เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
Italy
Kenya
Africa
Asia
Europe
Home Cuisine
English and whatnot
For the Sake of Complaining
Misc
<<
ตุลาคม 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
22 ตุลาคม 2555
เคนยา : สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าโบสถ์ อนุสรณ์เชลยสงครามโลกครั้งสุดท้าย
All Blogs
เคนยา : วัดแขกอินเดียในเคนยา ที่พึ่งทางใจพุทธศาสนิกชนยามไร้วัดพุทธ
เคนยา : เทศกาลดอกจักกะรันดาบาน
เคนยา : สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าโบสถ์ อนุสรณ์เชลยสงครามโลกครั้งสุดท้าย
เคนยา : Hells Gate ไต่ มุด ล่อง
เคนยา : ซัมบูรู ถิ่นนักรบที่แม้ไม่ใช่มาไซ แต่ก็ใกล้เคียง (ตอนจบ)
เคนยา : ซัมบูรู ถิ่นนักรบที่แม้ไม่ใช่มาไซ แต่ก็ใกล้เคียง (ตอนเริ่ม)
เคนยา : คนดีตกน้ำไม่ไหล แต่เปียกและอาย
เคนยา : ตามหานกฟลามิงโกสีชมพูไปจนสุดขอบเลค
เคนยา : Lake Elementaita เป็นเอดส์มายังสู้หาย
เคนยา : ล่องแก่งเบียดเสียด จะเครียดไปไหน
เคนยา : Kisumu เมืองปลานิล
เคนยา : เกาะพระจันทร์เสี้ยว สองเลี้ยวก็ถึง
เคนยา : Paradise Lost สวรรค์ที่หายไปแล้วไม่น่าหาเจออีก
เคนยา : ภารกิจพิชิต Mt. Kenya (วันที่ 4)
เคนยา : ภารกิจพิชิต Mt. Kenya (วันที่ 3)
เคนยา : ภารกิจพิชิต Mt. Kenya (วันที่ 2)
เคนยา : ภารกิจพิชิต Mt. Kenya (วันที่ 1)
เคนยา : อเบอร์แดร์ สวยแท้ดั่งภาพวาด
เคนยา : โรงงานทำแก้วจากของเหลือใช้ reuse หรือ recycle
เคนยา : Mount Suswa ภูเขาไฟดับแล้วที่ไม่ต้องปีน
เคนยา : ทะเลสาบมากาดิ แดดร้อน น้ำพุร้อน คนก็ใจร้อน
Hells Gate : ประตูสู่นรกกับการได้ไปที่ชอบที่ชอบ
Ngong Forest แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ถูกสาดด้วยความรู้
เคนยา : ไร่ชาของคุณป้าผู้ดี
เคนยา : อึ้ง น้ำตก 7 สาวน้อยยังมีฝาแฝด คนไทยค้นพบน้ำตก 14 สาวน้อยที่เคนยา
เคนยา : พาไปปีนเขาให้เมื่อยตุ้มเล่น
เคนยา : ดำน้ำดูปลา เคนยาเขาก็มี
เคนยา : มอมบาซา เมืองท่า เมืองเที่ยว
เคนยา : นากูรู ในป่ามีนก ในเมืองมีตึก ในสนามกีฬามีทอง
เคนยา : Lake Naivasha Country Club หนีความวุ่นวาย สายๆ ก็มาถึง
เคนยา : ประสบการณ์ตรงจาก(ปาก)ผู้เดินทางมาท่องเที่ยว
เคนยา : กุหลาบจะสวยไปไหน สวยไม่เผื่อแผ่ใคร สวยไม่บันยะบันยัง
เคนยา : ประพฤติตัวเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีบ้างไรบ้าง....
เคนยา : นกกระจอกเทศยังไม่ทันกินน้ำ
เคนยา : ภัยใกล้ตัวที่ใกล้เข้ามาจนเกือบชิด
เคนยา : อยู่ไม่เป็นสุขเหมือนเจ้าไม่มีศาล
เคนยา : จะขอผ่านเข้าเมือง โปรดชำเรืองสักนิด
เคนยา : เมาท์ลองโกน็อต เม้าท์แตกกลางภูเขาไฟ ถอดใจไปหลายรอบ (ภาค 2)
เคนยา : เมาท์ลองโกน็อต เม้าท์แตกกลางภูเขาไฟ ถอดใจไปหลายรอบ (ภาค 1)
เคนยา : Mount Kenya สูงกว่า ไกลกว่า แพงกว่า เสล่อกว่า
เคนยา : รถมือสอง ลองมาขับ จับไม่กลัว
เคนยา : Do you ride an elephant to work?
เคนยา : ซาฟารีพาร์ค สมใจอยาก กินไม่หยุดปาก
เคนยา : มาไซมาร่า...สามเดือนผ่านไป ไฉไลกว่าเดิม (ตอน 2)
เคนยา : มาไซมาร่า...สามเดือนผ่านไป ไฉไลกว่าเดิม (ตอน 1)
เคนยา : มาไซ ชนเผ่ามาทำไม ตอน 2
เคนยา : มาไซ ชนเผ่ามาทำไม ตอน 1
เคนยา : ขึ้นไปเป็นเจ้าหญิงลงมาเป็นพระราชินี
เคนยา : Thomson’s Falls น้ำตกจากนรกสู่สวรรค์
เคนยา : ซาฟารีใหญ่กลางใจเมือง
เคนยา : เอนเตอร์เทนเมนต์และแหล่งมั่วสุมของฆาตกร (ฆ่าเวลา)
เคนยา : สงกรานต์แบบไทยในแอฟริกา
เคนยา : คิลิมันจาโร ยอดหิมะสูงระฟ้า (2)
เคนยา : คิลิมันจาโร ยอดหิมะสูงระฟ้า (1)
เคนยา : ช่วยลูกช้างด้วย...เจ้าประคู๊ณ
เคนยา : อยู่อย่างคนไม่ไร้ที่ซุกหัวนอน
เคนยา : นากูรู เช้าตรู่ ฟลามิงกู สีชมพู น่าดู
เคนยา : พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เชยๆ แบบทันสมัย
เคนยา : Giraffe Center จูบแรกกับน้องยีราฟ
เคนยา : Karen Blixen แหม่มผิวขาวที่คนเคนยารู้จักมากที่สุด
เคนยา : ของขึ้นหน้าขึ้นตาที่ไม่ใช่สิว
เคนยา : Hell's Gate ประตูสู่นรก ?
เคนยา : ทะเลสาบไนวาชากับชีวิตสุดฮิป (โป)
เคนยา : The Rift Valley รอยแยกแห่งกาฬทวีป
เคนยา : สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าโบสถ์ อนุสรณ์เชลยสงครามโลกครั้งสุดท้าย
ทีแรกตั้งใจจะใช้ชื่อบล็อกว่า สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าโบสถ์ อนุสรณ์เชลยสงครามโลกครั้งล่าสุด แต่เปลี่ยนเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเชื่อว่าในช่วงชีวิตผมที่เหลืออยู่คงไม่มีสงครามโลกอีกแล้ว โลกจะมีความสงบสุขตลอดไป สาธุ สาธุ ถ้าจะมีจริงในยุคต่อไปคงเป็นประเภทสงครามอวกาศกับมนุษย์ต่างดาวอะไรทำนองนั้นมากกว่า
การเดินทางไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อหลายแห่งในเคนยาทางตะวันตกเฉียงเหนือ ไม่ว่าจะเป็นไนวาชา นากูรู เมืองนรก หรือการเดินทางไปมาไซมาราด้วยรถยนต์ก็ตาม จะต้องขับรถผ่านบริเวณที่เรียกว่า Rift Valley ซึ่งในวันที่แดดจัดจะสวยงามเหมาะแก่การถ่ายภาพอย่างมาก มากี่ครั้งก็แวะถ่ายรูปทุกครั้งไป จุดชมวิว(และขายของที่ระลึก)แต่ละจุดล้วนมีรถทัวร์ซาฟารีจอดกันแทบทั้งนั้น คนยังคงนิยมมาเที่ยวเคนยากันอยู่ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตได้ในสี่ปีมานี้ คือ มีนักท่องเที่ยวจากเอเชียมาเที่ยวเคนยามากขึ้นเรื่อยๆ ครับ
ผมเชื่อว่านักท่องเที่ยวกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่แวะจุดชมวิวบริเวณ Rift Valley ไม่มีโอกาสหรือไม่ตั้งใจแวะโบสถ์ที่สร้างโดยเชลยสงครามชาวอิตาเลียนซึ่งมีความพิเศษและน่าสนใจหลายอย่าง หลายท่านไม่ได้แวะเพราะเวลาจำกัดหรือคิดว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ ขอแนะนำท่านที่มาอ่านบล็อกนี้ว่าคราวหลังขอให้แวะชมเถิด ท่านจะเสียเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้นแต่จะมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งเก็บไว้ในไดอารี่ของท่าน
ประมาณ 60 กม. จากไนโรบี ท่านจะผ่านจุดชมวิวซึ่งเต็มไปด้วยร้านรวงขายของที่ระลึกจำนวนหลายสิบร้าน จากประสบการณ์ของผม ร้านพวกนี้ขายของแพงกว่าในไนโรบีมาก แต่หากไม่มีเวลาก็หาซื้อกันได้ อย่าไปคิดอะไรมาก
หลังจากผ่านจุดชมวิวทั้งหมดแล้ว ถนนจะเริ่มเป็นทางชันลงเขาก่อนถึงเมือง Mai Mahiu จุดสังเกต คือ จะมีสถานีตำรวจติดกับโบสถ์แห่งนี้เลย ซึ่งก็จะเป็นที่จอดรถสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย หากไปในเร็ววันนี้ ผมเห็นเขาทำเป็นสวนหย่อมเล็กๆ อยู่หน้าสถานีและดอกไม้กำลังออกดอกอย่างสวยงาม
จอดรถเสร็จเดินไปทางโบสถ์ สิ่งแรกที่จะเจอ คือ ป้ายเขียนว่าโบสถ์คาธอลิกสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1942 โดยเชลยสงครามชาวอิตาเลียน
เมื่อเข้าไปถึงบริเวณโบสถ์จะต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 10 ขั้นเพื่อเข้าไปในตัวโบสถ์
โบสถ์นี้มีขนาดเล็กมาก เล็กจนกระทั่งได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในเคนยา
ภายในมีเก้าอี้นั่งเพียงสามแถว
มีรูปเคารพ จิตรกรรมเกี่ยวกับพระเยซูและกระจกสีแบบเรียบง่ายที่สุด เรียกว่ามีทุกสิ่งอย่างที่โบสถ์คาธอลิกจำเป็นต้องมี
ด้านข้างมีพื้นที่เล็กๆ จัดเป็นส่วนหย่อม มีต้นไม้ขนาดใหญ่อายุน่าจะพอสมควร
แม้จะเป็นสวนหย่อมขนาดย่อมจริงๆ แต่จัดได้น่ารักและแลดูว่ามีการดูแลรักษาอย่างดี
ทางเข้ายังมีหอคอยเล็กๆ น่าจะมีทางขึ้นได้ แต่ไม่มีใครคิดจะขึ้นไป ผมนึกถึงแต่การ์ตูนเรื่อง Rapunzel ที่เด็กฝรั่งรู้จักเป็นอย่างดี ที่เป็นเจ้าหญิงถูกขังอยู่ในหอคอยและผมยาวมากจนเจ้าชายใช้ไต่ขึ้นมาช่วยนางได้
ความมีเมตตาธรรมอย่างหนึ่งเจ้าอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งชนะสงครามโลกครั้งที่สองและได้เชลยทหารอิตาเลียนซึ่งเป็นฝ่ายอักษะที่แพ้สงครามมาเป็นตัวประกัน คือ นอกจากจะให้เชลยสงครามของตนมาสร้างถนนเลาะริมเหว Rift Valley ในเคนยาแล้ว ยังอนุญาตให้สร้างโบสถ์ขนาดเล็กเพื่อใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจและเป็นที่พึ่งทางใจของเชลยเหล่านี้ ถึงจะสูญเสียอิสรภาพในเรื่องอื่นๆ แต่เรื่องนี้เจ้าอาณานิคมไม่ได้มองข้ามครับ
ถนนเส้นที่ว่าสร้างตั้งแต่สมัยสงครามโลกและปัจจุบันก็ยังใช้เป็นถนนสายหลักกันอยู่ เนื่องจากเคนยาไม่มีการบำรุงรักษาเหมือนอีกหลายๆ สิ่งที่เจ้าอาณานิคมสร้างไว้ให้ สภาพถนนค่อนข้างแย่เต็มไปด้วยหลุมบ่อที่ขับรถเก่งแค่ไหนก็หลบไม่พ้น บวกกับนิสัยการขับขี่ของคนที่นี่ที่ไม่ว่าถนนจะอยู่ในสภาพไหนตรูก็ขับเร็วและปาดซ้ายไต่ขวาได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่แทบทุกครั้งที่ผมใช้เส้นทางนี้ จะมีอุบัติเหตุประหลาดๆ ให้เห็นคอยเตือนสติ
วันนี้ที่ได้แวะโบสถ์ที่เล็กที่สุดในเคนยาเพราะเราเดินทางไปเที่ยวเลคไนวาชากันครับ แต่ไม่ลงเรื่องเลคไนวาชาให้อ่านเพราะเคยลงไปนานมากแล้วก่อนหน้านี้ อยากอ่านก็ไปรื้อดูในบล็อกเก่าๆ กันเอาเอง เพียงแต่อยากลงภาพนี้ เพราะทำให้ผมนึกถึงเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้วที่งานประจำปีของจังหวัดผม จะมีคนมาออกร้านคล้ายสตูดิโอถ่ายภาพ โดยมีฉากหลังเป็นภาพวาดวิวทะเลหัวหินง่อยๆ ถ่ายแล้วอีกสองวันค่อยมารับ ภาพขาวดำด้วยนะ จำได้ว่าพื้นเป็นเสื่อน้ำมันแบบนี้เลย แต่นั่นมันเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้วที่บ้านเรา ที่นี่ยังมีให้เห็นและคนยังใช้บริการกันคึกคัก แม้ว่ากล้องจะเป็นกล้องดิจิตอลและสามารถปรินท์รูปได้ทันทีแล้วก็ตาม แต่ความคลาสสิกไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
Create Date : 22 ตุลาคม 2555
Last Update : 30 ธันวาคม 2564 22:18:00 น.
1 comments
Counter : 1785 Pageviews.
Share
Tweet
ของเราฉากหลังเป็นรถไฟ ถ่ายกันสามคนพี่น้อง ขาวดำเหมือนกัน ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหนแล้ว
โดย: นพ IP: 110.168.168.52 วันที่: 25 ตุลาคม 2555 เวลา:0:39:12 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Thaisoloclub
Location :
Rome Italy
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [
?
]
Friends' blogs
nungkwak
Qingqing
Webmaster - BlogGang
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.