เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
6 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
เคปทาวน์ แอฟริกาใต้ : สูง-เสียว-สวย

เอากันจริงๆ แค่อยู่ในเมืองเคปทาวน์ ไม่ต้องเดินทางไปเที่ยวไหน ก็มีที่ท่องเที่ยวพร้อมกิจกรรมต่างๆ ให้ทำเยอะแยะมากมายแล้ว แต่ก็มาเที่ยวครับ ไม่ได้มาเดินเล่นแค่ในเมืองหรือนอนอยู่โรงแรมเฉยๆ ยิ่งมากันหลายคนยิ่งเที่ยวสนุก ผมพูดเสมอว่าแย่งกันกินแย่งกันเที่ยวสนุกเป็นที่สุด แต่แย่งกันพอประมาณกำลังดี ไอ้ประเภทที่แย่งกันแบบพวกเที่ยวปีใหม่หรือสงกรานต์บ้านเรา นี่ผมก็ไม่เอาเหมือนกัน

หลังจากเข้าพักโรงแรม ล้างหน้าทาแป้งกันเรียบร้อย เพื่อไม่เสียเวลาท่องเที่ยวและไม่ให้เปลืองค่าเช่ารถ โดยการเช่ามาจอดไว้เฉยๆ เราจึงออกเที่ยวกันทันที


แม้จะไม่มีใครชำนาญเส้นทาง แต่จีพีเอสที่มากับรถเช่าเป็นไกด์นำทางที่ดีมาก ก็ถนนเขาเป็นระเบียบเรียบร้อย เส้นไหนก็เส้นนั้นตามแผนที่ ถ้าเป็นเคนยาเหรอ จีพีเอสคงพาหลงเข้าซาฟารีเป็นแน่แท้


ที่แรกเป็นเหมือนจุดชมวิว เหมือนเคยเห็นอยู่ในโปสการ์ดหรือหนังโฆษณาท่องเที่ยวเคปทาวน์อยู่บ่อย ชื่อว่า Camps Bay เป็นจุดที่มีหนุ่มสาวชาวเซิร์ฟนิยมเล่นกระดานโต้คลื่นกันมากที่สุดจุดหนี่ง (ถ้าลมไม่แรงนะ)


วันที่พวกเราไป ลมแรงมาก เลยไม่มีคนเล่นเซิร์ฟมาให้ดู เก็บแต่ภาพวิวสวยๆ ของทะเลสีเขียวที่มีทิวเขาอันมหัศจรรย์เป็นเบื้องหลังมาให้ดู


ถ่ายได้ไม่กี่รูป ต้องรีบกระโดดขึ้นรถ เพราะลมแรงมากจริงๆ พร็อพประกอบพวกแว่นกันแดด ผ้าพันคอ หมวก ต่างก็ปลิวว่อนไปกับลม ไล่ตามเก็บกันพัลวัล


เช้าวันต่อมา เราออกจากโรงแรมกันแต่เช้าเพื่อเดินทางไปยังไฮไลท์ของงานนี้ อย่างน้อยก็สำหรับผม คือ หาดนกเพนกวิน ผมมีอดีตกับเจ้านกขาสั้นเดินต้วมเตี้ยมนี้ ตอนอายุประมาณสี่ขวบ เคยร้องไห้แทบเป็นแทบตาย อยากได้นกเพนกวินมาเลี้ยงที่บ้าน เพราะไปดูรายการสัตว์ของซิงเกอร์เวิร์ลที่มีนกเพนกวินมากไป คิดว่ามันคงเลี้ยงได้เหมือนนกอื่นๆ คุณแม่ก็สู้ปฏิเสธลูกแบบเนียนๆ ว่า บ้านเราไม่มีหิมะจะเลี้ยงได้ยังไง คำตอบสุดท้ายของเด็กสี่ขวบ คือ ก็เลี้ยงในช่องฟรีซในตู้เย็นซิ น่าน! ช่างคิดไปได้ แม้ตอนนี้จะรู้แล้วว่านกเพนกวินไม่ได้เลี้ยงง่ายเหมือนนกแก้ว แต่ก็ยังเป็นความฝังใจตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา วันนี้จะได้เห็นตัวเป็นๆ ตื่นเต้นเป็นพิเศษ


ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงเท่านั้น ระหว่างทางผ่านเมืองสวยๆ ชื่อ Simons Town เลยแวะถ่ายรูปที่หาดสาธารณะกันเล็กน้อย เขาทาสีบังกะโลได้แสบสัน ถ่ายรูปออกมาสีแรงได้ใจมาก


ด้วยความที่คลื่นแรง(มั้ง) เขาเลยจำเป็นต้องทำเป็นสระว่ายน้ำกันไว้ให้คนได้เล่นน้ำทะเลอย่างสบายใจ


และแล้วเราก็มาถึงอุทยานแห่งชาติ Boulders จ่ายค่าเข้าคนละ 200 บาท


เดินต่อไปด้านในตามทางเดินที่เขาทำไว้ให้ก็ถึงดงเพนกวิน


เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย มันเหลือเชื่อ เหมือนรักแรกพบ (เริ่มเว่อร์ละ)


นกเพนกวินแอฟริกาใต้ช่างน่ารัก ดีที่มันไม่จำเป็นต้องอยู่ในหิมะ แค่หาดที่มีลมและน้ำทะเลเย็นๆ ก็พอ


อยู่กันฝูงใหญ่หลายร้อยตัว บางตัวเดิน บางตัวนอน บางตัวเล่นกัน น่าลักน่าขโมยไปเลี้ยงที่บ้านอย่างมาก


ถ่ายรูปกันจนจุใจ เดินออกมาที่ร้านขายของที่ระลึกได้พวงกุญแจนกเพนกวินมา 1 อัน และเนื้ออบแห้งซึ่งเพื่อนผมบอกว่าเป็นเนื้อนกเพนกวินแสนน่ารักที่เราเพิ่งไปดูกันมา


แต่รสชาติมันเหมือนเนื้อวัวแดดเดียวมากกว่า ไม่น่าจะเป็นเนื้อนกไปได้ และผมก็ไม่เชื่อเพื่อนจอมอำของผมด้วย เอาเป็นว่ารสชาติดี


เป้าหมายต่อไป คือ Cape of Good Hope ที่มีชื่อเสียง โดยขับรถต่อไปจากหาดเพนกวินอีกไม่ถึง 1 ชม.


วิวทิวทัศน์ระหว่างทางก็สวยงามแปลกตา เต็มไปด้วยไม้พุ่มเตี้ย หน้าตาแปลกๆ


ก่อนเข้า จ่ายค่าธรรมเนียมอุทยานเท่าไหร่ไม่ทราบ จำไม่ได้ละ น่าจะไม่กี่ร้อยบาท มาถึงแล้ว พบป้ายเขียนว่าต้องเดินไปกลับแหลมกู๊ดโฮปอีก 1.5 ชม.


กับอีกจุดหนึ่ง คือ Cape Point ซึ่งสอบถามเจ้าหน้าที่ ได้ข้อมูลว่าใช้เวลาเดินไปกลับ Cape Point ก็พอๆ กัน


ตัดสินใจอยู่สักพัก ว่าจะเดินลงไป Cape of Good Hope หรือเดินขึ้นไป Cape Point ดี เหลือบไปเห็นสถานีรถเคเบิ้ลพาขึ้นไป Cape Point จึงได้คำตอบ เพราะตอนนี้เริ่มเหนื่อย ต้องการเครื่องทุ่นแรง และได้รับการบอกเล่าว่า Cape of Good Hope ไม่มีอะไรนอกจากป้ายเขียนว่า จุดใต้สุดของทวีปแอฟริกา


จึงได้ตัดสินใจซื้อตั๋วเคเบิ้ลคาร์ ราคาประมาณ 200 บาท และกระโดดขึ้นคันถัดไป ใช้เวลาไต่เขาไปตามรางประมาณห้านาทีก็ถึงยอด


แต่เครื่องทุนแรงก็ไปไม่ถึงยอดที่เป็น Cape Point จริงๆ ต้องใช้แรงเดินขึ้นบันไดไปยังประภาคารประวัติศาสตร์อีกนิดหน่อย


ระหว่างทางเดินขึ้นไปยังประภาคาร วิวรอบข้างเป็นที่น่าประทับใจอย่างมาก เนื่องจากอยู่บนที่สูง ท้องฟ้าเคลียร์ ทะเลเขียว ฟองคลื่นขาว


ถึงประภาคารด้านบน ก็เช่นเคย มีประวัติศาสตร์เขียนให้อ่านมากมาย ก็ได้แต่ถ่ายรูปมุมสวยๆ มาลงบล็อก อยากรู้ประวัติศาสตร์ก็ไปหาอ่านเอาตาม Wikipedia หรืออะไรพวกนั้นได้นะครับ


ที่ท่องเที่ยวที่สุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก่อนจะจบบล็อกนี้ เนื่องจากว่ามันเริ่มยืดยาวมากเกินไปแล้ว คือ พระเอกของการเดินทางมาเที่ยวเคปทาวน์ครั้งนี้เลยก็ว่าได้ ผมกำลังพูดถึง Table Mountain ภูเขายอดแบนราบ สัญลักษณ์ของเมืองนี้ อยู่ตรงไหนของเมืองก็มองเห็นได้


แต่สิ่งที่ยาก คือ ไม่ใช่ว่านึกจะขึ้นแล้วก็ขึ้นได้เลย เนื่องจากอากาศที่แปรปรวนอย่างมาก บางวันอาจมีลมพัดแรงจนเคเบิ้ลต้องปิดบริการ


บางครั้งมีม่านเมฆไหลคลุมยอดทั้งยอด ซึ่งคนที่นี่เขาจะเรียกว่า Table Cloth หรือผ้าปูโต๊ะ แด่ก็ถ้าภูเขานั่นเป็นโต๊ะ เมฆพวกนี้ก็คงเป็นผ้าปูแหละ ก็ดูสวยงามไปอีกแบบ


ไม่ได้ขึ้น ก็ไปตามจุดชมวิวใกล้ๆ ก่อน มีหลายที่ พวก Signal Hill มองเห็นทะเลอีกฝั่งหนึ่ง


มองเห็นภูเขาหัวแหลมซึ่งเขามีชื่อเรียกว่า Lion’s Head


มองเห็นสิ่งที่ผู้คลั่งไคล้ฟุตบอลน่าจะชอบ Cape Town Stadium


จะยังไงก็ตาม ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่และใช้เวลาอย่างน้อยสามวันในเคปทาวน์ ยังไงท่านก็ต้องได้ขึ้นครับ สามครั้งแรกของผมต้องผิดหวังต้องไปครั้งที่สี่ถึงฝันจะเป็นจริง แต่รับรองครับ คนที่ชอบถ่ายรูปวิวจากที่สูงอย่างผม ขอบอกว่าชอบมาก


ที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ค่าเข้าและขึ้นเคเบิ้ลซึ่งเปิดบริการครั้งแรกเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว ย่อมแพงที่สุดเช่นกัน โดนฟันไป 800 บาท


ซื้อบัตรแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนของห้องขายตั๋ว เพื่อรอขึ้นเคเบิ้ล ซึ่งตัวนี้ไม่มีรางอยู่ข้างใต้ แต่เป็นเลื่อนไหลไปตามสายสลิง


เข้าไปถึงต่างก็แย่ง(กันแบบสุภาพ) ที่ริมหน้าต่าง หวังจะได้มองวิวอย่างชัดเจน แต่สุดท้ายเคเบิ้ลมันหมุนรอบตัวครับ


ดีแท้ ทุกคนเลยได้เห็นวิวริมหน้าต่างกันอย่างถ้วนหน้าและเท่าเทียม วิวสวยอยู่ แต่ความสูงก็ชวนให้เสียวมิใช่น้อย


ยิ่งตอนใกล้ถึงสถานีบนยอดเขา ยิ่งชันและเสียวเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงป้าฝรั่งแก่ๆ กรี๊ดกร๊าดอยู่บ้าง


สิ่งแรกที่สำรวจพบตอนขึ้นมาถึง คือ ยอดเขาไม่ได้แบนราบเรียบอย่างที่เราคิด มันดูคล้ายๆ สวนหินมากกว่า ต้นไม้ก็มีแต่พุ่มเตี้ยสูงไม่เกินเข่า ยอดเขามีความสูงประมาณ 1,100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล


ดอกไม้ก็มีอยู่ไม่กี่ชนิด สีสันใช้ได้ แต่ก็ยังพุ่มเตี้ยอยู่ดี


เขาทำทางเดินไว้ให้เดินรอบบริเวณที่จำกัด


มีจุดชมวิวให้เป็นระยะ แน่นอนว่าเห็นตัวเมืองเคปทาวน์ทั้งเมืองอย่างชัดเจน


ใช้เวลาเดินรอบพร้อมถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ประมาณ 1 ชม. เท่านั้น


ผมไม่ไถลออกไปไกลจากจุดที่เขาจำกัดไว้มากนัก เนื่องจากบางช่วงเป็นหุบเหวและหน้าผา


ชวนให้น่าตกเขาตายเป็นอย่างมาก ขออยู่ห่างๆ ดีกว่า แต่ก็สู้ยื่นเท้าไปถ่ายรูปมาจนได้


ภาพนี้ขอตั้งชื่อว่า เกย์เฒ่าผู้พิชิต


ผิดหวังมาตั้งสามครั้ง เพราะลมแรง พอได้ขึ้นมาจริงๆ ลมสงบมาก มากจนไม่เหมือนอยู่บนเขา อากาศที่เคปทาวน์ช่างเปลี่ยนแปลงเหมือนดั่งใจคน


จะนั่งทานร้านอาหารหรือดื่มกาแฟก็อยู่ในวิสัย แต่ผมขึ้นมาคนเดียว (คนอื่นเขาถอดใจตั้งแต่ผิดหวังครั้งที่สามโน่นแล้ว) นั่งไปก็ไม่สนุก


เช่นเคยครับ ส่งท้ายด้วยภาพยอดเขาคิลิมานจาโรทะลุม่านเมฆสวยๆ จากเครื่องบินตอนขากลับที่กัปตันใจดีอุตส่าประกาศให้ผู้โดยสารทราบ Attention please! You can now see the magnificent view of Mount Kilimanjaro on your right. ผมล่ะย้ายฝั่งนั่งแทบไม่ทันเลย

จบครับสำหรับบล็อกท่องเที่ยว น่าจะกลายเป็นบล็อกที่ยาวที่สุดของผมไปแล้ว นี่ขนาดยังมีฟาร์มนกกระจอกเทศที่ไม่ได้ลงและไร่องุ่นที่ไม่ได้ไปอีกนะเนี่ย ก็บ้านเรามี จะถ่อมาดูไกลทำไมถึงนี่ จริงป่ะ

ใกล้วาเลนไทน์แล้ว ก็ขออวยพรให้ึคนไทยรักกันมากๆ นะครับ ประเทศเรากำลังต้องการความรักจากคนไืทยอย่างแรง









Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2554 17:40:45 น. 9 comments
Counter : 7404 Pageviews.

 
ต้นไม้มันต้นเตี้ยเพราะมันปรับตัวให้อยู่รอดในสภาพอากาศที่มีลมแรง แล้วคนล่ะ?


โดย: นพ IP: 58.9.54.29 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:03:50 น.  

 
ทริปนี้สวยและน่าหวาดเสียวมากๆ ยังติดตามอยู่ตลอด


โดย: ninechang IP: 113.53.10.24 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:27:08 น.  

 
I need to see you in the picture. Post some sweetheart


โดย: Aarty IP: 183.89.4.49 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:36:00 น.  

 
สำบัดสำนวน ชวนขัน บรรเทิงดี
ไปกีที่ ขอให้บล็อก แบ่งกันชม

ขอบคุณจ๊ะ


โดย: Uwa วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:2:32:12 น.  

 
ขอตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ อยากไปมากๆ เห็นแล้วยิ่งอยากไปอ่ะ สวยมากเลย

ปล. น่ารักจัง อยากเลี้ยงเพนกวิ้นในช่องฟรีซ


โดย: AdrenalineRush วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:4:56:27 น.  

 
ภูมิประเทศเค้าสวยแปลกตาดีเนอะ ชอบ Table Mount. เพนกวิน ต้นไม้หน้าตาแปลกๆ และที่ขาดไม่ได้ คือ ภาพKilimanjaro จากกล้องตัวใหม่ สวยดีจัง กัปตันเคยพาบินผ่านในระยะใกล้กว่านี้ไหม?!


โดย: แก้ว ^_^ IP: 113.53.238.249 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:01:06 น.  

 
เทเบิลเม้าเทนข้างบนสวยค่ะพี่กุ๊ก เคยเห็นที่นี่ติดโหวตเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่ของโลกด้วย เพิ่งเคยเห็นจากบล็อกนี้ว่าด้านบนขึ้นไปได้ เริดเลย


โดย: เป้ IP: 192.168.1.121, 61.90.75.95 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:29:51 น.  

 
เป็นอีกที่หนึ่ง ที่ถ้ามีโอกาสจะต้องไปให้ได้ ขอบคุณนะคะที่ยั่วกิเลส 555


โดย: ซาน IP: 180.180.24.215 วันที่: 17 มิถุนายน 2555 เวลา:19:38:31 น.  

 
กำลังจะไปพรุ้งนี้แล้ว แต่ไม่ได้ไปเที่ยวอะ ไปทำงานคงมีสักวันที่จะไปเที่ยวที่นี้


โดย: chefvwmp2498 IP: 124.122.124.210 วันที่: 9 มีนาคม 2556 เวลา:11:27:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.