เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
Italy
Kenya
Africa
Asia
Europe
Home Cuisine
English and whatnot
For the Sake of Complaining
Misc
<<
สิงหาคม 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
16 สิงหาคม 2554
Ngong Forest แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ถูกสาดด้วยความรู้
All Blogs
เคนยา : วัดแขกอินเดียในเคนยา ที่พึ่งทางใจพุทธศาสนิกชนยามไร้วัดพุทธ
เคนยา : เทศกาลดอกจักกะรันดาบาน
เคนยา : สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าโบสถ์ อนุสรณ์เชลยสงครามโลกครั้งสุดท้าย
เคนยา : Hells Gate ไต่ มุด ล่อง
เคนยา : ซัมบูรู ถิ่นนักรบที่แม้ไม่ใช่มาไซ แต่ก็ใกล้เคียง (ตอนจบ)
เคนยา : ซัมบูรู ถิ่นนักรบที่แม้ไม่ใช่มาไซ แต่ก็ใกล้เคียง (ตอนเริ่ม)
เคนยา : คนดีตกน้ำไม่ไหล แต่เปียกและอาย
เคนยา : ตามหานกฟลามิงโกสีชมพูไปจนสุดขอบเลค
เคนยา : Lake Elementaita เป็นเอดส์มายังสู้หาย
เคนยา : ล่องแก่งเบียดเสียด จะเครียดไปไหน
เคนยา : Kisumu เมืองปลานิล
เคนยา : เกาะพระจันทร์เสี้ยว สองเลี้ยวก็ถึง
เคนยา : Paradise Lost สวรรค์ที่หายไปแล้วไม่น่าหาเจออีก
เคนยา : ภารกิจพิชิต Mt. Kenya (วันที่ 4)
เคนยา : ภารกิจพิชิต Mt. Kenya (วันที่ 3)
เคนยา : ภารกิจพิชิต Mt. Kenya (วันที่ 2)
เคนยา : ภารกิจพิชิต Mt. Kenya (วันที่ 1)
เคนยา : อเบอร์แดร์ สวยแท้ดั่งภาพวาด
เคนยา : โรงงานทำแก้วจากของเหลือใช้ reuse หรือ recycle
เคนยา : Mount Suswa ภูเขาไฟดับแล้วที่ไม่ต้องปีน
เคนยา : ทะเลสาบมากาดิ แดดร้อน น้ำพุร้อน คนก็ใจร้อน
Hells Gate : ประตูสู่นรกกับการได้ไปที่ชอบที่ชอบ
Ngong Forest แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ถูกสาดด้วยความรู้
เคนยา : ไร่ชาของคุณป้าผู้ดี
เคนยา : อึ้ง น้ำตก 7 สาวน้อยยังมีฝาแฝด คนไทยค้นพบน้ำตก 14 สาวน้อยที่เคนยา
เคนยา : พาไปปีนเขาให้เมื่อยตุ้มเล่น
เคนยา : ดำน้ำดูปลา เคนยาเขาก็มี
เคนยา : มอมบาซา เมืองท่า เมืองเที่ยว
เคนยา : นากูรู ในป่ามีนก ในเมืองมีตึก ในสนามกีฬามีทอง
เคนยา : Lake Naivasha Country Club หนีความวุ่นวาย สายๆ ก็มาถึง
เคนยา : ประสบการณ์ตรงจาก(ปาก)ผู้เดินทางมาท่องเที่ยว
เคนยา : กุหลาบจะสวยไปไหน สวยไม่เผื่อแผ่ใคร สวยไม่บันยะบันยัง
เคนยา : ประพฤติตัวเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีบ้างไรบ้าง....
เคนยา : นกกระจอกเทศยังไม่ทันกินน้ำ
เคนยา : ภัยใกล้ตัวที่ใกล้เข้ามาจนเกือบชิด
เคนยา : อยู่ไม่เป็นสุขเหมือนเจ้าไม่มีศาล
เคนยา : จะขอผ่านเข้าเมือง โปรดชำเรืองสักนิด
เคนยา : เมาท์ลองโกน็อต เม้าท์แตกกลางภูเขาไฟ ถอดใจไปหลายรอบ (ภาค 2)
เคนยา : เมาท์ลองโกน็อต เม้าท์แตกกลางภูเขาไฟ ถอดใจไปหลายรอบ (ภาค 1)
เคนยา : Mount Kenya สูงกว่า ไกลกว่า แพงกว่า เสล่อกว่า
เคนยา : รถมือสอง ลองมาขับ จับไม่กลัว
เคนยา : Do you ride an elephant to work?
เคนยา : ซาฟารีพาร์ค สมใจอยาก กินไม่หยุดปาก
เคนยา : มาไซมาร่า...สามเดือนผ่านไป ไฉไลกว่าเดิม (ตอน 2)
เคนยา : มาไซมาร่า...สามเดือนผ่านไป ไฉไลกว่าเดิม (ตอน 1)
เคนยา : มาไซ ชนเผ่ามาทำไม ตอน 2
เคนยา : มาไซ ชนเผ่ามาทำไม ตอน 1
เคนยา : ขึ้นไปเป็นเจ้าหญิงลงมาเป็นพระราชินี
เคนยา : Thomson’s Falls น้ำตกจากนรกสู่สวรรค์
เคนยา : ซาฟารีใหญ่กลางใจเมือง
เคนยา : เอนเตอร์เทนเมนต์และแหล่งมั่วสุมของฆาตกร (ฆ่าเวลา)
เคนยา : สงกรานต์แบบไทยในแอฟริกา
เคนยา : คิลิมันจาโร ยอดหิมะสูงระฟ้า (2)
เคนยา : คิลิมันจาโร ยอดหิมะสูงระฟ้า (1)
เคนยา : ช่วยลูกช้างด้วย...เจ้าประคู๊ณ
เคนยา : อยู่อย่างคนไม่ไร้ที่ซุกหัวนอน
เคนยา : นากูรู เช้าตรู่ ฟลามิงกู สีชมพู น่าดู
เคนยา : พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เชยๆ แบบทันสมัย
เคนยา : Giraffe Center จูบแรกกับน้องยีราฟ
เคนยา : Karen Blixen แหม่มผิวขาวที่คนเคนยารู้จักมากที่สุด
เคนยา : ของขึ้นหน้าขึ้นตาที่ไม่ใช่สิว
เคนยา : Hell's Gate ประตูสู่นรก ?
เคนยา : ทะเลสาบไนวาชากับชีวิตสุดฮิป (โป)
เคนยา : The Rift Valley รอยแยกแห่งกาฬทวีป
Ngong Forest แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ถูกสาดด้วยความรู้
บอกด้วยใจจริงว่าไปเดินป่าก็อง หรือ Ngong Forest ในครั้งนี้ มีจุดประสงค์หลักเพียงเพื่อหลีกหนีความจำเจ อยากจะหาที่ใหม่ๆ ทานข้าวกลางวันแบบปิกนิกแทนที่จะทานอยู่ที่บ้านคนเดียวก็แค่นั้น แบบไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก นัดกันได้ก็ไปเลย อาหารการกินก็เตรียมไปเท่าที่มีอะไรเหลือติดอยู่ในตู้เย็น รถรา เสื้อผ้า ไม่ต้องคิดมากให้ปวดกบาล
ตอนแรกอยากไปอะไรที่ไกลและน่าจะมีอะไรให้ทำ ดู เที่ยว มากกว่านี้ แต่เนื่องจากวันที่สมัครพรรคพวกสะดวกกันเป็นวันอาทิตย์ จึงตัดสินใจไปเดินเล่นใกล้ๆ อย่างป่าก็องดีกว่า ใช้เวลาเดินทางจากละแวกที่พวกเราอยู่กันซึ่งเรียกว่า Hulingham ไปตามถนนชื่อเดียวกับป่า (Ngong Rd.) ไม่ถึง 30 นาที
มาถึงบริเวณทางเข้า มีป้ายเขียนว่า Ngong Forest Sanctuary มีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าซึ่งคงทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูด้วย นั่งสัปหงกอยู่ จนรถไปจอดอยู่สักพักจึงค่อยลุกขึ้นมาเปิดประตู พาลให้นึกไปว่าในป่าจะปลอดภัยหรือไม่ หากมีอะไรขึ้นมา เจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้พกอาวุธอันใดเลย แม้แต่กระบอง จะช่วยอะไรพวกเราได้หรือไม่
เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ซึ่งผมได้ถามชื่อตามมารยาทแล้ว แต่ฟังไม่รู้ว่าชื่ออะไร เนื่องจากเขาบอกชื่อสกุล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาท้องถิ่นยาวๆ ฟังดูคล้ายภาษาญี่ปุ่นในบางครั้งและผมก็ไม่ได้ถามชื่อต้นไปด้วย เอาเป็นว่าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคนนี้ ได้โบกให้รถไปจอดบริเวณที่จอดรถด้านใน
จอดรถเสร็จ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกในกลุ่มผู้ร่วมผจญภัยด้วยกัน นัยว่าหากมีใครโดนเสือสิงกระทิงป่ากินไปสักคน จะได้มีรูปถ่ายสุดท้ายเก็บไว้ดูเป็นที่ระทึก
แล้วก็สอบถามสนนราคา ที่มา ผู้ก่อตั้ง สิ่งที่ควรรู้ วิธีการเดินป่าและอื่นๆ พอหอมปากหอมคอ เสียดายท่านรองของผมไม่มาด้วย เพราะปกติท่านจะสอบถามโดยละเอียดตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุดการเดินทาง รับรองว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีเหงา ผมจำได้อย่างเดียวว่าค่าเข้าคนละ 100 ชิลลิ่ง (ประมาณ 30 บาท) แต่หากไม่มี work permit แสดง ซึ่งหมายความว่าคุณเป็นนักท่องเที่ยว จะต้องจ่าย 10 เหรียญครับ
หลังจากนั้น ก็เริ่มเดิน โชคดีที่สามารถเดินไปและกลับได้ในเวลาสองชั่วโมง (หรือจะขอเดินนานและไกลกว่านั้นก็ได้) เราจึงทิ้งเสบียงอาหารไว้ที่รถ ใส่เป้ไปเฉพาะของจำเป็นต่อการดำรงชีพ เช่น โทรศัพท์มือถือ (ขาดไม่ได้เลย) กล้องถ่ายรูป กล้องส่องทางไกล เป็นต้น
เดินอ้อมสำนักงานของหน่วยพิทักษ์ป่าไป ก็เริ่มเห็นป่าหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ อากาศเย็นสดชื่น ไม่น่าเชื่อว่าจะมีป่าอุดมสมบูรณ์อยู่ใจกลางกรุงไนโรบี
เจ้าหน้าที่ที่ง่วงเหงาหาวนอนอยู่เมื่อสักครู่นี้ บัดนี้ ดูมีพลังและพูดจาอธิบาย สาธยายความรู้เกี่ยวกับป่าและพืชพันธุ์ต่างๆ ได้อย่างฉะฉานและดูมีความสุขที่มีคนสนใจมาเที่ยวป่า นี่ถ้ารู้ความจริงว่าพวกเราแค่ต้องการเปลี่ยนที่กินข้าว ไม่รู้ยังจะยิ้มออกอยู่หรือเปล่า
ปกติผมจะง่วงนอน ถ้ามาฟังบรรยายอะไรพวกนี้ แต่คราวนี้พยายามสนุกไปกับมัน เพราะเป็นกิจกรรมอย่างเดียวที่เขามี ฟังไปฟังมาได้ความรู้ดีแฮะ มันก็น่าสนใจดีอยู่หรอก
อย่างเช่นต้นไม้ต้นนี้ (ขออภัยที่ไม่มีเนื้อที่ในสมองเพียงพอที่จะจดจำชื่อต้นไม้เหล่านี้ได้) เป็นต้นไม้ตามความเชื่อของเผ่า Kikuyu ซึ่งเป็นเผ่าที่มีประชากรมากที่สุดในเคนยาว่า เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ โดยมันจะดูดเอาต้นไม้ทุกต้นที่อยู่ภายในรัศมีของมันเข้ามารวมเป็นต้นเดียวกันหมดตามที่เห็นในภาพ ความเชื่อเกี่ยวกับต้นนี้ที่ฟังแล้วอึ้ง คือ ใครอย่าเผลอไปเดินรอบ 7 รอบเชียว ครบ 7 รอบเมื่อไหร่ ตัวเองจะเปลี่ยนเป็นเพศตรงข้ามทันที พี่ในกลุ่มเกือบจูงมือสามีเดินรอบ 7 รอบแล้ว คงเบื่อทำกับข้าวกับการเป็นแจ๋วเต็มที
ส่วนต้นนี้เป็นยารักษาสารพัดโรคที่เจ้าหน้าที่เขาพรรณนา จำได้แค่ว่าแก้ปวดท้องได้และนิยมนำเปลือกไปต้มรวมกับยาชนิดอื่น ซึ่งในน้ำ 50 ลิตรจะใช้เปลือกของต้นนี้ขนาดเท่า 1 นิ้วมนุษย์เท่านั้น เพราะสรรพคุณสูง ลองชิมดูแล้ว รสขมไม่ต่างกับบอระเพ็ด
ส่วนกิ่งเล็กๆ ของต้นเดียวกัน สามารถหักออกมาถูฟันแทนแปรงและยาสีฟันได้ ลองแล้วเหมือนกัน มีกลิ่นและรสชาติคล้ายมิ้นท์
เดินๆ ไปเจอรู เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นรูที่ตัวกินมดขุด นี่แสดงว่าขุดแล้วมดไม่เยอะ เลยหยุดขุดไป เขาว่าถ้าเจอรังมดใหญ่ๆ มันจะขุดซะรูเบ้อเร่อเลย
ต้นนี้ก็น่าสนใจ คงมีชื่อวิทยาศาสตร์ แต่เจ้าหน้าที่เขาเรียกว่าต้น African Tissue เพราะใบลักษณะนิ่มไม่สากมือเหมือนกระดาษเช็ดก้น ซึ่งเขาก็ใช้กันอย่างนั้นจริงๆ ผมลองดูใกล้ๆ เหมือนมันมีขนสั้นๆ
เลยลองเอามาเช็ดก้น (นอกกางเกง) เป็นการพิสูจน์ ไม่รู้สึกอะไร เพราะกางเกงยีนส์ที่นุ่งอยู่ จะเช็ดจริงก็กลัว...ติดใจ
มีผึ้งที่เจ้าหน้าที่เขาเลี้ยงไว้เก็บน้ำผึ้งทำเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนวางขาย แต่ต้องสั่งล่วงหน้า โซนนี้มีผึ้งเยอะกว่าโซนอื่น เพราะมีดอกไม้ดอกหญ้าขึ้นหนาแน่นและสัตว์ไม่ค่อยเข้ามากิน พูดง่ายๆ ว่าดอกมาก ผึ้งจึงสามารถดูดเอาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ไปผลิตน้ำผึ้งได้ ตอนแรกจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าเพิ่งเจองูตัวเบ้อเร่อเมื่อสองวันก่อน ถึงกับต้องถอยทัพ
เจ้าต้นหนามนี้มีเรื่องน่าสนใจตรงที่ผลของมันถ้ากินดิบจะเป็นพิษถึงตาย แต่ถ้ากินตอนสุกจะหวานอร่อย เรื่องเล่าว่ามีหมอเทวดาคนหนึ่งในแทนซาเนียดังมาก เพราะสามารถรักษาได้สารพัดโรค โดยใช้ใบต้นหนามนี้ไปต้มผสมกับยาชนิดอื่นให้คนป่วยโรคที่รักษาไม่หายจากทั่วสารทิศ
ไปอีกหน่อยเจอซากตัว Suni เหมือนกระจงบ้านเรา โดนรับทานเหลือแต่หนังหัว ซากยังไม่มีกลิ่นเน่ารุนแรง แสดงว่าเพิ่งสดๆ ร้อนๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าคงโดนแมวป่ากิน ตะกี้เพิ่งพูดถึงงูอยู่หยกๆ นี่มาแมวป่าอีกล่ะ ต่อไปคงมีสิงโตโผล่มา
เดินไปได้อีกสักพัก เจ้าหน้าชี้ให้ดูกองอุจาระของเจ้าตัว Suni ที่เราเจอซากก่อนหน้านี้ มันอึกันเป็นกองหลายกอง ตีวงรอบกอไม้กอหนึ่ง เพื่อป่าวประกาศว่าภายในวงกลมวงนี้เป็นอาณาจักรส่วนตัว ฝูงอื่นห้ามรุกล้ำเข้ามา
ทะลุป่าโปร่งออกมาตรงทางเหมือนแผ้วถางไว้สำหรับให้คนเดินหรืออะไรสักอย่างวิ่ง เจ้าหน้าที่เฉลยว่าเป็นทางวิ่งสำหรับม้าของโปโลคลับ ซึ่งมีอาณาเขตติดกับป่านั่นเอง ใครเช่าม้ามาจากโปโลคลับก็สามารถเอามาขี่เล่นบริเวณนี้ของป่าได้ ต่างคนต่างพึ่งพาอาศัยกัน เรากลับไม่เห็นม้า เห็นแต่หมา เอ หรือมันเป็นลิง
ทางม้าวิ่ง บวกกับฝนที่ตกหนักคืนก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเราประสบความยากลำบากในการเดินเป็นอย่างมาก รองเท้าของทุกคนได้รับการเสริมส้นด้วยโคลนชั้นดี ถ้ามีควายกับคันไถหน่อย คงได้สอนคนเคนยาปลูกข้าวไปแล้วแน่ๆ
บริเวณนี้คงเป็นพื้นที่สุดเขตป่าแล้ว เพราะมีรั้วไฟฟ้ากั้นไว้อย่างชัดเจน นอกจากเพื่อกันสัตว์หลงออกไปนอกเขตป่าแล้ว ยังไว้กันคนแกล้งหลงเข้ามาในป่าเพื่อหาของป่าและล่าสัตว์ด้วย ทำเลไม่ค่อยดี ป่าดันตั้งอยู่ติดกับชุมชนสลัมขนาดมหึมา ไม่รู้ป่ารุกที่คนหรือคนรุกที่ป่า เพราะสลัมน่าจะมีมานมนานก่อนจะตั้งป่านี้เป็นพื้นที่อนุรักษ์
ขนาดป้องกันขนาดนี้และเจ้าหน้าที่เขาก็ออกลาดตระเวนวันละหลายครั้ง ยังไม่วายเห็นซากต้นไม้ใหญ่หลายต้นถูกลักลอบตัด เหลือแต่ตอบ้าง ไม่เหลือบ้าง
บ้างก็สลักชื่อเอาไว้ตามความเชื่อ เจ้าหน้าที่บอกว่าก็เผ่า Kikuyu อีกล่ะ ชอบสลักชื่อตามต้นไม้ ประมาณว่าตั้งชื่อให้ต้นไม้และครอบครองเป็นเจ้าของ ความเชื่อเรื่องภูตผีผสมไสยศาสตร์
เป้าหมายสุดท้ายก่อนหันหัวกลับ คือ รังของนก African Crowned Eagle ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นนกอินทรีย์ขนาดใหญ่ แต่ได้แต่มองรังมันอยู่ไกลๆ ไม่มีตัวให้เห็น เลยไม่สามารถบรรยายได้ว่าที่ว่าใหญ่นั้น ใหญ่แค่ไหน
เดินวกวนไปมาอยู่ในป่า กินเวลาไปสองชั่วโมงพอดี เลยเวลารับประทานอาหารเที่ยงไปเล็กน้อย ถ้าเงียบเสียงกัน รับรองว่าได้ยินเสียงท้องร้องแข่งกันดังสนั่น
โชคดีที่ทางกลับไม่วกวนเหมือนทางไป เพราะไม่มีอะไรให้ดูแล้วและความหิวได้ไปเร่งให้เท้าเดินกึ่งวิ่ง ประมาณ 15 นาทีก็กลับมาถึงจุดเริ่มต้น
เอาอาหารที่เตรียมมาออกมาวางเรียงรายบนโต๊ะที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมให้ อาหารเดิมๆ เหมือนทุกครั้งที่ออกไปปิกนิก ขาดแต่เพียงส้มตำ
แต่รสชาติกลับอร่อยล้ำเลิศ ฟาดกันเสียเต็มคราบ อิ่มหนำสำราญใจ หมดไปแค่คนละ 100 ชิลลิง (เท่ากับ 30 บาท) และค่าทิปเป็นสินน้ำใจให้แก่เจ้าหน้าที่อุทยานใจดีอีกสองคนๆ ละ 300 ชิลลิ่ง (เท่ากับ 100 บาท)
นอกจากโคลน รอยโดนยุงกัด หนามเกี่ยว ขี้ม้าติดรองเท้า และอาการคันตามผิวหนังแล้ว การเดินป่าครั้งนี้ยังได้ความรู้ที่ไม่รู้ก็คงไม่ตาย แต่รู้แล้วเป็นประโยชน์เผื่อต้องใช้ชีวิตในป่าอีกด้วย
Create Date : 16 สิงหาคม 2554
Last Update : 17 สิงหาคม 2554 2:28:44 น.
4 comments
Counter : 3148 Pageviews.
Share
Tweet
สวดยอด
โดย: ninechang IP: 182.53.178.52 วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:8:14:29 น.
อยากเห็นตัวกินมด
โดย: ปราง IP: 10.8.80.54, 112.121.132.18 วันที่: 29 สิงหาคม 2554 เวลา:14:51:12 น.
สงสัยนี้ดนึงแล้วท่านทูตเดินวนต้นไม้ต้นนั้นกี่รอบอ่ะ อย่าบอกน่ะว่าแอบเก็บ African Tissue ใสกระเป่๋ามาลองที่บ้าน ^^
โดย: นพ IP: 58.11.5.86 วันที่: 29 สิงหาคม 2554 เวลา:19:34:01 น.
ไม่ได้อยู่เคนยาแต่รู้เรื่องเกี่ยวกับเคนยาเกือบหมดแล้วจ้า
โดย: แอลกอฮอล์ IP: 41.139.150.214 วันที่: 30 สิงหาคม 2554 เวลา:0:47:32 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Thaisoloclub
Location :
Rome Italy
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [
?
]
Friends' blogs
nungkwak
Qingqing
Webmaster - BlogGang
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.