ชอบตัวนี้มากที่สุด
เสียตังไปได้มากโขกับร้านนี้ ไปกินซุชิสายพานกันนะคะ ที่นี่ก็แบ่งราคาตามสี
น้ำชาบริการฟรี กินเสร็จ พี่ชิฮารุอยากไปเบเกอรี่ โอเคได้เลย
ชื่อร้าน I suggest A.R.I
อยู่บนชั้น 2 นะคะ เจ้าของร้านชื่อ อาริ (ARI) พี่แกไปเรียนทำขนมอยู่เมืองนอก จนในที่สุดกลับมาเปิดร้านของตัวเองตอนอายุ 26 มีชื่อเสียงพอสมควร อย่างว่า คนญี่ปุ่น เวลามุ่งมั่นทำอะไรแล้วทำจริงจัง ว่าแต่ตอนนี้กรู 27 แล้วไม่เป็นชิ้นเป็นอันอะไรเล้ย...ย...
ถ่ายกับ อาริ ค่ะ น่ารักดี friendly ขนมก็ทำอร่อย ก่อนกลับพี่ชิฮารุซื้อหนังสือสอนทำขนมของอาริมาด้วย ว่าแต่เรานี่คงขาวสู้คนญี่ปุ่นไม่ได้จริง ๆ คนละไซส์ คนละสีเลย อย่าไปคิดมาก (ปลอบใจตัวเอง) ต่อไปเขาอาจจะเปลี่ยนเทรนด์ก็ได้)
เสร็จจากเบเกอรี่ก็ข้ามถนน เดินกลับไปสถานีรถไปเพื่อไปถนนที่วัยรุ่นนิยมไปช้อปกัน แนวว่าสยามบ้านเรา ระหว่างทาง มีที่ ๆ สอนเด็กๆ ปลูกข้าวด้วย เป็นการสอนเพื่อให้เด็กได้ลองลงมือทำจริง รู้ว่าการปลูกข้าวยากลำบากเพียงใด จะได้เห็นคุณค่าของข้าวที่กินอยู่ทุกวัน
เดินมาไม่นานก็มาถึง ด้านนี้เรียก ถนน Takeshita มีของแนว ๆ ขายเต็มไปหมด
จะเห็นได้ว่ามือถือของเยอะมาก
เสร็จแล้วก็กลับมาชินจูกุ พี่ชิฮารุ อยากกินอาหารไทย ได้เลยจ้า ไปร้านเพื่อนไทย บริหารและดำเนินการโดยพี่ติ๊ก คนไทยในญี่ปุ่นห่างจากบ้านราว 100 เมตร กินกันไกลจริง ๆ
อาหารไทย รสไทย ราคาไม่ไทย ชามละ 1000 เยน อือๆๆๆ 350 บาท แต่อย่างว่า วัตถุดิบมันคนละราคานะคะ ในร้านก็ได้พบคนไทยในญี่ปุ่น และได้คุยกับหมอชาวญี่ปุ่นคนนึง แกทำงานด้านหูคอจมูก เลยได้ แชร์กัน เกี่ยวกับเรื่องสาธารณสุข แต่ส่วนใหญ่ คุยกันเรื่องกินมากกว่า (อ่านะ) ร้านพี่ติ๊กขายดีมาก มีคนนึง พี่ติ๊กเล่าว่า แกมาทุกวัน ถึงขนาดว่าพี่ติ๊กแกทำอาหารอะไร ก็ทำเผื่อแก แบ่งให้แกชิมซะทุกจาน ยิ้มแก้มปริ คุยกับแก แกบอกไปเมืองไทยครั้งสุดท้าย 25 ปีก่อน ตอนไปฮันนิมูน โธ่ ตา....ป่านนี้เขาเปลี่ยนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว....
ขากลับเดินเล่นแถวบ้าน มีร้านนึงไอเดียเก๋ เอากระต่ายไว้หน้าร้าน
คงไม่มีเวลาเลี้ยงเลยเอาผักวางไว้ข้าง ๆ คนผ่านไปมาก็เอาให้กระต่ายกิน เป็นการเรียกลูกค้าได้อีกทางด้วย สุดยอด......
วันนี้หมดวันแล้ว นอนดีกว่า ปวดขา เดินไม่ไหว
อ่านต่อ คลิกที่นี่ ไป สำนักงาน Metropolitan Government Building