เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
6 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
ไปดูลิงรวันดา จ่ายแพงกว่าดูลิงพาต้า 500 เท่า

ไปทำงานกับนายที่รวันดาเหมือนเดิมครับ แต่คราวนี้ขอนายอยู่ต่ออีกสองวัน นายไม่สนใจอยู่ต่อด้วย เลยต้องอยู่คนเดียว โชคดีเหลือเกินที่มีพี่คนไทยอาศัยอยู่ที่นั่น รู้จักมักจี่กันดี เพราะมีพื้นเพมาจากเมืองศรีปราชญ์เหมือนกัน เลยได้ไปอยู่อาศัยซุกหัวนอนและฝากท้อง ไม่ต้องไปนั่งจ่ายค่าโรงแรมแสนแพง


ก่อนจะมาขออาศัยเขานอน ในระหว่างปฏิบัติงานนั้น เราพักกันที่โรงแรม Kigali Serena ซึ่งเป็นโรงแรมมาตรฐานห้าดาวในแอฟริกา มีสาขาอยู่ในเมืองแอฟริกาใหญ่ๆ หลายเมือง หากอยากได้ที่พักดีๆ แนะนำโรงแรมนี้ครับ ชื่อ Serena ไม่มีผิดหวัง


สถานที่ บริการ บรรยากาศ ทุกอย่างโอเคหมด ส่วนราคาเขาก็แพงเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว รู้สึกพวกผมพักกันคืนละ 7,000 บาท ที่ว่าแพงก็เพราะไปเปรียบเทียบกับเมืองไทย (ลืมตัวไปชั่วขณะว่าอยู่ในแอฟริกา) โรงแรมริมแม่น้ำดีๆ บ้านเราราคายังไม่ขนาดนี้เลย


ห้องพักสะอาดสะอ้าน ไม่มีกลิ่นอับชื้น กว้างขวางพอสมควร


แต่ช่วงผมไป เขาอยู่ระหว่างปรับปรุงห้องพักใหม่ ตอกกันตึงตังตลอดทั้งวัน ด้วยเหตุนี้มั้ง เลยอัพเกรดห้องให้ผมเป็น suite


หมดงานแล้ว ก็เดินทางไปยังศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวของรวันดาทันที เพื่อไปจ่ายค่าตั๋วไปดูลิงที่จองมาล่วงหน้าจากเคนยา ตั๋วเข้าไปดูลิงเขา ปกติต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนนะครับ เพราะเขาจำกัดจำนวนคนในแต่ละวัน


ที่ผมจองล่วงหน้าแค่สองสามวันแล้วได้เนี่ย คงเป็นเพราะโชคดีและมีแค่ตัวคนเดียวด้วยมั้ง เขาถึงจับยัดลงไปได้ ดูจากโบรชัวร์ที่ท่องเที่ยวแล้ว รวันดายังมีที่เที่ยวอีกพอสมควรนะ


ได้ตั๋วมาแล้ว ราคาตั๋วเฉพาะค่าเข้าไปดูลิง มาตรฐาน 500 เหรียญต่อคน อ่านไม่ผิดครับ หมื่นห้าพันบาท แพงมหาโหด คำนวณดูแล้วไปดูลิงที่พาต้าถูกกว่าถึง 500 เท่า แพงเพราะเขาถือว่าเป็น one of the greatest wildlife experiences on earth และ once in a lifetime (แน่ล่ะ แพงขนาดนี้คงไม่มาอีกเป็นครั้งที่สอง) นี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ นะครับ อาทิ ค่ารถ ค่าที่พัก ค่าอาหาร

แต่ได้ตั๋วมาก็อุ่นใจล่ะว่าไงๆ ได้เข้าแน่ คนทั่วไปจ่าย 500 เหรียญ คนไม่ทั่วไปซึ่งมีถิ่นพำนักในเคนยาอย่างผม เขาคิดแค่ 300 เหรียญ คราวนี้ก็ต้องมาหาเช่ารถและโทรจองโรงแรมที่พักซิครับ มิต้องกังวล ทางศูนย์ท่องเที่ยวเขามีรายชื่อให้ไปสุ่มเลือกเอา (รายละเอียดเพิ่มเติม //www.rwandatourism.com)

การเลือกรถนั้น ถ้ามีกันหลายคนหรือหาเพื่อนแถวนั้นได้ แนะนำให้แชร์ค่าเช่ากัน เช่ารถโฟร์วีลไปจากคิกาลีเลยเป็นทางเลือกที่ practical ที่สุด เพราะทางเข้าไปในอุทยานรถเก๋งไม่สามารถผ่านไปได้อย่างแน่นอน ค่าเช่าไปกลับน่าจะอยู่ที่ 250-300 เหรียญ


ผมไปคนเดียวและไม่อยากหาเพื่อนร่วมทางเพราะคุยไม่ค่อยเก่ง เลยต้องใช้อีกทางเลือกหนึ่ง คือ ใช้บริการรถโดยสารประจำทางจากคิกาลีไปยังเมือง Musanze ซึ่งเป็นเมืองที่เราต้องไปพักและอยู่ไม่ห่างจากอุทยาน ตรวจสอบข้อมูลแล้วว่านั่งได้ ปลอดภัย ไม่มีเซอร์ไพร์ถูกปล้นระหว่างทางแน่นอน ถ้าเคนยาไม่แนะนำหรือถ้าเป็นผู้หญิงมาคนเดียวก็เช่ารถเหอะ


รถโดยสารติดแอร์ที่ไม่ได้รู้สึกว่าทำให้เย็นเลย นั่งกันเต็มคันรถแม้แต่เก้าอี้เสริม แต่ค่ารถก็ถูกแสนถูก แค่ประมาณ 90 บาท


ผ่านทิวเขาและลำธารอันเป็นภูมิประเทศอันเป็นเอกลักษณ์ของรวันดาไปเรื่อยๆ ประมาณ 2 ชม. รถก็มาจอดป้ายสุดท้ายที่เมือง Musanze


ใครใคร่จะหาที่พักที่เมืองนี้ก็ได้นะครับ มีโรงแรมเล็กๆ ให้เลือกอยู่หลายแห่ง เพียงแต่ตอนเช้าอาจต้องตื่นเช้าหน่อย เพื่อให้ไปทันนัดพบกันที่หน้าอุทยานตอน 7 โมงเช้า ซึ่งห่างออกไปประมาณสัก 10 กม.


ส่วนผมนั้นได้จองที่พักตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่แทบจะติดทางเข้าอุทยานเลย เลยกระโดดขึ้นมอไซด์รับจ้าง (ทั้งที่เขามีรถยนต์ว่าจ้างไปได้) แต่คงเพราะความงกและรักความตื่นเต้น จ่ายค่ามอไซด์ไปประมาณ 150 บาท แพงกว่าค่าเหมารถหรือเปล่าเนี่ย


ประมาณ 20 นาทีก็มาถึงหน้าที่พักชื่อว่า Kinigi Guest House พร้อมกับเสื้อผ้าที่เปียกมะล่อกมะแล่กเพราะนั่งมอไซด์ซิ่งฝ่าฝนมาตลอดทาง


ค่าห้องพักประมาณ 1,000 บาทต่อคืน รวมอาหารเช้า สภาพห้องพักไม่ดีหรอก ราคาพันจะเอาบริการหมื่นคงไม่ได้ แต่สู้นั่งมอไซด์ฝ่าสายฝนมาได้ ห้องพักแบบนี้พักได้สบาย แค่มีน้ำอุ่นให้อาบก็สุขโขแล้ว


มาถึงยังไม่ทันค่ำเลยถือโอกาสเดินสำรวจรอบบริเวณที่พัก


ดอกไม้ป่าสีสันสดใส


วิวรอบบริเวณเป็นภูเขาไฟดับแล้ว แปลกดี อากาศบริสุทธิ์เหลือเกิน สูดลมหายใจได้คล่องปอดยังไงไม่รู้


ไปเดินเจอเด็กนักเรียนที่บ้านอยู่แถวนั้น โรงเรียนอยู่ไม่ห่างออกไป บอกว่ากำลังฟอร์มทีมฟุตบอลจะไปแข่ง แต่ลูกฟุตบอลเจ้ากรรมดันมาแตกเสียเมื่อสามวันก่อน ไม่มีฟุตบอลจะซ้อม ไม่รู้จะทำไงดี เหมือนฝันจะสลาย ขอร้องให้ผมช่วยเป็นสปอนเซอร์ฟุตบอลลูกใหม่ให้หน่อย บอกจะซื้อ adidas เล่นของแพงเสียด้วย เลยให้เงินไปพันกว่าบาท คิดในใจว่าถูกหลอกก็ช่าง เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงก็น่าสงสาร ผมกลับมานานแล้ว พวกเขายังส่งอีเมล์มาหาอยู่เลย บอกว่าได้ซ้อมและแข่งแล้ว ใกล้ตำแหน่งแชมป์เข้าไปทุกที แบบนี้คงไม่โดนหลอกแล้วมั้ง


เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นแต่เช้าและเดินจากที่พักไปยังสำนักงานของอุทยานแห่งชาติ Volcanoes National Park ซึ่งห่างออกไปไม่เกิน 500 เมตร โดยต้องไปรวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เพื่อฟังบรรยายสรุปการเตรียมตัวก่อนออกเดินป่าหาลิงจากเจ้าหน้าที่อุทยานใจดี


วิวระหว่างทางเดินทำให้ต้องชักกล้องออกมาชักภาพตลอด 5 นาที


นักท่องเที่ยวรอบนี้เป็นพวกผิวขาวเสียทั้งหมด ยกเว้นผมที่มีผิวเหลืองอร่ามอยู่คนเดียว ถ้ามาคนเดียวและไม่ได้เช่ารถโฟร์วีลมาอาจจะมีปัญหาขลุกขลักนิดหน่อยตรงนี้ เพราะจากจุดนัดพบนี้ ต้องนั่งรถออกไปถึงจุดเริ่มเดินอีกประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง และต้องใช้รถโฟร์วีลลุยไปเท่านั้น คนที่จะมีปัญหา คือ พวกที่ไม่ได้เช่ารถมาหรือเช่ามาแต่ไม่โฟร์วีล

แต่ปัญหาแก้ได้ครับ ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมแล้วเดินเข้าไปสอบถามกลุ่มอื่นๆ ว่าขออาศัยไปด้วยได้มั้ย ต้องมีคนมีน้ำใจอยู่บ้างซิ หรือไม่งั้นก็ขอแชร์ค่ารถด้วยก็ได้ ไม่มีใครให้จริงๆ ก็เช่ารถเอาแถวนั้นแหละ หาไม่ยากหรอก


ผมได้ไปรวมกับพวกที่มาคนเดียวเหมือนกัน เป็นสาวรัสเซียกับสาวอเมริกัน โชคดีสาวรัซเซียเธอมีรถโฟร์วีลและยินดีให้เราโดยสารไปฟรีๆ น้ำใจงามมาก ขอให้สวยวันสวยคืน


นั่งรถออกไปถึงจุดเริ่มเดิน เจ้าหน้าที่อุทยานได้บรรยายสรุปอีกรอบ ไม่ค่อยสนใจฟัง จับความได้แค่ว่า ห้ามส่งเสียงดัง เจอลิงเข้ามาเล่นด้วยอย่าวิ่งหนี หากลิงชาร์จให้ส่งเสียงขู่ อย่าเดินออกนอกเส้นทาง เป็นต้น หลังจากนั้น ตามด้วยการแจกไม้เท้าเดินป่า อย่าปฏิเสธครับ รับไว้ จำเป็นอย่างยิ่ง อย่าคิดว่าใช้ไม้เท้าแล้วดูแก่ จะดูงุ่มง่ามก็เพราะไม่มีไม้เท้าเนี่ยแหละ


ออกเดินกันจริงๆ ตอนประมาณ 8.30 น. สิ่งที่ควรทราบและเตรียมพร้อมมาก่อน คือ เสื้อผ้าที่ต้องแขนขายาวเพื่อป้องกันยุง แมลง รวมทั้งพืชมีหนาม และรองเท้าที่ควรเป็นรองเท้าที่ช่วยในการปีนป่ายและย่ำโคลน ได้มือสองหรือรองเท้าเก่ามาจะดีที่สุด เพราะหลังใช้งานเสร็จ ผมแทบจะถอดทิ้งไปเลย อย่าลืมขนมและน้ำแบบไม่ต้องแบกใส่หลังไปมาก แค่เผื่อเดินติดเที่ยงจะได้มีอะไรกินกันหิว


เข้าป่าไปแล้ว อากาศเย็นชื้นอย่างรู้สึกได้ สิ่งแรกที่ผมเจอ คือ ยุงไซส์ XL บินมาเกาะหน้า ฤกษ์งามยามดีแล้ว ส่วนนี้รูปต้นหนามที่ทำให้ต้องสวมเสื้อผ้ามิดชิด โดนตำแล้วคันคะเยอเลยขอบอก


เดินลัดเลาะเกาะปีนในป่าไผ่อยู่ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็ส่งสัญญาณว่าเจอลิงกลุ่มแรกอยู่บนกอต้นไผ่


ทุกคนหยิบกล้องออกมากดชัตเตอร์กันไม่ยั้ง รูปออกมาเหมือนก้อนอะไรดำๆ อยู่หลังพุ่มไม้


หันไปเห็นหน้าสองสาวที่มาด้วยกัน ส่งตาหวานซึ้ง มือกุมไว้ใต้คาง ประหนึ่งว่าฝันเป็นจริงแล้ววันนี้


หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่พาเราเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ และเห็นเหล่าลิงกอริลล่าภูเขาจำนวนมากและใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น


เขาบอกว่าดูกอริลล่าต้องทิ้งระยะห่างอย่างน้อย 7 เมตร แต่ด้วยพื้นที่ไม่อำนวย เราอยู่ห่างกับพวกมันไม่น่าจะเกิน 3 เมตร


แอบกลัวอยู่ว่าถ้ามันรำคาญลากใครสักคนเข้าไป จะทำยังไงนี่ เห็นมันหักท่อนไผ่ใหญ่กว่าท่อนแขนผมสองเท่าด้วยมือเปล่าสบายๆ


ลิงกอริลล่าภูเขาหาดูได้ไม่กี่ที่ในโลกครับ มีแค่ในรวันดา บุรุนดี ยูกันดาและคองโกเท่านั้น คนที่ไปมาแล้วหลายที่บอกว่า ที่รวันดาเขาบริหารจัดการดีที่สุดแล้ว คงเป็นเหตุผลที่ทำให้แพงที่สุดด้วย


มันอยู่กันเป็นครอบครัว ไม่ระรานกัน ใครจองภูเขาลูกไหนหรือป่าผืนไหนก็หากินอยู่แถวนั้น นักเดินป่าแต่ละกลุ่มก็แยกกันไปดูแต่ละครอบครัว โดยใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 2-4 ชม. แล้วแต่ว่าอยากเดินไกลแค่ไหนและกอริลล่าโผล่มาให้เห็นเร็วแค่ไหน


กลุ่มที่ผมมาดูกันนี้มีชื่อว่ากลุ่ม Sabyinyo มีความพิเศษตรงที่มีแม่กอริลล่าที่มีลูกอ่อนและมีจ่าฝูงที่มีอายุมากที่สุดและขนาดตัวใหญ่ที่สุดในบรรดากอริลล่าในอุทยานนี้ แค่ตัวหนุ่มๆ ก็สูงใหญ่กว่าผมมากแล้ว ถ้าได้เห็นตัวจ่าฝูงคงใหญ่เท่าภูเขาเลากา ยิ่งเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการรอคอย


รออยู่สักพักใหญ่ๆ พระเอกของเราถึงปรากฏตัว มีหลังเป็นสีเงินเข้ม เรียกว่า Silverback ร่างกายใหญ่กำยำ ร้องคำรามดังลั่นป่า ดูน่าเกรงขาม กดถ่ายไม่ทัน ได้มาแต่หลังสีเงิน


เจ้าหน้าที่คงหวังดี อยากให้เราเห็นใกล้ๆ กว่านี้จะได้คุ้มค่าเงิน เลยพาพวกเราลัดเลาะไปดักรอใกล้ๆ ทางที่มันต้องเดินผ่าน

ยัยแหม่มรัสเซียในกลุ่มซึ่งเธอมีนิสัยชอบเข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆ และไม่ค่อยเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ แถมยังใส่รองเท้าส้นสูงมาเดินป่าอีกต่างหาก ดันไปยืนจังก้าบนทางเดินประจำของมันเพื่อรอถ่ายช็อตเด็ด พอมันรู้สึกว่าเรารุกรานที่มัน มันก็ร้องคำรามเสียงหลงสนั่นป่าเลย และโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า มันกระโจนเข้าใส่แหม่มรัสเซียด้วยความว่องไว เดชะบุญ เจ้าหน้าที่อุทยานไวกว่า เลยคว้าตัวยัยแหม่มออกมานอกเส้นทางของมันได้ทันควัน ไม่งั้น มีหวังยัยแหม่มได้ตกเป็นเมียตัวที่สิบสองของเจ้าคิงคองยักษ์แน่


แล้วมันก็ไปหยุดจ้องพวกเราอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เหตุการณ์ตื่นเต้นนี้เกิดขึ้นภายในเวลาไม่เกิน 10 วินาที เจ้าหน้าที่กระซิบเบาๆ ว่าจะถ่ายรูปเจ้าลิงยักษ์ก็ถ่ายเสียเดี๋ยวนี้ สถานการณ์ไม่ค่อยดี เห็นทีต้องรีบออกจากป่า ผมยังไม่หายตื่นเต้น มือไม้สั่นไปหมด แต่กล้องมีระบบกันสั่น เลยชักภาพกอริลล่าขี้โมโหได้อีกสองสามภาพ


รีบจ้ำอ้าวออกมานอกเขตป่า ออกมาแล้วจึงมีเวลาสำรวจความเสียหาย ไม่มีใครเป็นไร ยัยแหม่มรัสเซียเหมือนจะยังช็อคอยู่ ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้เสียสละมีรอยถลอกจากเล็บกอริลล่าเล็กน้อยและแขนเสื้อขาดรุ่งริ่ง แขนไม่ขาดก็เป็นบุญแล้วพ่อคุณ เห็นยื้อกับกอริลล่าอยู่เนาะ แต่เจ้าตัวบอกไม่เป็นไร เป็นเหตุการณ์ปกติ ผมเพิ่งได้เห็นคนดำหน้าซีดเผือดก็วันนี้ล่ะครับ


ผ่านประสบการณ์อันตื่นเต้นสมเป็น one of the greatest wildlife experiences มาในที่สุด ตั้งสติได้แล้วก็ชักภาพผู้ร่วมเดินป่าหาคิงคองกันไว้เป็นที่ระลึก แต่ละคนช่วงล่างดูไม่จืด


แล้วก็รับมอบประกาศนียบัตรแห่งความภาคภูมิใจกันไปว่าได้มาเยือนถิ่นคิงคองแล้ว


ขากลับ ยัยแหม่มอเมริกัน ซึ่งเป็นถึงวิศวกรออกแบบกระสวยอวกาศของนาซ่า ใจดีให้ติดรถกลับมาคิกาลีด้วย โดยผมได้ให้ทิปคนขับรถไปอีก 20 เหรียญ แม้รถจะดับๆ ติดๆ มาตลอดทาง แต่ก็ดีกว่าต้องไปนั่งรอรถโดยสารอีกเป็นชั่วโมงๆ


กลับมาถึงคิกาลีด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ต้องขอขอบคุณคุณอี๊ดและคุณนวรัตน์ที่จัดเตรียมที่พักและอาหารการกินไว้ให้มิได้บกพร่อง


ผักทั้งหมด ปลอดสารเคมี เพราะปลูกเองหลังบ้าน เก็บใหม่ๆ รสชาติหวานกรอบ ทำอะไรก็อร่อย


กินที่บ้านเขาแล้วยังไม่พอ สู้เก็บผักใส่กระเป๋าเดินทางกลับมากินต่อที่เคนยาอีกแน่ะ


สุขสันต์วันแม่(ล่วงหน้า) และอย่าลืมรักพ่อกันมากๆ ด้วยนะครับ









Create Date : 06 สิงหาคม 2554
Last Update : 2 ธันวาคม 2554 4:01:02 น. 5 comments
Counter : 4105 Pageviews.

 
โปรดติดตามตอนต่อไปว่าแม่ครัวหัวป่าแห่งกาฬทวีปเธอจะมีเมนูเด็ดอะไรจากผักที่เก็บมาจากรวันดา "คั่วกลิ้งกอริลลา" ดีมั้ย?^_^


โดย: นพ IP: 58.11.162.8 วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:23:58:02 น.  

 
น่ากอดลิงจังเลย


โดย: หนุุ่ย IP: 41.212.124.206 วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:2:38:02 น.  

 
อ่านแล้วขนลุกเลย


โดย: ninechang IP: 182.53.178.52 วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:8:37:41 น.  

 
สนุกดีทริปนี้ ขอบคุณค่ะ


โดย: พี่แอน KQ IP: 171.7.109.101 วันที่: 14 ธันวาคม 2555 เวลา:13:34:10 น.  

 
หวัดดี น้องกุ้ก

ดีมากเลยพี่ได้อ่าน แล้วปลื้มกับนอ้งจังเลย



โดย: วัชรี สิ้นโศรก (อีส) IP: 171.100.50.43 วันที่: 31 มกราคม 2558 เวลา:13:08:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.