เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
1 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
เคนยา : ภารกิจพิชิต Mt. Kenya (วันที่ 2)

วันที่ 2 ของการปฏิบัติภารกิจเริ่มกันตั้งแต่ตอนเช้าๆ โดยการถูกปลุกให้ตื่นอย่างสุภาพจากไกด์ในทีมเรา


ตามด้วยการเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารเช้าร้อนๆ อุณหภูมิตอนเช้าวัดได้ประมาณ 5 องศา เจอของร้อนๆ เข้าไปอยู่ในท้อง ช่วยให้หายหนาวได้เยอะเลย




พร้อมกับการออกมาชมธรรมชาติและสูดอากาศที่ปอดแทบไม่ต้องฟอกเลยนอกบ้านพัก ที่ตอนเช้าเต็มไปด้วยสารพัดสัตว์ออกมาหากินแมลงหรือเศษอาหารที่คนที่มาพักให้พวกมันกินกันจนเคยตัว ลิงบางตัวเข้ามาหยิบของจากในบ้านพักเลย ระวังตัวไว้ดีกว่า


รับประทานอาหารเช้า ล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อย ก็เก็บของที่คาดว่าคงไม่ได้ใช้งานระหว่างเดินเขาลงกระเป๋าใบใหญ่ยักษ์ รอให้ porter ประจำตัวมาแบกใส่หลังเพื่อเดินต่อไป ประสบการณ์ในวันแรกสอนผมว่า เอาเฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้ส่วนตัวระหว่างเดินเขาเท่านั้นใส่เป้ตัวเอง พึงสังวรณ์ไว้ว่าวันนี้จะไม่ได้เดินทางเรียบเหมือนเมื่อวานอีกแล้ว


ก่อนเริ่มออกเดิน หันไปเห็นต้นไม้ดอกไม้เล็กๆ บริเวณแคมป์ Met. Station ที่เราพัก มีเกร็ดน้ำแข็งเกาะตามลำต้น ใบและยอด แบบนี้มั้งที่เขาเรียกว่าแม่คะนิ้ง เพิ่งเคยเห็นเนี่ยแหละครับ นี่ขนาดความสูงแค่สามพันกว่าเมตร สูงขึ้นไปคงต้องปลิดฉี่จริงอย่างที่เขาว่ากันละมั้ง


ออกเดินมาได้สักพัก ก็สิ้นสุดทางเดินแล้วครับ มีให้เห็นแต่ทางชันตรงหน้า ชวนให้ท้อแท้อย่างยิ่ง เสื้อผ้าที่ใส่มาหนาๆ เมื่อเช้า ต้องถอดเก็บลงเป้ (ทำให้เป้ที่คิดว่าไม่มีอะไรแล้วหนักขึ้นมาอีก) เพราะอากาศที่มีแดดจัด บวกกับความอบอุ่นที่ได้จากการเดินขึ้นทางชันและเหงื่อซึ่งยังไงก็ออกไม่มากอยู่ดี อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก


ระหว่างการเดินมุ่งหน้าด้วยความมุ่งมั่น ถ้าตั้งใจฟังกันจริงๆ จะได้ยินเสียงหายใจของทุกคนดังมาก ทุกคนตั้งใจเดิน ไม่มีใครคุยกับใครมากนัก แค่เดินก็หอบจนหายใจแทบไม่ทันแล้ว อย่างนี้คงต้องเรียกเครื่องไม่ฟิตหรือฟิตไม่พอ ก็ไม่ได้ออกกำลังกายหรือเตรียมร่างกายอะไรก่อนมาเลย


เราได้เจอธรรมชาติรอบตัวที่ก็พอจะชื่นชมแกล้มความเหนื่อยหอบไปได้บ้าง เช่น ตัวคาเมเลียน (กิ้งก่าเปลี่ยนสี เคลื่อนไหวเชื่องช้า ตามองไปคนละทางได้)


สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งชอบสัตว์ประหลาดตัวนี้มาก ถึงกับคว้ามาถ่ายรูปเสียหนำใจไปเลย ไกด์คนเคนยาที่ไปด้วยกันถึงกับอึ้ง เพราะคนเขากลัวตัวนี้มาก ไม่กล้าแม้แต่เอามือสัมผัส นี่ถ้าเขารู้ว่าคนไทยกินกิ้งก่าด้วย คงเป็นลมล้มพับหรือไม่ก็กรี๊ดวิ่งหนีไปเลย




นอกจากสัตว์ป่าหาดูยากแล้ว ยังมีธรรมชาติรอบๆ ตัวที่สวยงามด้วยครับ พอเริ่มสูงขึ้น ก็เริ่มเห็นวิวด้านล่างที่เราฝ่าฟันเดินกันขึ้นมาในสองวันนี้ กว้างสุดลูกหูลูกตา ดอกไม้ที่ไม่ได้เห็นเมื่อวันแรกก็โผล่มาให้เห็น


ยังมีแรงกระโดดโลดเต้นถ่ายรูป ทำท่าบ้าบอกันได้อยู่ ก้มดูเวลา เพิ่งเดินมาได้แค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ได้ข่าวว่าวันนี้ต้องเดินถึง 8 ชม. ถ้าความท้อสามารถอ้วกออกมาได้ คงอ้วกไปแล้ว เพราะท้อขึ้นมาถึงคอเลย


ผ่านไปประมาณเกือบสามชั่วโมงจากจุดเริ่มต้นเดินของวันที่สองนี้ พันธุ์ไม้แปลกหูแปลกตาเริ่มมีให้เห็นมากขึ้น


ต้นไม้หน้าตาแปลกๆ ละลานตา ต้นเหมือนต้นข้าวโพดที่มีแต่ดอกมีเยอะเหลือเกิน มองไปไกลๆ ยังกะไร่ข้าวโพด เรียกว่าอะไรก็จำไม่ได้แล้วครับ ถามไกด์แล้วนะ แต่ความจำดีเกิ๊น


ต้นอะไรอีกมากมาย ถ้าอยากรู้ชื่อจริงๆ ก็รอให้ผู้รู้มาตอบละกันนะครับ อาจมีคนในทริปผมจำได้หรือผู้รู้มาเฉลยให้ฟัง


นี่กระมังที่เขาว่าได้บรรยากาศเหมือนหลงเข้ามาในป่าโบราณเมื่อสองสามพันปีก่อน บ้านเราต้องว่าหลงเข้าไปในป่าหิมพานต์หรือเมืองลับแลอะไรทำนองนั้น


เมื่อไต่ถึงความสูงระดับหนึ่ง จากที่แดดออกเปรี้ยงๆ มาก่อนหน้านี้ ฟ้ากลับเริ่มครึ้มมืด เป็นสัญญาณบอกว่าไม่นานนักอาจจะมีฝนตก นึกได้ว่าในเป้มีเสื้อแจ็คเก็ตแบบกันลมกันฝนอยู่ จึงไม่กังวลมากนัก นี่เพราะเชื่อคำแนะนำของไกด์ว่าอากาศบนเมาท์เคนยาไว้ใจไม่ได้เลย อะไรก็เกิดขึ้นได้


แต่ก่อนฝนจะได้ตกใส่เรานั้น เราก็เดินทางมาถึงจุดพักทานรับประทานอาหารกลางวันก่อนแล้ว อาหารกลางวันวันนี้เป็นแซนด์วิช ไข่ต้ม กล้วยและน้ำผลไม้เหมือนเดิม มื้อกลางวันเป็นมือที่ดูจะอนาถาที่สุด ไม่มีของร้อนๆ หรือของทำใหม่ๆ ให้ทาน แต่ก็เข้าใจครับ เวลาน้อยและเราต้องแบกอาหารกลางวันเองด้วย แค่นี้ก็ต้องพอใจแล้ว


ทานอาหารกลางวันเสร็จ กว่าจะได้ออกเดินอีกทีก็ตอนบ่ายโมง พอท้องอิ่ม ก็มีแรงเดินต่อได้อีก แต่เหมือนเดินลอยๆ ตามไกด์ไป ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีความหวัง ไม่มีแรงจูงใจ เพราะโซนนี้มองไม่เห็นอนาคตเลย เป็นทางเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ๆ ๆ ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไรหรือเมื่อไหร่จะถึงจุดสิ้้นสุด


ในใจบ่นอุบเลยครับ แต่ขามันก็เดินของมันไปเรื่อย ๆ ไม่แยแสต่ออารมณ์เซ็งและความเมื่อยล้าใดๆ ทั้งสิ้น


ระหว่างทาง ฝนก็ตกลงมาจริงๆ ด้วยครับ โชคดีที่ไม่หนักและไม่นานอะไรมาก แค่ลงปรอยๆ ให้รู้ว่าอากาศมันจะแปรปรวนได้ขนาดไหน จึงได้มีโอกาสเอาเสื้อกันฝนสีเหลืองแปร๊ดมาใส่ ไหนๆ ก็เช่าเขามาแล้วโนะ


ต้นไม้ก็ยังชวนให้หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายได้เรื่อยๆ แต่ก็ถ่ายไม่เยอะหรอกครับ เพราะจะต้องสำรองแบตไว้สำหรับอีกสองวันที่เหลือด้วย ปกติผมยิงกล้องจนแบตหมดในเวลาไม่นานเท่านั้น


พืชพวกนี้เห็นมาแล้วบ้าง ยังไม่เคยเห็นบ้าง จำไม่ได้ว่าเห็นแล้วหรือยังบ้าง


แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วงการเดินหลังอาหารกลางวันมานี้เห็นบ่อย คือ แหล่งน้ำจากธรรมชาติ เป็นธารน้ำเล็กๆ ที่ไหลตัดทางเดินของพวกเราอยู่เป็นระยะ ทำให้รู้ว่าใกล้เมาท์เคนยาซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของธารน้ำเหล่านี้เข้าไปทุกที


หกชั่วโมงหลังการออกเดินเท้าในวันที่ 2 จึงได้เริ่มเห็นยอดเขาเมาท์เคนยาเป็นครั้งแรก เป็นการเห็นยอดครั้งแรกตั้งแต่ออกเดินทางมาจากไนโรบีเสียด้วยซ้ำ แม้จะไม่เห็นทั้งหมดก็ตาม


ผมหยุดถ่ายรูปยอดเมาท์เคนยาที่ปกติจะโผล่ให้เห็นในช่วงบ่ายแก่ๆ จนถึงเย็น จึงได้รู้ว่าผมเดินนำเพื่อนร่วมทีมมาพอสมควร ดีเหมือนกัน ได้หยุดรอเพื่อนๆ และพักเหนื่อยไปในตัว


ไกด์คงมองเห็นสีหน้าแสดงความดีอกดีใจของพวกเราที่ได้เห็นเมาท์เคนยาอยู่เบื้องหน้าบวกกับอาการสลดจากความเหนื่อยของการเดินเท้ามาตลอดหกชั่วโมง จึงอนุญาตให้เราหยุดพักเป็นจุดสุดท้ายบริเวณสะพานข้ามลำธารก่อนถึงแคมป์สำหรับค้างคืนในคืนที่สอง


เพื่อนบางคนถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ ม่อยหลับไปเหมือนวิญญาณออกจากร่างชั่วคราว


คนเราเวลาเหนื่อยมากๆ เนี่ย มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ ครับ ผมแยกตัวออกไปหามุมสวยๆ ถ่ายภาพตามเคย


บ่ายแก่ๆ ฟ้าเริ่มเปิด ทำให้มองเห็นเมาท์เคนยาค่อนข้างชัดเจน เป็นกำลังใจที่ดีสำหรับผม เพราะอย่างน้อยก็มองเห็นแล้วว่าที่ที่เรากำลังมุ่งไปคืออะไร ไปทางไหน เหมือนชีวิตมีจุดหมายขึ้นมาอีกนิด หลังจากที่ก้มหน้าก้มตาเดินมานาน


นั่งพักขาได้ไม่นานนัก ไกด์ก็มาเร่งให้เดินต่อ เพราะแคมป์ที่เราจะพักในคืนนี้อยู่ไม่ไกลแล้ว และแน่นอนว่าลูกหาบน่าจะเดินไปถึงแคมป์ก่อนเรานานแล้วด้วย




ระหว่างทางเจอพืชพันธุ์และสัตว์หน้าตาประหลาดอีกสองสามชนิด


แคมป์ที่สองในวันที่สองนี้มีชื่อว่า Mackinders


Mackinders Camp ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 4,300 เมตร ตั้งเกือบ 4.5 กม. แน่ะ ความสูงเริ่มใกล้เคียงกับความสูงของยอดที่สูงที่สุดของเมาท์เคนยา (5,199 เมตร) ขึ้นมาทุกที


มาถึงแล้วก็ต้องถ่ายรูปผู้พิชิตและผู้ร่วมชะตากรรมในสองวันที่ผ่านมากับการเดินเท้ามาจนถึงแคมป์ที่สองในวันที่สองของการเดินทางจนได้ สรุปว่าวันนี้ออกเดินทางตั้งแต่แปดโมง มาถึงแคมป์ที่พักตอนสี่โมงครึ่ง (แปดชั่วโมงครึ่ง) ไกด์บอกทำความเร็วใช้ได้เลย ไม่รู้ให้กำลังใจหรือประชด ยังไงก็ภูมิใจครับ สมาชิกในทีมผม มีหญิงอาวุโสอายุ 50 หนึ่งท่านกับสาวน้อยที่มีไตข้างเดียวอีกหนึ่งคน ก็ลากสังขารกันมาได้ ว่าไม่ได้นะครับ บางคนมาถึงแคมป์นี้แล้วถอดใจกลับเลยก็มี




สภาพแคมป์ทั้งภายนอกและภายในดูโอเค แม้จะไม่ดีเท่าแคมป์แรกที่ Met. Station ก็ตาม แต่ที่ประทับใจแบบจำได้ไม่ลืมแน่ๆ คือ สองวันที่ผ่านมาไม่ได้ปล่อยหนักเลย อากาศมันเย็นจนลำไส้ทำงานผิดปกติหรือมันเหนื่อยยังไงไม่ทราบ ได้มาปล่อยหมดไส้หมดพุงที่แคมป์นี้ ห้องน้ำซ้ายมือสุด โอ้ เป็นความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายอย่างที่สุด ถ้าท่านได้มาลองเอง อย่าลืมนะครับ ส้วมห้องซ้ายมือสุด


อีกเรื่องหนึ่งที่หมดห่วงไป คือ มีน้ำสะอาดเย็นเจี๊ยบ(จนมือชา)จากแหล่งน้ำธรรมชาติ ตั้งแต่จุดนี้เป็นต้นไป น้ำจากท่อหรือลำธารสะอาดพอที่จะดื่มได้แล้ว จะได้ดื่มน้ำเยอะๆ แบบไม่ต้องกลัวน้ำหมดระหว่างทางเสียที




ทานอาหารเย็นที่เขาจัดให้กับมาม่ารสต้มยำ เพิ่มความอบอุ่นและเผ็ดแซ่บให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี


แกล้มด้วยวิวยอดเขาเคนยายามพระอาทิตย์อัสดง ที่ก็คงหาดูยากแล้วในชีวิตนี้ เพราะคงไม่ได้กลับไปอีกแล้ว หรือหากได้กลับไปอีกก็ไม่รู้ยอดหิมะจะยังมีให้เห็นมั้ย หิมะเหลือน้อยเต็มทีและก็ละลายลงทุกปี


คืนที่ 2 เรากึ่งถูกบังคับให้เข้านอนกันตั้งแต่หัววัน ประมาณสองทุ่มก็หลับกันหมดแล้ว ต้องเก็บเรี่ยวแรงไว้สำหรับความสาหัสและท้าทายของวันที่ 3 ซึ่งเป็นไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้ เกริ่นไว้นิดนึงว่าถูกปลุกให้ตื่นกันตั้งแต่ตีหนึ่ง จะว่าเหมือนทหารเกณฑ์ก็ไม่ปาน









Create Date : 01 มกราคม 2555
Last Update : 22 มกราคม 2555 4:55:34 น. 2 comments
Counter : 3245 Pageviews.

 
ภูกระดึงว่าโหดแล้ว ชีวิตนี้ขอไปแค่ครั้งเดียวพอ มาเจอ Mt Kenya คาดว่าท่านก็คงหายอยากเช่นกัน ลงตอนต่อไปเร็วๆ รออ่านอยู่!


โดย: นพ IP: 58.9.33.144 วันที่: 1 มกราคม 2555 เวลา:21:33:29 น.  

 
เล่าได้สนุก รูปสวย น่าไปมากๆ ครับ


โดย: Beum IP: 41.140.103.207 วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:0:21:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.