ลุยโตเกียวคนเดียวก็ได้ ตอน 1 (13) สวัสดีนาริตะ และอาซากุสะยามค่ำ วันแรกก็โดนซะแระ
ถัดจากทริปอเมริกามา ( ย้อนอ่านได้ตรงนี้) เอวิก็เดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่น ประเทศสุดฮิตในใจเอวิล่ะค้า การเดินทางมาญี่ปุ่นในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้วค่ะ แต่...............
แปะวิดีโอก่อน ในตอนนี้จะมีบรรยาย+ภาพ ล่างลงไปจากวิดีโอนะคะ สำหรับท่านที่ไม่สะดวกดูวิดีโอ เลื่อนลงไปดูต่อได้ค่ะ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่แอบอ่านในเวลางาน
แต่..... มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ใครที่ชมวิดีโอด้านบนไปแล้วคงทราบแล้วว่าเกิดอะไร แต่ถ้าท่านยังไม่สะดวกชมวิดีโอ แบบอ่านนี้ก็จะเล่าให้ฟังค่ะ ฮือๆๆๆ จากความเหน็ดเหนื่อยในการเดินทางมาจาก วิสคอนซิน โดยสายการบินเดลต้า มาลงที่นิวยอร์กเพื่อขึ้นสายการบินไชน่า อิสเทิร์น บินอีก 13 ชั่วโมง เพื่อบินมายังเซี่ยงไฮ้ และวิ่งป่าราบจากเซี่ยงไฮ้เพื่อขึ้นให้ทันเครื่องที่จะมานาริตะแบบเฉียดฉิว (มีเวลาวิ่งจากประตูเครื่องเก่าไปเครื่องใหม่ พร้อมผ่านพิธีการที่ไม่ควรจะมีที่เซี่ยงไฮ้ 20 นาที) ขณะที่เครื่องจากนิวยอร์ก มาลงที่เซี่ยงไฮ้ เอวิก็ได้รู้จักผู้หญิงชาวจีนคนนึง รุ่นราวคราวเดียวกัน นางสอบถามเรื่องการไปต่อเครื่องไปญี่ปุ่น ก็เลยตามๆกัน คุยกันมาตั้งแต่เซี่ยงไฮ้ สาวนางนี้หน้าเหมือนโดนัท มนัสนันท์ น่ารักมาก ขอเรียกชื่อเล่น ๆ ว่าโดนัทละกันเนอะ เอวิกับโดนัทวิ่งมาต่อเครื่องได้ทันแบบฉิวเฉียดพอดี ระหว่างต่อแถวโดนัทเกิดนึกอะไรขึ้นได้ "เราลืมบุหรี่" นางซื้อบุหรี่มา 2 carton จะเอามาฝากพ่อ คือหลังจากโดนัทไปเที่ยวญี่ปุ่น 3 สัปดาห์แล้วจะกลับมาเซี่ยงไฮ้ แล้วไปบ้าน นางไปเจรจากับ จนท สรุปว่าไว้ขากลับมาเซี่งไฮ้จะมาเอา จากนั้นเราก็ขึ้นเครื่อง ไม่ได้นั่งติดกัน ต่างคนต่างนั่ง เครื่องจากเซี่ยงไฮ้เทคออฟ อิชั้นก็หลับ(แต่หลับแบบไม่ลืมกินอาหารนะ) ใช้เวลาบินจากเซี่ยงไฮ้มานาริตะ ประมาณ 2 ชั่วโมง ได้ดูหนังกันอย่างต่อเนื่องเพราะเรื่องเดียวกัน (ไชน่าอีสเทิร์นเหมือนกัน) ดูยาว ๆ จากนิวยอร์กไม่พอ ในที่สุดก็ถึงแดนอาทิตย์อุทัยที่เอวิไม่ได้มาถึง 4 ปี โอ้นี่แหละญี่ปุ่นของฉัน ขณะที่กำลังได้ฟีลลิ่งแบบดินแดนอาทิตย์อุทัย ที่มีพระอาทิตย์เจิดจรัสเป็นฉากหลัง ไมกี่นาทีถัดมา ไอ้ฉากหลังนั้นหายไปในพริบตา เอวิกับโดนัทเดินคุยกันหลังจากลงเครื่อง ผ่าน ตม อะไรเสร็จ ก็มารอกระเป๋า ญี่ปุ่นนี่ดี ให้ผู้สูงอายุมาทำงาน ที่สายพานรับกระเป๋านี้เป็นคุณลุง อายุน่าจะ 60 กว่าแล้ว กระเป๋าถูกหยิบไปจากสายพานจนหมด เหลือเอวิกับโดนัท และผู้โดยสารอื่นอีก 7-8 คน มองตากันปริบ ๆ คุณลุงเดินเข้าไปดูในช่องสายพาน และออกมาทำมือบอกว่า หมดแล้ว หมดแล้ว หมดแล้ว หมดแล้ว หมดแล้ว..... ไอ้ฉากหลังนั้นหายไปในพริบตาจริง ๆ เราสองคนไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เป็นเจ้าหน้าที่ของเจแปนแอร์ไลน์ เขาก็มีเจ้าหน้าที่มาประกบทีละคนให้กรอกเอกสาร ว่ากระเป๋าของเราเป็นยังไง มีอะไรข้างใน มีประกันหรือไม่ กรอกให้ละเอียด ของเอวิมีเจ้าหน้าที่ชื่อคุณ suda มาดูแล พูดภาษาอังกฤษพอได้ เอวิบอกเขาว่าจะอยู่ญี่ปุ่นประมาณ 5 วันเท่านั้น และไม่มีโทรศัพท์ติดต่อ แต่ก็ให้เบอร์พี่ชายไป ดั๊นโทรศัพท์เอวิมีปัญหาใช้เน็ตไม่ได้ แต่ก็พอจับไวไฟได้ ไลน์ไปบอกพี่ชาย แต่เขาก็ไม่อ่าน ตอนนั้นห้าโมงเย็นอาจจะเพิ่งเลิกงาน หรือกำลังเดินทาง เดชะบุญ เอวิเป็นคนกลัวของหายค่ะ เอกสารสำคัญ ยาต่าง ๆ พกติดตัวสะพายหลังมาตลอด จนท ขอที่อยู่โรงแรม พอ จนท โทรไปโรงแรม โรงแรมบอกไม่มีชื่อเอวิ อะไรนะ อะไรนะ อะไรนะ ............ (โปรดใส่คำอุทานหยาบคายตามชอบใจ) นี่มันวันอะไรกันวะ หันไปมองโดนัท นางกรอกเอกสารอยู่ไกล ๆ ว่าแต่นางซวยกว่า บุหรี่ก็ลืม กระเป๋าก็ไม่มา หายหรือไม่ไม่รู้ จนท ติดต่อไปอีกรอบ จนเจอชื่อ แต่เขาไม่รับฝากของ เลยติดต่อไปที่ ข้าวสาร originall (ที่พักที่สอง) บอกถ้ากระเป๋ามาให้ส่งไปได้ เฮ้อ ใบจองที่ข้าวสาร ซึ่งถ้ามีใส่ในโทรศัพท์ไว้ด้วยก็ดีค่ะ จนท เขาใช้เลขจองอันนี้แหละติดต่อกับโรงแรมให้ ตอนหลังพอติดต่อไปยังที่พักที่แรก โดยใช้เลขจอง เขาก็ตรวจสอบเจอนะโล่งอกไป กรอกเอกสารเสร็จประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่พาไปผ่านด่านศุลกากร ศุลถาม ในกระเป๋ามีนั่นนี่โน่นต้องห้ามไหม ไม่มีจ้าาาาาาาาาา นี่คือเอกสารที่สายการบินออกให้ค่ะ เก็บไว้ให้ดีไว้เคลมประกันนะคะ ผ่านออกมา สบายใจ(เหรอ) มีเป้ใบเดียว นั่งรถไฟชิว ๆ ไปที่พัก ย่านอาซากุสะ ซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ เคเซไลน์สีน้ำเงินที่เดิม จนท บอกให้ลงมารอที่ชานชาลา หมายเลข 1 ดูหมายเลขที่ชานชาลา เป็นหมายเลข 1 ถูกต้อง รถไฟเที่ยวที่ไปอาซากุสะเที่ยวนี้ วิ่งตรงไปยังอาซากุสะเลย ไม่ต้องเปลี่ยนที่ไหนแต่อย่างใด แต่ก็หาไม่เจอ ออกมาตรงนี้ค่ะ ภาพจากgoogle map ทีนี้ก็เดินไปซ้ายมือของภาพข้างบน เพื่อไปยัง guesthouse แต่ตอนที่ไปถึงจริง ๆ คือมันเป็นตอนมืดน่ะสิคะ เดินวนหาอยู่นาน ก็หาไม่เจอ ภาพจากgoogle map สุดท้ายหันไปหันมากลางความมืด (น่าจะประมาณ 6 โมงเย็น) กว่าจะหาเจอ นู่นนนนนน ป้ายสีเขียวในรูปข้างบนนั้นค่ะ พอเข้าไปที่พัก ก็เอาเอกสารไปยื่น ที่เคาน์เตอร์บอกไม่ใช่ที่นี่ เขาพามาอีกโต๊ะ (ติดกัน) แล้วบอก "ที่นี่" (ไอ้โต๊ะเมื่อกี๊คือโรงแรม New gyominso ) สรุปตึกเดียวกันมีสองโรงแรมใช้ล๊อบบี้เดียวกัน จนท. ก็พูดอังกฤษแทบไม่ได้เลย แต่ก็พอสื่อสารกันได้ เอวิได้ "ช่อง" 7007 นะคะ เดี๋ยวค่อยมารีวิวช่องพักนะคะ (คงคล้าย ๆ ห้องพัก) เหนื่อยมาตลอดทาง หาอะไรกินก่อนมานอนยาว ๆ (ที่นี่ห้องอาบน้ำปิดเที่ยงคืน เปิดอีกที 06.00-09.00 และเปิดอีกครั้ง 15.00 ห้องส้วมเปิดตลอด) ออกไปเดินหน้าวัดกัน ขอเชิญทุกท่านพบกับ......... ฝาท่อหน้าวัดเจ้าค่ะ หิวแล้ว ร้านนี้เปิดอยู่ มีโมเดลหน้าร้าน เอาวะเผื่อเรียกพนักงานมาชี้ได้ จัดไป ร้านนี้ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 1922 เกือบ 100 ปีแล้วนะคะ เมนูมา พระเจ้าช่วย ต้องใช้ดัชนีอรหันต์เหมือนเดิม แต่เมนูเครื่องดื่มเป็นภาษาอังกฤษ เลยชี้ ๆ แบบง่าย ๆ มา ปรากฏชีผิด กับเซ็ทที่ตั้งใจจะกิน แต่ก็เอาวะ (ขนาดชี้ยังชี้ผิดจะทำอะไรกินเนี่ย) เครื่องดื่มชาอู่หลง 320 เยน ตีเป็นเงินไทย............อย่าตีเหอะ ชงเองแก้วไม่ถึง 10 บาท บรรยากาศในร้าน นั่งได้ประมาณ 7-8 โต๊ะ เอวิโชคดี ดต๊ะข้าง ๆ เห็นเราเป็นต่างชาติก็ช่วยชี้ช่วยบอกให้ (ในวันโชคร้ายก็โชคดีนะ) ส่วนใหญ่มากันคนเดียวค่ะ เช็คบิล เสร็จแล้วเดินกลับมาเซลฟี่หน้าวัด ในวันที่แสนวุ่นวายวันนี้ค่ะ ยั้ง ยังยิ้มได้ (ให้ชื่อแคปชั่นนี้ในเฟซว่า "วันแรก กระเป๋าไม่มา โทสับใช้ไม่ได้ เมนูอาหารญี่ปุ่นล้วน ไหว้พระดีกว่าเผื่อจะดี') คืนแรกขอกลับไปนอนในซอกก่อนนะคะ ดูเหมือนจะหลับสบายใช่ไหมคะ แต่ไม่เลย เพราะมีแอบ jet lag เบา ๆ ตอนตีสอง วันต่อไปจะไปไหนต่อ อย่าลืมติดตามค่ะ มาดูกันว่า มาญี่ปุ่นคนเดียวจะไปไหนบ้าง
Create Date : 14 สิงหาคม 2560 |
|
17 comments |
Last Update : 16 ตุลาคม 2562 9:21:24 น. |
Counter : 3314 Pageviews. |
|
|
|