่ตลอดเส้นทางเช่นกัน แต่ตอนนั้นดูเหมือนต้นไม้กลับหัวมาก เพราะเมื่อไม่มีใบ กิ่งเหล่านั้นจึงดูเหมือนราก


แต่ในช่วงนี้ไม่ใช่หน้าแล้งเสียทีเดียว ต้นบาวบาบจึงมีใบปกคลุมหนาแน่น ดูแปลกตาไปอีกแบบ


บางต้นมีรูตรงกลางชวนให้ฉงน จนกระทั่งไกด์มาเฉลยว่าเป็นที่แอบซ่อนอาวุธและงาช้างของพวกลักลอบเข้ามาล่าสัตว์เมื่อหลายสิบปีก่อน แม้ปัจจุบันยังมีอยู่บ้าง แต่ก็มีจำนวนไม่มากแล้ว


ต้นบาวบาบบางต้นผิวภายนอกถูกลอกออกไปจนดูหน้ากลัว เหมือนถูกผีป่าซาตานมาถลกหนังจนเห็นเนื้อไม้ข้างใน


จริงๆ แล้วเป็นผีมือของสัตว์เอกลักษณ์ของทารังกิเร นั่นคือ ช้างป่าแอฟริกา ซึ่งมีอยู่จำนวนมากมายมหาศาล อุทยานแห่งชาติอื่นๆ ที่ผมไปเห็นช้างมาและคิดว่ามีจำนวนมากแล้วยังสู้ที่นี่ไม่ได้


เหตุที่ช้างเหล่านี้ลอกเปลือกไม้กิน โดยจากการสังเกตการณ์อยู่หลายชั่วโมง ช้างใช้ทั้งงวงและงาอย่างคล่องแคล่วในการลอกเปลือกไม้มากินเพื่อลดความกระหายน้ำในช่วงที่อากาศร้อนจัดเช่นนี้


ช้างมีมากมายหลายโขลง เรียกว่าดูกันจนเบื่อเลยทีเดียว


สารพัดอิริยาบถและได้ชมแบบใกล้ๆ ด้วย ถ้ายื่นมือออกไปอีกหน่อยก็คงลูบหัวมันได้พอดี


มีช้างขี้หงุดหงิดอยู่บ้างก็คงจะเป็นตัวนี้ที่วิ่งตรงเข้ามาจะชาร์จรถคันที่เรานั่งจนคนขับรถต้องถอยกรูด โชคดีคนขับมีไหวพริบปฏิภาณและมีความรู้เรื่องพฤติกรรมสัตว์ป่าเป็นอย่างดี


สัตว์อื่นก็มีจำนวนพอสมควรนะครับ


ถ่ายรูปไว้แล้วก็ผ่านเลยไป ไม่ได้นั่งเฝ้าสังเกตพฤติกรรมนานๆ อย่างช้าง


สถานที่ทานอาหารกลางวันเป็นจุดชมวิว มองเห็นแม่น้ำด้านล่างและโขลงช้างเดินผ่านไปมาน่าเพลิดเพลิน


แต่อย่าเผลอเชียวเพราะมีลิงบาบูนตัวโตที่นิสัยก้าวร้าวจ้องจะขโมยอาหารกล่องของคุณทันทีที่เผลอ เห็นฝรั่งโดนไปหลายคน


วนอยู่ในทารังกิเรประมาณ 6 ชม. ในขณะที่กำลังจะขับรถออกจากอุทยาน ไกด์ซึ่งผมยกนิ้วให้เลยว่าตาดีเหลือเกิน เหลือบไปเห็นตัวอะไรนอนตะคุ่มอยู่ในพุ่มไม้ข้ามฝั่งแม่น้ำไปไกลลิบ ไกลขนาดที่ว่าผมเอากล้องส่องทางไกลส่องแล้วยังมองแทบไม่เห็นเลย ชวนให้ทึ่งว่าไกด์เขามองเห็นได้ยังไง ประสบการณ์และความสามารถพิเศษล้วนๆ


ต้องขับอ้อมแม่น้ำไปดู ซึ่งใช้เวลาอีกเกือบครึ่ง ชม.


มาถึงแล้ว สิงโตสาวยังคงนอนอยู่ที่เดิมอย่างสบายใจ ไม่รู้นอนมาแล้วกี่วันและไม่รู้ว่าจะนอนไปอีกกี่วัน เห็นได้ชัดว่าอิ่มท้องแล้ว ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะขยับตัว


เฝ้าดูและถ่ายภาพอยู่พักใหญ่ เมื่อเห็นว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้ว จึงบอกลาสิงโตสาวออกจากอุทยานแห่งชาติตอนพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว


คืนที่สองเราพักกันที่จุดตั้งแคมป์ชื่อ Sunbright ซึ่งห่างจากทารังกิเรออกมาพอสมควร แต่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติที่เราต้องไปเที่ยวกันต่อในวันรุ่งขึ้น คือ Lake Manyara National Park


ไกด์และพ่อครัวที่บริษัททัวร์จัดให้ดูแลเราอย่างดี ดีจนเรียกได้ว่าประทับใจก็คงไม่ผิด มี welcome drink พร้อมผ้าร้อนต้อนรับตอนมาถึง


เต็นท์พร้อมเครื่องนอนจัดเต็ม


อาหารที่หรูกว่าโต๊ะข้างๆ ซึ่งใช้บริการของบริษัทอื่น พ่อครัวแต่งชุดเต็มยศ เสิร์ฟไวน์แดงอย่างดีพร้อมอาหาร


เอาเป็นว่าโต๊ะข้างๆ มองเหลียวหลังด้วยความริษยาก็แล้วกัน มาถึงจุดนี้ ผมกับคุณสมสุดากระซิบกันว่าเลือกทัวร์ไม่ผิดจริงๆ


ตื่นเช้ามา อาหารเช้าก็จัดเต็มเช่นเคย


จากจุดตั้งแคมป์ เราขับรถออกมาเพียง 10 นาทีก็ถึงอุทยานแห่งชาติทะเลสาบมันยาร่า


จุดเด่นของอุทยานแห่งชาตินี้คงไม่ได้อยู่ที่สัตว์ป่าที่หลากหลาย แต่เป็นเพราะพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งเป็นทะเลสาบ ทำให้ภูมิประเทศและวิวทิวทัศน์แตกต่างจากอุทยานแห่งชาติอื่นๆ ในแทนซาเนียครับ


อาจจะเพราะเป็นการท่องเที่ยวในวันที่สอง ความตื่นเต้นและเรี่ยวแรงจึงอาจถูกใช้ไปจนเกือบหมดแล้วในวันแรก และบวกกับลักษณะพื้นที่ที่เต็มไปด้วยป่าสีเขียวและต้นไม้ใหญ่ ทำให้ไม่เห็นสัตว์อะไรที่จะทำให้เกิดความตื่นเต้นได้มากนัก


การท่องซาฟารีในวันนี้จึงค่อนข้างกร่อยกว่าวันแรก


ที่พอจะทำให้ต้องคว้ากล้องมากดถ่ายรูปได้บ้างก็มีนกสีสวยๆ บริเวณจุดพักผ่อนและรับประทานอาหาร ซึ่งคุ้นเคยกับการอยู่ใกล้ชิดคน ทำให้ผมได้รูปแจ่มๆ โดยแทบไม่ต้องกดซูมเลย


นอกจากนี้ ยังมีลิงหาเห็บ


เต่าถูกรถทับน่าสะเทือนใจ แต่ไม่ใช่รถคันที่ผมนั่งนะครับ ไกด์เราช่วยได้แค่เพียงเขี่ยให้พ้นทางรถ


และฮิปโปอาบแดด


วิวสวยกว่าทารังกิเรนะครับ เพราะมีทั้งทะเลสาบ (ซึ่งมีนกฟลามิงโกอยู่ไกลๆ) และป่าเขา


แต่จะยังไงก็ไม่สามารถดึงดูดพวกเราไว้ได้นานเกิน 4 ชม. หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ จึงชวนไกด์ขับรถกลับเมืองอารูชาทันที ไปช็อปแทนซาไนท์ในเมืองอารูชาสักสองสามเม็ดให้ตัวเบาเล่น


วันก่อนนี้ที่ทารังกิเร เราเห็นสิงโตสาวก่อนกลับ วันนี้ที่เลคมันยาร่าก็เช่นกัน เราเห็นสัตว์ประเภทเดียวกัน สีเดียวกัน เพศเดียวกันและวัยใกล้เคียงกันก่อนกลับ


เกือบเชื่อว่าไกด์ Edward มีมนต์ดำเรียกสิงสาวได้แล้วเชียว


แต่ที่ทะเลสาบแห่งนี้ เนื่องจากมีป่าที่เขียวชอุ่มและต้นไม้ใหญ่หนาครึ้ม สิงโตซึ่งปกติจะเฝ้ามองเหยื่ออยู่บนเนินในทุ่งสะวันนาโล่งๆ ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพพื้นที่ เราจึงเห็นสิงโตปีนต้นไม้แบบนี้เฉพาะที่นี่เท่านั้น


ประทับใจก็ตรงนี้แหละ ครั้งแรกที่เห็นสิงโตง่วงหลับอยู่บนต้นไม้โดยไม่แคร์สื่อ


วันรุ่งขึ้นพวกเราขับรถออกจากเมืองอารูชากันแต่เช้า เพราะต้องกลับมาถึงกรุงไนโรบีให้ทันงานเลี้ยงส่งผมตอนเที่ยงวัน เหยียบกันไม่เกรงใจรถเลยครับ ขอเอารูป Mount Meru ภูเขาลูกใหญ่ปีนได้ใน 3 วันที่เป็นฉากหลังของเมืองอารูชาไม่ว่าจะมองจากมุมไหนมาฝากปิดท้ายครับ

นับเวลาถอยหลังกลับเมืองไทย อีกเพียง 4 วันเท่านั้น

Sad to leave yet glad to come home.







 

Create Date : 28 ธันวาคม 2555
1 comments
Last Update : 29 ธันวาคม 2555 3:19:44 น.
Counter : 5595 Pageviews.

 

ชอบเตียงที่สุด กินดีปลีกับเฟรนฟรายด์ได้ด้วย

 

โดย: ลูกปู IP: 118.172.34.120 28 ธันวาคม 2555 14:57:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.