เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
25 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
เคนยา : ภารกิจพิชิต Mt. Kenya (วันที่ 1)

ถ้าท่านได้อ่านบล็อกท่องเที่ยวเคนยาของผมมาก่อนหน้านี้บ้าง จะเห็นว่ามีหลายโอกาสเลยทีเดียวที่ผมจะพูดถึง Mount Kenya (เมาท์เคนยาหรือภูเขาเคนยา) ว่ามันเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติยังไงและผมตั้งใจว่าก่อนกลับไปทำงานที่ไทยอย่างถาวร (อย่างน้อยก็สองสามปี) จะพิชิตเขาลูกนี้ให้ได้ แม้จะมีความยากลำบากและเหนื่อยยากเพียงใดก็ตาม

ช่วงวันหยุดชดเชยวันรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา (10-13 ธ.ค. 2554) จึงได้รวบรวมสมัครพรรคพวกที่เคยแสดงความสนใจหรือได้แสดงเจตจำนงเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะร่วมหัวจมท้ายไปปีนเขาด้วยกัน

แต่คงด้วยสาเหตุที่ไม่อาจอธิบายได้หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นฝนตกหนักมากในเคนยาช่วงก่อนเราจะไปปีนเขาและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เพื่อนหลายคนติดภารกิจอย่างอื่น จากจำนวนคนที่กะเอาไว้ตอนแรกว่าจะมีประมาณ 7-8 คน ท้ายที่สุดจึงเหลือผมกับพี่สาวอีกคนเท่านั้น ในฐานะผู้จัดซึ่งตอนแรกกระตื้อรือร้นและตื่นเต้นอย่างออกหน้าออกตา เจอแบบนี้เข้า ถึงกับถอยเหมือนกัน จึงได้ขอยกเลิกทริปปีนเขาไปและจองทัวร์จะไปเที่ยว Tsavo West National Park แทน ฝนก็ยังตกอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด

จนเช้าวันหนึ่ง ตื่นขึ้นมาไม่เห็นเงาฝน แดดจัดดีมาก อากาศในเคนยากลับมาดีดังเดิม จึงตั้งใจกลับไปชักชวนสมัครพรรคพวกอีกรอบ ขอลองอีกสักตั้ง ไปได้ก็ดี ไปไม่ได้ก็ถือว่ารอโอกาสเหมาะกว่านี้ ซึ่งจะมาถึงอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

คราวนี้ผมทุ่มสุดตัว ใช้ศิลปะและทักษะในการชักชวนและชวนเชื่ออย่างสุดความสามารถ ท้ายที่สุดจริงๆ ได้สมาชิกผู้ร่วมชะตากรรมมาทั้งสิ้น 5 คน (ไทย 4 สิงคโปร์ 1 ซึ่งในจำนวนนี้เป็นชาย 3 หญิง 2)

กว่าจะตกลงกันได้ลงตัว ก็เหลือเวลาแค่สองวันก่อนเดินทางแล้ว ซื้อของและเตรียมการกันวุ่นวายเท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย อาทิ ซื้อของใช้จำเป็นสำหรับการปีนเขา เช่น เสื้อผ้า รองเท้า หมวกสวมหัว แว่นตา ถุงมือ เป็นต้น ของหลายอย่างหาเช่าเอาได้จากไกด์ที่เราจ้าง แต่ผมว่าของที่ต้องมาสัมผัสหน้าตาหรือร่างกายเราโดยตรงหาซื้อเอาดีกว่า ไม่น่าใช้ของให้เช่าหรอก อย่างรองเท้าปีนเขาเนี่ย ถ้ามันไม่มีไซส์เราแล้วตายเลย สำคัญมากๆๆๆ พวกเราโชคดีที่ที่เคนยามีตลาดขายของมือสอง พอหาของได้อยู่ ได้มาแล้วก็รีบซักล้างทำความสะอาด เวลาเหลือน้อยเต็มที


เช้าวันที่ 1 ของการเดินทาง กะว่าจะออกกันแต่เช้า เพื่อให้ไปถึงเมือง Naro Moru ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทไกด์ที่เราว่าจ้างให้นำทาง ซึ่งห่างออกไปจากกรุงไนโรบีที่พวกเราอยู่อาศัยประมาณ 130 กม. ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ชม. นัดเจอกันที่สถานทูตไทยประจำเคนยา


ออกเดินทางจากไนโรบีจริงๆ ประมาณ 08.30 น. ด้วยรถของสมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งซึ่งอาสาขับรถไปเองแทนการเช่ารถ


แต่ด้วยความที่ไม่มีใครในพวกเราเคยเดินทางไปทางนั้นมาก่อนและรถติดวินาศสันตะโร (ซึ่งเริ่มกลายเป็นเรื่องธรรมดาในไนโรบี) พร้อมทั้งถนน Thika ที่ใช้ยังอยู่ระหว่างการขยายถนน ทำให้ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. กว่าจะถึงเมือง Naro Moru


เมืองนี้มีลักษณะเป็นเมืองริมทางขนาดเล็ก แต่สังเกตุว่ามีบริษัทนำเที่ยวมานำเสนอไกด์พาพวกเราปีนเมาท์เคนยาราคาดีๆ จำนวนมาก


คงเป็นเพราะเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ทางเข้าหลัก (main gate) ของอุทยานแห่งชาติเมาท์เคนยา (Mount Kenya National Park) ที่สุด มองเห็นเมาท์เคนยาที่โดนเมฆบังยอดอยู่ไกลๆ


ไกด์ของเราชื่อ John เป็นทั้งไกด์ สมาชิกหน่วยกู้ชีพของอุทยานและเจ้าของบริษัท Summit Ventures ที่เราใช้บริการซึ่งได้รับการบอกต่อมาจากคนรู้จักอีกทีหนึ่ง เรามาถึงเขาก็มารับไปที่ออฟฟิศเขาก่อนเลย เพื่อทำการ briefing ในเบื้องต้น เช่าอุปกรณ์และแน่นอนชำระเงิน คำพูดหนึ่งของไกด์จอห์นที่ก้องอยู่ในหัว "Climbing Mt. Kenya is more mental than physical" แปลได้ว่าการปีนเขาลูกนี้ใช้แรงใจมากกว่าแรงกาย เดี๋ยวก็รู้ว่าจริงแค่ไหน


ไกด์จอห์นคิดค่าบริการพวกเราในขอบเขตเวลาสี่วันสามคืนคนละ 26,000 ชิลลิ่ง น่าจะประมาณไม่เกิน 9,000 บาท ฟังดูเหมือนแพง แต่ผมว่าสมเหตุสมผลมากแล้ว เพราะราคานี้รวมค่าคนแบกกระเป๋าหรือ porter ค่าพ่อครัว ค่าไกด์ ค่าอาหารซึ่งเขาปรุงให้เราทานวันละสามมื้อ ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ ค่าที่พัก เอาเป็นว่าจ่ายยอดนี้ก็อยู่ได้สบายตลอดสี่วันแล้ว จะต้องจ่ายเพิ่มก็ค่าเช่าอุปกรณ์และค่าทิป แต่เช่นเคย สำหรับท่านที่มีสถานะเป็นนักท่องเที่ยว ราคาจะแพงขึ้นกว่านี้ครับ


เสร็จเรียบร้อย จอห์นพาเราไปที่โรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งระหว่างทางเพื่อจอดรถที่พวกเราพากันมา แล้วเขาก็เอารถของเขามารับพวกเราต่อไปยังทางเข้าหลัก ระหว่างทางก็ชวนคุยตามมารยาท ทราบว่าไกด์จอห์นของเราประสบการณ์สูง ทำหน้าที่ไกด์ปีนเขามาแล้ว 15 ปี เป็นอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยให้กับอุทยาน แถมมีรูปตัวเองติดหราบนป้ายโฆษณาท่องเที่ยวเมาท์เคนยาด้วย เอาเป็นว่ามากับมืออาชีพแล้วงานนี้


มาถึงทางเข้าอุทยานชื่อเดียวกับเมือง (Naromoru Gate) ที่ความสูง 2,400 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล


และเราก็ได้ทานอาหารกลางวัน ซึ่งพ่อครัวได้เตรียมไว้ให้ตอนประมาณบ่ายสองโมง เป็นพวกแฮม สลัด ขนมปัง น้ำผลไม้ เป็นอาหารมื้อแรกที่เขาให้บริการ


ทานเสร็จแล้ว พวกเราได้รับการแนะนำให้รู้จักผู้ให้บริการในทีมเรา ตกใจเล็กน้อยเพราะมีจำนวนถึง 11 คน ในขณะที่เรามีกัน 5 คน จำชื่อได้แค่ ไอแซ็ค ไกด์คนที่สอง กับ ปีเตอร์ พ่อครัว


ออกเดินทางจริงๆ ตอนเกือบบ่ายสามโมง ช่วงนี้เป็นทางเดินธรรมดา สูงเป็นบางช่วง แต่ไม่ขนาดต้องปีนป่ายอะไรมาก


พืชพันธุ์ยังคงเป็นแบบทั่วไป หาดูได้ไม่ยากในไนโรบีและเคยเห็นมาก่อนแล้ว เพราะไนโรบีเองก็ความสูงประมาณนี้แหละ


สัตว์ก็มีให้เห็นบ้าง แต่ไม่มากนัก ภาพนี้เป็นลิงโคโลบัส (Colobus Monkey) นอกจากนี้ก็มีขี้ช้างตามทางเดิน ตัววอเตอร์บัก บุชบัก เป็นต้น


พวกเราเดินอย่างคึกคักและสนุกสนานได้ไม่ถึงสองชั่วโมง ก็เริ่มห่อเหี่ยว ช่วงนี้เป็นช่วงปรับร่างกายให้คุ้นกับระดับความสูงที่เปลี่ยนไป เป็นช่วงที่ร่างกายต้องปรับมากที่สุด แม้ทางจะยังไม่ชันอะไรมาก แต่เล่นเอาเหนื่อยหอบและหยุดพักกันเป็นว่าเล่น


มองไปเห็นไกด์และคนแบกสัมภาระ จึงได้มีกำลังใจเดินกันอีก เพราะพวกเขาแบกสัมภาระของพวกเราซึ่งแต่ละใบหนักไม่ต่ำกว่า 20 กก. ยังเดินกันได้สบายใจเฉิบ


ในเป้ใบน้อยบนหลังของพวกเรามีแค่น้ำดื่ม กล้องถ่ายรูป ขนมขบเคี้ยวอีกนิดหน่อย ก็จะไม่รอดละ จะหนักจริงๆ ก็คงเป็นน้ำละครับ ถูกบังคับให้แบกน้ำคนละ 3 ลิตร เพราะการดื่มน้ำและการหยุดยิงกระต่ายหรือเด็ดดอกไม้บ่อยๆ จะช่วยให้ร่างกายปรับให้เข้ากับสภาพอากาศและความสูงได้ดี (acclimatization) ที่สำคัญ จะไม่มีน้ำสะอาดให้ดื่มจนกว่าเราจะเดินทางถึงแคมป์ที่สองในค่ำของวันที่ 2


ผ่านไปสองชั่วโมงกว่าๆ คงด้วยความสูงที่เปลี่ยนไป เริ่มเห็นพืชพันธุ์และดอกไม้หน้าตาไม่คุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ


ดอกไม้กับธรรมชาติรอบข้างก็สวยดีนะครับ


แต่การปรับการหายใจกับอากาศที่เบาบางลงเป็นอุปสรรคต่อการเดินมากพอสมควร


ไกด์ก็เร่งจัง กลัวจะไปถึงแคมป์หลังพระอาทิตย์ตก


นึกในใจ เฮ้ย คนมาจากเมืองร้อนและที่ต่ำนะเฟ่ย ไม่ได้เดินขึ้นเขาแบบนี้ทุกวัน นึกอิจฉาพวกกะเหรี่ยงคอยาวกับแม้วขึ้นมาทันทีทันใด


ทางที่นอกจากชันแล้ว บางช่วงดูไม่จืดเลย ยังนึกขอบคุณฟ้าเบื้องบนที่ประทานอากาศดีให้สำหรับวันนี้ ไม่กล้านึกว่าถ้าฝนตกแล้วจะเกิดอะไรขึ้น


โค้งสุดท้าย เร่งฝีเท้าที่ตอนนี้ชาจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้วขึ้นถึงแคมป์แรกในที่สุดชื่อ Met. Station สูงจากระดับน้ำทะเล 3,048 เมตร ใช้เวลาจากทางเข้ามาถึงแคมป์นี้ประมาณ 3.5 ชม. เดินเป็นระยะทางเท่าไหร่ไม่ทราบ แต่ขาเข่าอ่อนจนยืนแทบไม่อยู่


ถึงที่พักหมดแรงไปตามๆ กัน บ้านพักหลังนี้มีแต่กลุ่มพวกเราพักกัน ทราบจากไกด์ว่า โชคดีที่หน้าท่องเที่ยวเพิ่งเริ่ม ไม่งั้นต้องแชร์บ้านพักกับใครต่อใคร เผลอๆ ต้องนอนบนพื้น หากจับจองที่ไม่ทัน


มาถึงก็มีเครื่องดื่มชงร้อนๆ ประเภทต่างๆ มาให้บริการ ซึ่งพ่อครัวและผู้ช่วยที่เดินทางมาถึงก่อนเราได้มาเตรียมไว้แล้ว เพิ่งรู้ว่าน้ำขิงร้อนผสมโกโก้หอมอร่อยก็คราวนี้แหละ


ต่อด้วยอาหารค่ำร้อนๆ ทานกันชนิดว่าอิ่มหนำสำราญอย่างราชาเลย หรูกว่าทำกินเองที่บ้านเสียอีก รู้สึกไม่เสียดายเงินค่าจ้างที่จ่ายไป พร้อมด้วยคุณไกด์เข้ามาบรีฟให้ฟังว่าพรุ่งนี้เราต้องเผชิญกับอะไรบ้าง เฮ่อ ถอนหายใจยาวๆ เมื่อไกด์บอกว่าวันนี้เบบี้ที่สุดแล้ว แต่ไม่ท้อครับ


อากาศเย็นสบายถึงเย็นมาก วัดอุณหภูมิแล้วประมาณ 12 องศา


แต่ยังไงนอนก็ต้องสวมเสื้อผ้าหลายชั้นและมุดในถุงนอนอยู่ดี โชคดีที่พวกเรามีถุงน้ำร้อนติดกันมาเลยขอให้เขาเติมน้ำร้อนให้ นอนสบายกว่ากันเยอะ


ยังไม่พอ เรายังได้จ้างคนมาก่อไฟในเตาผิงในที่พัก ซึ่งบอกว่าให้ความอบอุ่นได้ทั้งคืนจนเช้า แต่ผมตื่นมาตอนตีสอง ไฟดับแล้วแน่ๆ เอาเข้าจริงๆ นอกจากอาการปวดขาและความเย็นกว่าปกติแล้ว การเดินทางในวันแรกของภารกิจพิชิตเมาท์เคนยาก็ไม่ได้แย่นักหรอก


เขาว่าคืนนี้มีจันทรุปราคา ไม่ได้ตื่นมาดูหรอกว่ามีจริงหรือเปล่า รู้แต่ว่าหลับสบายเหลือเกิน.....








Create Date : 25 ธันวาคม 2554
Last Update : 24 มกราคม 2555 13:45:18 น. 3 comments
Counter : 1860 Pageviews.

 


โดย: thebe01 วันที่: 25 ธันวาคม 2554 เวลา:19:07:29 น.  

 
อิจฉาอยากไปมั่งจัง.......รีบลงตอนสองนะค่ะรอลุ้นอยู่


โดย: kandy IP: 101.108.206.69 วันที่: 25 ธันวาคม 2554 เวลา:19:19:37 น.  

 
พอรู้ว่าได้ไปก็สนุกแล้ว


โดย: หนุ่ย IP: 41.212.104.27 วันที่: 28 ธันวาคม 2554 เวลา:13:25:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.