เหมือนเดิมค่ะ เราไปชมวิดีโอกันก่อน แล้วค่อยมาชมภาพกันค่ะ (ภาพอยู่ข้างล่างวิดีโอนะคะ)
การเดินทางมาที่ นิวยอร์ก จะมีสนามบินหลัก ๆ สองแห่ง ถ้าเป็นการเดินทางมาจากนอกสหรัฐอเมริกา เครื่องส่วนใหญ่จะบินมาลงสนามบิน JFK ถ้าเป็นการบินภายในประเทศ จะเป็นการบินที่สนามบิน
Laguardia แต่ก็จะมีบางสายการบินที่เป็นในประเทศแต่ไปลง JFK ก็มี
หลังผ่านพิธีการ ทีนี้เราก็มาถึงการเข้าเมืองกัน บางคนที่มีสัมภาระเยอะมากันหลายคน Taxi ก็เป็นทางเลือกที่ดี (จากเจเอฟเคเข้าแมนฮัตตันนี่มีคนบอกว่าเกือบร้อยเหรียญ ก็แพงอยู่นะคะ
)
วิธีที่ถูกที่สุด ก็คือการนั่งรถไฟนี่เองล่ะค่าาาาาาาา
ที่นี่รถไฟเรียก MTA มีหลายสายมาก ที่นิวยอร์กนี้ MTA มีครอบคลุมเกือบทั่วทั้งเมือง เดินทางได้สะดวก มีเยอะสายเต็มไปหมด
นั่งรถเข้าเมืองกัน (ในรูปนั่งแอร์เทรนนะคะ สังเกตเบาะด้านหลัง)
โดยที่พักที่เอวิเลือก เอวิเลือกพักที่ย่าน Lower east side ซึ่งเป็นย่านที่นับว่าปลอดภัยย่านหนึ่ง และไม่ไกลจาก China town ซึ่งมีของกินราคาถูก (เดี๋ยวเรื่องที่พักจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ)
(ในรูปเอวิคลิกสลับขากัน จริง ๆ ต้องจากสนามบินไปฝั่งแมนฮัตตันเนอะ)
การเดินทางออกจากสนามบิน มันจะมี
airtrain ที่เชื่อมกับทุกๆ Terminal ของสนามบิน JFK
โดยจะมี 3 สายดังนี้
1. สายที่วิ่งวนทุก Terminal
2. สายที่ไป Howard beach
3. สายที่ไป Jamaica (ชื่อสถานี Jamaica ไม่ใช่ ประเทศจาไมก้า นะคะ)
ทีนี้ต้องดูว่าเราจะไปย่านไหน ถ้า Manhattan ไปต่อที่จาไมก้า มันจะมีสายรถไฟที่ต่อไปได้หลายสาย และบางคนบอกว่า ถ้าไป Howard beach ช่วงมืดแล้วอาจไม่ปลอดภัยนัก
เอวิพักแถว Delancey street ซึ่งต้องไปด้วยรถไฟสาย J ซึ่งผ่านที่ Jamaica พอดี และไม่ต้องเปลี่ยนสาย
สรุป 1. นั่งรถ airtrain สายที่จะไป Jamaica ออกจากสนามบิน
2. พอถึงสถานี Jamaica ก่อนออกจากสถานี จะต้องไปซื้อตั๋วที่ตู้ เพื่อเอาบัตรมาเสียบ ที่ประตูทางออก ราคา 5 เหรียญ บวกค่าบัตรอีก 1 เหรียญ เป็น 6 เหรียญ บัตรเก็บไว้ ใช้ขากลับได้ เติมตังเอา
3. ตอนนี้เราอยู่สถานี Jamaica ของ airtrain เราต้องเดินจากสถานีนี้ ไปยัง
Sutphin BoulevardArcher AvenueJFK Airport (จำง่าย ๆ สถานีสุดฟิน)
มันคือสถานีเดียวกัน เหมือนหมอชิตของ BTS กับ สวนจตุจักรของ MRT คือมันอยู่ที่เดียวกัน แต่เดินไปอีกหน่อย เราหลงมาแล้ว นั่งไปจาไมก้าเซ็นเตอร์นู่นซึ่งมันผิด
- ซื้อตั๋วรถไฟ มันจะคิดเที่ยวละ 2.5 เหรียญ แต่เอวิซื้อเหมา สบายคลายกังวล 7 วัน 30 เหรียญ (มีค่าบัตรอีก 1 เหรียญ)
4. ที่ฝั่งสถานีสุดฟิน เราไปหาชานชลา ของ J train
5. ขึ้น
J-train ที่มันเขียนว่าไป Broad Street จะเข้าสู่ Manhattan (ดูสถานีที่ผ่าน
กดที่นี่)
6. เมื่อกี้บอกว่า เอวิอยู่ตรง Delancey street แต่ เจเทรนมันไม่จอด มันจอดสถานี Essex street ที่อยู่ห่างไปอีกบล๊อกนึง ฟังดูเหมือนจะงง คือสถานีคนละชื่อแต่อยู่ติดกัน รถวิ่งคนละสาย เห้อออออ
โรงแรมนี่หาได้ทาง
Hostel world และ
Booking.com ค่ะ การจองผ่านเว็บที่ไว้ใจได้ เราจะอุ่นใจระดับหนึ่งว่าเราจะไม่โดนเท เพราะเราจ่ายมัดจำไปแล้ว ในเว็บนี้เป็นการจ่ายมัดจำ 10 % พอไปถึงโรงแรมค่อยจ่ายที่เหลือจนเต็มราคา ตอนที่จอง พอกดให้หักมัดจำปุ๊บ สัก 5 นาที ทางโรงแรมเมล์มาทักทายเลย ส่งแผนที่มาให้ โรงแรมที่ดี และน่ารัก มักรีบส่งข้อความมาทักผู้จอง บอกโรงแรมที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ก็จะนิ่งเงียบ ลูกค้ารีบใจร้อนอย่างเราก็จะเมล์ไปทักเขา ว่าเราจะไปวันนี้ๆ คอนเฟิร์มนะ แล้วเจอกัน เขาถึงมีเมล์ตอบมา
ก่อนจองที่พักนี้ เอวิดูอยู่หลายโรงแรมค่ะ โรงแรมที่ราคาน่ารักก็จะมีที่นี่ ที่ดูปลอดภัย และราคารับมือไหว ที่นี่ราคา 2500 บาทโดยประมาณ ซึ่งราคานี้ได้แค่นอนรวมค่ะ ห้องเดียวเฉียดหมื่น เอวิพัก 2 คืนนี่กระอัก ซึ่งโรงแรมนี้น่ารักมาก ออกแนว บูติคโฮเต็ล
โลเคชั่น
ที่ว่าจะเล่าเรื่องซิมโทรศัพท์
Sim2fly ของเอไอเอส ทริปนี้ เอวิไป อเมริกา และญี่ปุ่น การเช้า Pocket wifi ดูจะลำบาก เพราะไป 2 ประเทศ เลยโทรไปเช็คราคากับทางคอลเซ็นเตอร์ก่อน ซึ่งคอลฯบอกว่า ถ้าเป็นอเมริกา ยุโรป ราคา 15 วัน 899 เอเชีย 7 วัน 349 (ราคาปี 2016) และซื้อซิมส์เดียวและใช้สองโปรต่อกันได้ ถ้าเปิดใช้และเติมเงินปุ๊บมันจะเริ่มนับวันที่ 1 ทันที (รายละเอียดแนะนำให้ถาม จนท จะดีที่สุดค่ะ) พอลงสนามบินมา เอวิรีบเปิดเครื่องเลย สามารถจับสัญญาณได้เลยไม่ต้องตั้งค่าอะไร แต่เพื่อความชัวร์ถาม จนท เขามาก่อนจะดีมากค่ะ สัญญาณก็ดี เอวิส่วนใหญ่เน้นเล่นเน็ต
เออ ปล. มันโทรเป็นโทรศัพท์ในอเมริกาไม่ได้นะคะ เป็นเฉพาะของเอวิหรือเปล่าไม่รู้
มาดูห้องพัก
ห้องพัก เป็นเตียงสองชั้น ราคาที่นอนละ 2500 บาท ห้องหญิงรวม มีแอร์ ตอนแรกเข้ามาหนาวนิดหน่อยคือแอร์แรงมาก แต่ก็อุ่นกว่าข้างนอก นัดกับวิกกี้ไว้ทุ่มนึงนางอยากไป Time square ไอ้เรายังไงก็ได้ ก็ได้โอกาสนอนพัก เปลี่ยนเสื้อผ้า ในห้องพักยังไม่มีเพื่อนเลยค่ะ
ครื้มอกครื้มใจ อาบน้ำดีกว่า ขุ่นพระ ฝักบัวฝรั่งนี่มันเปิดไงวะ
ไอ้เราก็นึกว่า H = Hight C (เห็นเป็น L)= Low
นึกว่าเมืองฝรั่งไม่มีน้ำร้อนให้อาบซะอีก แหมมมม....
พอพักจนได้เวลา เกือบทุ่ม เอวิเดินไปหาวิกกี้ตามโลเคชั่นที่นางให้เลย ทำไมมันมืดจัง เดินวนไปวนมา นางก็บอกว่า ออกมาแล้วๆ ตรงไหนวะ
ขณะกำลังยืนเช็คไลน์ มีฝรั่งผู้หญิงคนนึงเดินผ่านมา กระซิบข้างหู "ยู อย่าหยุดยืน อันตราย Keep Walking" ชิบเป๋งแล้ว เพื่อนก็ยังไม่มา เอวิเดินวนไปค่ะ
หมดหนทาง ไปรอหน้า Starbucks
ยืนรอวิกกี้ที่หน้า starbucks นางก็ไม่มาสักที ไลน์ไปใหม่ อีลืมกุญแจไว้ในห้อง นอกห้องไม่มีเน็ต นางเลยต้องไปขอกุญแจเขามาเปิด (นางพัก China town ห่างไป 2 บล็อกจากเอวิ พักห้อง airbnb)
สรุปกว่าจะเจอกัน สองทุ่ม
สรุปอีกที นางเหนื่อย นางไป Time square ไม่ไหว นางชวนไปกินข้าว China town (เมิงเหนื่อยอารัย กรูนี่ออกจาก กทม ไปเซี่ยงไฮ้ ไปนิวยอร์ก นางมานอนเซี่ยงไฮ้ก่อนหน้า 1 วัน แม๊......)
เมนู ราคาประหยัด ในนิวยอร์กได้ 1 อิ่มราคานี้นับว่า โอเคสุดละ
ทีนี้สบาย นางพูดจีนกลาง สั่งอาหารให้เราอย่างง่าย เอวิเอาเกี๊ยวซ่า ถูกสุด (เบอร์ 13) เราคนไทยไม่ต้องกังวล มันมีภาษาอังกฤษ มันมาที 6 ลูกใหญ่ แม่เจ้า เล่นเอาจุก แนะนำให้ใส่ซอสพริกด้วย ไม่งั้นจืดสนิท
1 อิ่ม ประหยัด เดินกลับห้อง (วิกกี้พักห้องถัดจากร้าน) ก่อนเข้าที่พัก ตาดีเห็นร้านมินิมาร์ทอยู่ถนนใหญ่ก่อนเข้าที่พัก จัดซะหน่อย ของราคาโอเค มีป้ายราคาติด ไม่ต้องลำบากใจถาม
สอยของมากินดีกว่า มีดังนี้
กาแฟ ราคาไม่แรงเท่าสตาร์บัค ขวดนี้ 2 เหรียญกว่า ไว้กินตอนเช้า (อย่าใส่ใจกับท่านั่งนะคะ หมดแรง)
เอาล่ะค่ะ เราก็เดินทางมาถึง New York สักที พรุ่งนี้เป็นวันที่จะออกเที่ยวจริง ๆ แล้ว อย่าลืมติดตามกันต่อนะคะ รอชมต่อตอนหน้าค่ะ