**ปฏิจจสมุปบาท..ธรรมอันควรได้สดับก่อนตาย**
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ผู้ใดเห็นตถาคต ผู้นั้นเห็นปฎิจจสมุปบาท" ข้าพเจ้ารู้จัก"ปฏิจจสมุปบาท"ครั้งแรกเมื่อตอนนั่งแท็กซี่กลับบ้านในวันหนึ่งคนขับแท็กซี่ท่านนี้แปลกกว่าท่านอื่นๆ ที่ข้าพเจ้าเคยพานพบมา คือ จะวางมือถือไว้ที่ด้านหน้าจอแสดงผลสมรรถนะของรถยนต์ด้านหลังพวงมาลัย แล้วเปิดบทสวดปฏิจจสมุปบาทจากยูทูปให้ผู้โดยสารฟังพร้อมกับสวดคลอไปด้วยความคล่องแคล่ว ข้าพเจ้ารู้สึกสนเท่เป็นอย่างยิ่ง คิดในใจว่า "ใยสารถีหนุ่ม(วัยยังไม่ถึง 40) ผู้นี้เปิดธรรมะแทนที่จะเป็นเพลงหรือข่าวเช่นสารถีอื่นๆ" สอบถามจึงได้ความว่าเขาผู้นี้เพิ่งสูญเสียภรรยาไปเมื่อไม่นานนี้ด้วยอาการป่วย ก่อนเธอตายเขาได้เปิดบทสวดมนต์ทุกบทอันเป็นที่เลื่อมใส ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนให้ภรรยาฟัง หลังจากภรรยาเสียชีวิตแล้วก็มีการเก็บศพไว้ทำพิธีตามความเชื่อของคนอิสาน ผ่านไปสามวัน สภาพศพดำและเริ่มเน่าเหม็น เป็นที่อเนจอนาถใจนัก หลังจากนั้น.. ด้วยความเป็นชาวพุทธผู้หนึ่งที่เลื่อมใสในธรรมะของพระพุทธศาสดาจึงปฏิบัติตนเป็นพุทธมามกะที่ดี และได้รู้จักปฏิจจสมุปบาทจากโซเชียลมีเดียและกัลยานมิตรที่เกี่ยวข้องรับรู้ว่าเป็นพระวจนะของพระพุทธเจ้า มีความเชื่อว่าผู้ได้สดับพระธรรมนี้จะส่งผลในพุทธคุณสูงส่งกว่าบทสวดมนต์ทั่วไปที่ส่วนใหญ่อริยะสาวกเป็นผู้รังสรรค์ขึ้นมา ด้านอิทธิปาฏิหาริย์ คนขับแท็กซี่ท่านนี้อ้างว่ามีการแชร์ภาพผู้ป่วยที่ได้สดับบทสวดปฏิจจสมุปบาทในช่วงสุดท้ายของชีวิตจะเป็นผู้เห็นธรรม และเห็นตถาคต ตามนั้น เมื่อตายไป สภาพศพเหมือนคนนอนหลับ ไม่ต้องฉีดยาฟอร์มาลิน และไม่เน่าเหม็นเมื่อผ่านไปสักเพลาหนึ่ง ซึ่งแพทย์ที่โรงพยาบาลจุฬาเองยังไม่อาจหาเหตุผลมาอธิบายได้สภาวะนั้นได้ สำหรับข้าพเจ้ามิได้หลงไปกับอิทธิพลของอิทธิปาฏิหาริย์ที่คนขับรถแท็กซี่กล่าวอ้าง เนื่องจากเห็นว่าอาจทำให้เกิดการยึดติด กลายเป็น สีลัพพตปรามาส หลังจากได้สืบค้น สดับรับฟังและพยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหาของปฏิจจสมุปบาทแล้ว ข้าพเจ้าก็รู้สึกเลื่อมใสในทันใด มองเห็นการเกิด-ดับของอุปาทานขันธ์5 ของสัตว์โลกชัดเจนขึ้นมาก และใคร่อยากเชิญชวนบุคคลที่อยู่แวดล้อมของข้าพเจ้าและสาธุชนชาวพุทธทั้งหลายให้ลองสดับรับฟังแล้วพิจารณาธรรมะในหัวข้อ ปฏิจจสมุปบาทนี้ให้แยบคาย ให้แตกฉาน แล้วนำไปประยุกต์กับธรรมะหัวข้ออื่นๆ ที่ได้เรียนรู้มา ตัวอย่างเช่น อริยสัจ4..สติปัฏฐาน4..พระไตรลักษณ์ ผ่่่่่่่านการบำเพ็ญเพียรธรรมกริยา หรือ วิปัสสนากรรมฐานที่ถือปฏิบัติอยู่ ก็จะพบความสอดคล้องกัน พบเหตุปัจจัยการเกิด-ดับของนามรูปทั้งหลาย โดยที่การบำเพ็ญเพียรธรรมกริยาหรือ วิปัสสนากรรมฐานนั้น ก็เปรียบเสมือนประตูทาง เข้า-ออก หรือทางเชื่อมนั่นเอง เมื่อเอาหลักธรรมใดผ่านเข้ามาในประตูนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ตรงทางออกก็คือ มรรคผลอันเกิดจากหลักธรรมนั้นๆ แหล่งข้อมูลในการศึกษา https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97 https://th.wikipedia.org/wiki/ปฏิจจสมุปบาท https://www.youtube.com/watch?v=AI1i4sCLJEM https://www.youtube.com/watch?v=Fq4erwL36A8 https://www.youtube.com/watch?v=w40gcL-3NK4
Create Date : 18 พฤษภาคม 2561 |
|
5 comments |
Last Update : 18 พฤษภาคม 2561 16:01:04 น. |
Counter : 5561 Pageviews. |
|
|
แม้จะมีบางคนนินทา ครหา ต่อพระอาจารย์ในหลายประการและในหลายคำรบ แต่ข้าพเจ้าเลือกที่จะมองข้ามเสีย ข้าพเจ้าสนใจแต่เนื้อหาที่พระอาจารย์สั่งสอนเท่านั้น เพราะสิ่งที่พระอาจารย์เทศนา สั่งสอนมานั้น ข้าพเจ้าเห็นว่า เป็นหลักธรรมเดียวกับในพระไตรปิฎกที่เผยแพร่ในพุทธศาสนาอยู่ทั่วไป เพียงแต่พระอาจารย์มีวิธีการเทศน์ที่แยบยล สามารถหยิบยกเอาสิ่งที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ ในพระสูตรต่างๆ มาประกอบ/แทรกอยู่ในคำสอน ทำให้น่าสนใจและไม่น่าเบื่อหน่าย ทำให้สดับรับฟังได้ง่าย ซึ่งหาได้ยากมากๆ ในหมู่พระสงฆ์ซึ่งเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า และต้องทำหน้าที่เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
การเผยแผ่หลักพระธรรมที่ยากและลึกซึ้ง หากไม่มีกุศโลบายอันแยบคายและแยบยล ย่อมไม่อาจโน้มน้าวผู้ฟังให้เกิดดวงตาเห็นธรรม และเคารพเลื่อมใสได้