Bloggang.com : honeynut : มัตชา ความสุขเล็ก ๆ ในวันตึงเครียด

มัตชา ความสุขเล็ก ๆ ในวันตึงเครียด

สืบเนื่องมาจากซื้อมัตชา แบบชงสำเร็จ มาจากห้าง ในวันเศร้า ๆ เหงาๆ

ด้านหลัง

วิธีทำใกล้ ๆ

แต่ซื้อมาแล้วชงไม่เป็น เพราะอ่านไม่ออกเลยไปโพสในห้อง @Japan กระทู้นี้ค่ะ

คุณ maguro มาตอบ ขออนุญาตเก็บข้อมูลมาไว้ในบล๊อกค่ะ
"ที่บ้าน ส่วนใหญ่จะชงด้วยน้ำร้อน ขนาดก็ไม่ได้ตามข้างซองระบุหรอก เป็นคนชอบดื่มแบบเข้มๆๆ

ตามข้างซอง มัชชะ 1 ช้อนหรือ 12g ต่อน้ำ 120cc ใส่ทุกอย่างลงในแก้ว แล้วเอาช้อนคนๆๆให้เข้ากัน ตามด้วยใส่น้ำแข็งดื่มได้เลย

ชาแบบนี้สะดวกดีนะคะ ทานง่ายดี

ที่บ้านจะทำมัชชะนม ค่ะ คือซื้อนมข้นหวานแบบกระป๋องมาใส่ เติมด้วยน้ำร้อนนิดนึง ปล่องทิ้งไว้สักครู่ ตามด้วยน้ำแข็ง แล้วจับใส่โถปั่น ไปเลย จะได้มัชชะนม แบบปั่น อร่อยมากก

จากคุณ : maguro"

ทีนี้ถึงขั้นลองทำดู
1. ตักมัตชาจากซอง เกือบ ๆ 1 ช้อนกินข้าว

2. เติมน้ำร้อนไม่ต้องเยอะนะ ที่ว่าข้างซองใส่ 120 ซีซี เอง
พอใส่ปุ๊บ ไอ้เม็ด ๆ ละลายไปวับ

3. เอาช้อนคน ๆ

4. ใส่น้ำตาล เราใส่น้ำตาลเทียม 2 ซอง เพราะเดี๋ยวต้องใส่น้ำแข็งอีก

5. เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งได้เลย

6. เสร็จแย้ว

มัตชาจะเป็นชาที่ดื่มแล้วหอมขึ้นจมูกนิด ๆ กลมกล่อมนะคะ

เรื่องราวของมัตชา
ข้อมูลจาก Metro life Manager online

ไร่ชาที่ตระกูงนากามูระเลือกใช้มาทำมัทชา เนื่องจากเป็นไร่ที่มีความสมบูรณ์ที่สุด
ตระกูลนากามูระ เป็นตระกูลที่คลุกคลีกับชาเขียวมาตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ.2427 โดยซูกิชิ นากามูระคุณปู่ของเขาเริ่มผลิตชาเขียวมัทชาในชื่อว่า “Naka no Shiro Tea ” หรือ “มัทชา แห่งตระกูลนากามูระ” ทั้งนี้ตระกูลนากามูระได้รับการยกย่องว่าเป็นกูรูที่รอบรู้เรื่องชา จนได้รับประกาศเกียรติคุณจากไดเมียวคนที่ 7 แห่งเมืองมัตสุเอะ และคุณปู่ซูกิชิก็เป็นคนแรกที่คิดค้นเครื่องโม่ใบชาด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแทนการบดโดยใช้แรงงานคนกับโม่หินที่ใช้สืบทอดกันมากว่า 600 ปีแล้ว

มร.ฮาซาโอะ นากามูระ ทายาทรุ่นที่ 4 ได้ชื่อว่า Mr.Tea

แหล่งปลูกชาที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นนั้นอยู่ที่เมืองชิซูโอกะ ส่วนฤดูกาลเก็บชาจะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม-เมษายน โดยชาเขียวเซนชาได้จากยอดอ่อนของต้นชาเพียง 3 ใบเท่านั้น จากนั้นก็นำไปอบไอน้ำเพื่อให้ใบแห้ง วิธีการนี้จะทำให้สีของชาออกมาเป็นสีเขียว ขณะที่ชาจีนเป็นสีน้ำตาลเพราะทำให้แห้งโดยการคั่วไฟ

ยอดชามัทชาที่มีสีเขียวเข้ม

มัทชานั้นก็คือนำชาจากแปลงเดิมนั่นเอง แต่ก่อนที่จะเก็บนั้นจะทำการคลุมแปลงชาไม่ให้โดนแดดเป็นเวลา 1 เดือน ยอดชาจะมีสีเข้มมากขึ้นและคุณประโยชน์ก็จะมากขึ้นด้วย การเก็บชามัทชาจะต้องเก็บด้วยมือเท่านั้น ( ส่วนชาเซนชาจะเก็บด้วยเครื่อง ) และต้องรีบเก็บก่อนที่แดดจะออก นำยอดชาที่เก็บได้ไปอบด้วยไอน้ำเพื่อให้แห้งแล้วแยกส่วนใบออกจากก้าน นำเฉพาะใบอ่อนไปบดในเครื่องให้เป็นผงละเอียดที่สุด จะได้ผงชามัทชา ซึ่งนิยมนำไปใช้ชงในพิธีชงชา

มร.ฮิซาโอะ เปิดเผยถึงข้อแตกต่างระหว่างเซนชากับมัทชาว่า “ดื่มมัทชาจะได้คุณภาพอาหารจะดีกว่าเพราะนำไปบดได้ดื่มทั้งใบ ส่วนเซนจะนำใบไปชงน้ำร้อน สารอาหารประมาณ 40 %ในใบชาจะละลายมาในน้ำชา ส่วนที่เหลืออีก 60 % จะยังอยู่ในใบชา ”

ที่เราซื้อมา ซื้อจาก ฟูจิซุปเปอร์ค่ะ ราคาถุงนึง 194 บาท
120 กรัม ถ้าชงครั้งละ 12 กรัมก็ได้ 10 ครั้ง
คำเตือน อย่างกใส่น้อย เพราะจะไม่อร่อย อิอิ

Create Date : 11 กรกฎาคม 2550

Last Update : 11 กรกฎาคม 2550 15:57:43 น.

2 comments

Counter : 3002 Pageviews.

เข้ามาหาความรู้ใหม่ๆ ใส่ตัวครับ
แต่ว่าไม่ค่อยได้กินชาอะไรเลยอ่ะครับ

โดย: sak (psak28

) วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:30:29 น.

ชอบกินชาเขียวมากที่ซู้ดดด

โดย: Complicatedgirl

วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:16:42:07 น.